the Renaissance (which literally me

the Renaissance (which literally means "rebirth") was a time of great cultural awakening and a flowering of the arts, letters, and sciences throughout Europe. With the rise of humanism, sacred music began for the first time to break free of the confines of the Church, and a school of composers trained in the Netherlands mastered the art of polyphony in their settings of sacred music. One of the early masters of the Flemish style was Josquin des Prez. These polyphonic traditions reached their culmination in the unsurpassed works of Giovanni da Palestrina.
Of course, secular music thrived during this period, and instrumental and dance music was performed in abundance, if not always written down. It was left for others to collect and notate the wide variety of irrepressible instrumental music of the period. The late Renaissance also saw in England the flourishing of the English madrigal, the best known of which were composed by such masters as John Dowland, William Byrd, Thomas Morley and others.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เรเนสซอง (ซึ่งหมายความว่า "เกิดใหม่" อย่างแท้จริง) เป็นเวลาของวัฒนธรรมตื่นดีและดอก ตัวอักษร และศิลปะศาสตร์ทั่วทั้งยุโรป มีการเพิ่มขึ้นของมนุษยนิยม เพลงศักดิ์สิทธิ์เริ่มครั้งแรกการของขอบเขตของคริสตจักร และโรงเรียนของคีตกวีที่ผ่านการฝึกอบรมในประเทศเนเธอร์แลนด์ที่เข้าใจศิลปะของ polyphony ในค่าของเพลงศักดิ์สิทธิ์ หนึ่งในต้นแบบต้นแบบเฟล็มมิช Josquin des Prez ประเพณีเหล่านี้เหมือนจริงถึงความสุดยอดในงานกำลังของ Giovanni da Palestrinaแน่นอน เพลงทางโลกที่ฟื้นตัวในช่วงเวลานี้ และเพลงบรรเลงและเต้นถูกดำเนินในความอุดมสมบูรณ์ ถ้า ไม่เขียนลงเสมอ มันถูกทิ้งให้รวบรวม และ notate หลากหลาย irrepressible งดนตรีของผู้อื่น เรอเนสซองซ์ปลายยังเห็นในอังกฤษเฟื่องฟูของบทเพลงภาษาอังกฤษ รู้จักกันดีที่ได้ประกอบด้วย โดยต้นแบบเช่นจอห์นเดาว์แลนด์ William Byrd, Thomas Morley และอื่น ๆ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เรเนสซอง (ซึ่งหมายความว่า "การเกิดใหม่") เป็นช่วงเวลาของการกระตุ้นวัฒนธรรมที่ดีและการออกดอกของศิลปะที่เป็นตัวอักษรและวิทยาศาสตร์ทั่วยุโรป ด้วยการเพิ่มขึ้นของความเห็นอกเห็นใจที่เพลงศักดิ์สิทธิ์เริ่มเป็นครั้งแรกที่จะเป็นอิสระจากขอบเขตของคริสตจักรและโรงเรียนของคีตกวีผ่านการฝึกอบรมในประเทศเนเธอร์แลนด์เข้าใจศิลปะของการพฤกษ์ในการตั้งค่าของเพลงศักดิ์สิทธิ์ หนึ่งในระดับปริญญาโทในช่วงต้นของสไตล์เฟลมิชเป็นสกินเดส์ Prez โพลีโฟนิประเพณีเหล่านี้ถึงจุดสุดยอดของพวกเขาในการทำงานที่ไม่มีใครเทียบของจิโอวานนีดา Palestrina.
แน่นอนโลกดนตรีเติบโตในช่วงเวลานี้และบรรเลงเพลงและการเต้นรำที่ได้ดำเนินการในความอุดมสมบูรณ์หากไม่ได้เขียนลงเสมอ มันถูกทิ้งไว้สำหรับคนอื่น ๆ ในการเก็บรวบรวมและ notate ความหลากหลายของดนตรีไม่สามารถระงับได้ของรอบระยะเวลา ในช่วงปลายยุคฟื้นฟูศิลปวิทยายังเห็นในอังกฤษเฟื่องฟูของบทกวีภาษาอังกฤษที่รู้จักกันดีที่สุดที่ถูกแต่งโดยโทเช่นจอห์น Dowland วิลเลียมเบิร์ดโทมัสมอร์ลี่ย์และคนอื่น ๆ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา ( ซึ่งแท้จริงหมายถึง " เกิดใหม่ " ) คือเวลาของการกระตุ้นวัฒนธรรมที่ดีและการออกดอกของศิลปะ , ตัวอักษร , และวิทยาศาสตร์ทั่วยุโรป ด้วยการเพิ่มขึ้นของมนุษยนิยม เพลงศักดิ์สิทธิ์เริ่มเป็นครั้งแรกเพื่อทำลายฟรีของขอบเขตของโบสถ์และโรงเรียนของคีตกวีได้รับการฝึกฝนในเนเธอร์แลนด์เข้าใจศิลปะของการมีหลายเสียงในการตั้งค่าของเพลงศักดิ์สิทธิ์หนึ่งในต้นแบบแรกของรูปแบบภาษาเฟลมิชเป็น josquin Des Prez . ประเพณีมีเหล่านี้ถึงสุดยอดในผลงานชั้นเยี่ยมของจิโอวานนิดา Palestrina .
แน่นอน โลกดนตรี thrived ในช่วงเวลานี้และเพลงบรรเลงและเพลงได้มากมาย ถ้าไม่ได้เขียนลงไปมันถูกทิ้งให้คนอื่นเก็บ และหมายเหตุหลากหลายเพลงร่าเริงของระยะเวลา ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาในอังกฤษแล้วยังเห็นความรุ่งเรืองของกวีชาวอังกฤษที่รู้จักกันดีซึ่งถูกแต่งโดยผู้เชี่ยวชาญ เช่น ปอร์ตูอาเลเกร วิลเลียม เบิร์ด โทมัส มอร์เลย์ และคนอื่น ๆ