The investigators used data from th

The investigators used data from the Early Childhood Longitudinal Study-Kindergarten Cohort (ECLS-K) to estimate whether and to what extent the timing and persistence of mathematics difficulties (MD) in kindergarten predicted children's first through fifth grade math growth trajectories. Results indicated that children persistently displaying MD (i.e., those experiencing MD in both fall and spring of kindergarten) had the lowest subsequent growth rates, children with MD in spring only had the second-lowest growth rates, and children with MD in the fall only (and who had thus recovered from their MD by the spring of kindergarten) had the next-lowest growth rates. The children who did not have MD in either fall or spring of kindergarten had the highest growth rates. These results were observed prior to and after statistical control for additional variables. They indicate that measuring the timing and persistence of kindergarten children's mathematics learning difficulties may help identify those most at risk for failing to become mathematically proficient during elementary school.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

นักสืบที่ใช้ข้อมูลจากช่วงวัยเด็กระยะยาวอนุบาลศึกษา Cohort (เปิดผนึก-K) ประเมินว่า และขอบเขตเวลาการคงอยู่ของปัญหาคณิตศาสตร์ (MD) ในโรงเรียนอนุบาลทำนายเด็กแรกผ่าน trajectories เติบโตคณิตศาสตร์ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ผลระบุว่า เด็กสามารถแสดง MD (เช่น ผู้ที่ประสบปัญหา MD ในฤดูใบไม้ร่วงและฤดูใบไม้ผลิของโรงเรียนอนุบาล) มีอัตราการขยายตัวตามมาต่ำ เด็ก MD ในฤดูใบไม้ผลิมีอัตราเติบโตต่ำสุดที่สองเท่านั้น และเด็กกับ MD ในฤดูใบไม้ร่วงเท่านั้น (ที่ดังได้หายจาก MD ของพวกเขา โดยฤดูใบไม้ผลิของโรงเรียนอนุบาล) มีอัตราการขยายตัวต่ำสุดถัดไป เด็กไม่มี MD ในฤดูใบไม้ร่วง หรือฤดูใบไม้ผลิของโรงเรียนอนุบาลมีอัตราเติบโตสูงสุด ผลลัพธ์เหล่านี้ถูกตรวจสอบก่อน และ หลังการควบคุมทางสถิติสำหรับตัวแปรเพิ่มเติม พวกเขาแสดงที่วัดเวลาการคงอยู่ของโรงเรียนอนุบาลคณิตศาสตร์เด็กเรียนรู้ความยากลำบากอาจช่วยระบุเหล่านั้นส่วนใหญ่ที่มีความเสี่ยงในการเป็น mathematically ชาญระหว่างโรงเรียนประถมศึกษา

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

นักวิจัยใช้ข้อมูลจากการศึกษาปฐมวัยศึกษาระยะยาวอนุบาลหมู่ (ECLS-K) ในการประเมินว่าและสิ่งที่ขอบเขตระยะเวลาและความคงทนของความยุ่งยากทางคณิตศาสตร์ (MD) ที่คาดการณ์ไว้ในระดับอนุบาลเด็กแรกผ่านเกรดวิถีการเจริญเติบโตทางคณิตศาสตร์ที่ห้า ผลการศึกษาพบว่าเด็กเสมอแสดง MD (เช่นผู้ที่ประสบ MD ทั้งในฤดูใบไม้ร่วงและฤดูใบไม้ผลิของโรงเรียนอนุบาล) มีอัตราต่ำสุดเจริญเติบโตต่อมาเด็กที่มี MD ในฤดูใบไม้ผลิมีเพียงสองต่ำสุดอัตราการเจริญเติบโตและเด็กที่มี MD ในฤดูใบไม้ร่วงเท่านั้น (และผู้ที่ได้รับคืนจึงจาก MD ของพวกเขาโดยฤดูใบไม้ผลิของโรงเรียนอนุบาล) มีต่อไปต่ำสุดอัตราการเจริญเติบโต เด็กที่ไม่ได้มีการ MD ทั้งในฤดูใบไม้ร่วงหรือฤดูใบไม้ผลิของโรงเรียนอนุบาลมีอัตราการเติบโตสูงที่สุด ผลลัพธ์เหล่านี้ถูกตั้งข้อสังเกตก่อนและหลังการควบคุมทางสถิติสำหรับตัวแปรเพิ่มเติม พวกเขาแสดงให้เห็นว่าการวัดเวลาและความคงทนของปัญหาการเรียนรู้คณิตศาสตร์ของเด็กอนุบาลอาจช่วยระบุผู้ที่มีความเสี่ยงสำหรับความล้มเหลวที่จะกลายเป็นความเชี่ยวชาญทางคณิตศาสตร์ระหว่างโรงเรียนประถมศึกษา

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

นักวิจัยใช้ข้อมูลจากการศึกษาปฐมวัย อนุบาลศึกษาระยะยาว ( ecls-k ) ประมาณการว่า และสิ่งที่ขอบเขตเวลาและความคงอยู่ของความยุ่งยากทางคณิตศาสตร์ ( MD ) อนุบาลคาดการณ์แรกเด็กผ่าน ป. 5 คณิตศาสตร์วิถีการเจริญเติบโต . ผลการวิจัยพบว่าเด็กเสมอแสดง MD ( เช่นผู้ประสบปัญหา MD ทั้งในฤดูใบไม้ร่วงและฤดูใบไม้ผลิของโรงเรียน ) มีอัตราการขยายตัวต่ำสุดที่ตามมา เด็กกับ MD ในฤดูใบไม้ผลิมีเพียงสองต่ำสุดอัตราการเติบโต และเด็กกับ MD ในฤดูใบไม้ร่วงเท่านั้น ( และที่จึงหายจาก MD ของฤดูใบไม้ผลิของโรงเรียน ) มีอัตราการเติบโตต่อไปน .เด็กที่ไม่ได้มี MD ในฤดูใบไม้ร่วงหรือฤดูใบไม้ผลิของโรงเรียนสูงมีอัตราการเจริญเติบโต ผลลัพธ์เหล่านี้พบว่าก่อนและหลังการควบคุมทางสถิติสำหรับตัวแปรเพิ่มเติมพวกเขาพบว่า การวัดเวลาและความเพียรของเด็กอนุบาลคณิตศาสตร์ปัญหาการเรียนรู้อาจช่วยระบุผู้ที่เสี่ยงมากที่สุดสำหรับความล้มเหลวที่จะกลายเป็นความเชี่ยวชาญในทางคณิตศาสตร์ระดับประถมศึกษา