Coconut oil, according to recent re

Coconut oil, according to recent reports, is the latest food cure-all. Claims abound that coconut oil is a health food that can cure everything from poor immune function, thyroid disease, and heart disease, to obesity, cancer, and HIV.

So should you stock up on coconut oil? Not so fast.

The evidence that coconut oil is super-healthful is not convincing and these claims appear to be more testimonials than clinical evidence.

There is very limited evidence on disease outcomes, says Dariush Mozaffarian, MD, DrPH, of Harvard Medical School and Harvard School of Public Health. "All that has been studied well is the impact of coconut oil on cholesterol levels and the findings are intriguing but we still don't know if it is harmful or beneficial," Mozaffarian says.

Neither the American Heart Association (AHA) nor the U.S. government's 2010 Dietary Guidelines suggest that coconut oil is any better or preferable over other saturated fats. Coconut oil, like all saturated fats, should be limited to 7%-10% of calories because it can increase risk for heart disease, according to the AHA and 2010 Dietary Guidelines.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

น้ำมันมะพร้าว ตามรายงานล่าสุด เป็น cure-all อาหารล่าสุด เรียกร้องมากว่า น้ำมันมะพร้าวเป็นอาหารสุขภาพที่สามารถรักษาทุกสิ่งทุกอย่าง จากดีอักเสบ โรคไทรอยด์ โรคหัวใจ โรคอ้วน โรคมะเร็ง และเอชไอวี ดังนั้น ควรซื้อน้ำมันมะพร้าว ไม่อย่างรวดเร็วไม่มีการทำให้หลักฐานที่ว่าน้ำมันมะพร้าวเพื่อสุขภาพเตอร์รุ่น และเรียกร้องเหล่านี้จะ มีใบรับรองเพิ่มเติมกว่าหลักฐานทางคลินิกมีหลักฐานที่จำกัดมากเกี่ยวกับโรคผล กล่าวว่า Dariush Mozaffarian, MD, DrPH โรงเรียนการแพทย์ฮาร์วาร์ดและฮาร์วาร์ดโรงเรียนสาธารณสุข "ทั้งหมดที่มีการศึกษาดีคือผลของน้ำมันมะพร้าวในระดับไขมัน และผลการวิจัยน่า แต่เรายังไม่ทราบว่าจะเป็นอันตราย หรือเป็นประโยชน์ Mozaffarian กล่าวว่าไม่สมาคมหัวใจอเมริกัน (ลเอ) หรือแนวทางของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา 2010 อาหารสำหรับผู้แนะนำน้ำมันมะพร้าวที่มีกว่า หรือดีกว่าได้มากกว่าไขมันอิ่มตัวอื่น ๆ น้ำมันมะพร้าว ไขมันอิ่มตัวทั้งหมด เช่นควรจำกัดการ 7-10% ของแคลอรี่เนื่องจากมันสามารถเพิ่มความเสี่ยงโรคหัวใจ ตามลเอและ 2010 แนวทางอาหารสำหรับผู้

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

น้ำมันมะพร้าวตามรายงานเมื่อเร็ว ๆ นี้เป็นรุ่นล่าสุดที่รักษาทั้งหมดอาหาร สิทธิเรียกร้องดาษดื่นว่าน้ำมันมะพร้าวเป็นอาหารเพื่อสุขภาพที่สามารถรักษาทุกอย่างจากการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันไม่ดีโรคต่อมไทรอยด์และโรคหัวใจ, โรคอ้วน, โรคมะเร็งและเอชไอวี. ดังนั้นคุณควรตุนน้ำมันมะพร้าว? ไม่ได้เร็ว. หลักฐานที่แสดงว่าน้ำมันมะพร้าวเป็นซุปเปอร์ที่ดีต่อสุขภาพไม่น่าเชื่อและเรียกร้องเหล่านี้ดูเหมือนจะเป็นคำรับรองมากกว่าหลักฐานทางคลินิก. มีหลักฐานที่ จำกัด มากต่อผลลัพธ์โรค Dariush Mozaffarian, MD, DrPH ของโรงเรียนแพทย์ฮาร์วาร์และบอกว่า ฮาร์วาร์โรงเรียนสาธารณสุข "ทุกคนที่ได้รับการศึกษาดีเป็นผลกระทบของน้ำมันมะพร้าวในระดับคอเลสเตอรอลและผลเป็นที่รัก แต่เรายังไม่ทราบว่ามันเป็นอันตรายหรือเป็นประโยชน์" Mozaffarian กล่าว. ทั้งสมาคมหัวใจอเมริกัน (AHA) หรือสหรัฐอเมริกา แนวทางการบริโภคอาหารของรัฐบาล 2010 ชี้ให้เห็นว่าน้ำมันมะพร้าวใด ๆ ที่ดีกว่าหรือที่นิยมมากกว่าไขมันอิ่มตัวอื่น ๆ น้ำมันมะพร้าวเช่นไขมันอิ่มตัวทั้งหมดควรจะ จำกัด 7% -10% ของแคลอรี่เพราะมันสามารถเพิ่มความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจตาม AHA และ 2010 แนวทางการบริโภคอาหาร

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

น้ำมันมะพร้าว , ตามรายงานล่าสุด คือ อาหารล่าสุดการรักษาทั้งหมด เรียกร้องมาว่า น้ำมันมะพร้าวเป็นอาหารเพื่อสุขภาพที่สามารถรักษาทุกอย่างจากฟังก์ชันภูมิคุ้มกันไม่ดี โรคต่อมไทรอยด์ และ โรคหัวใจ โรคอ้วน โรคมะเร็ง และโรคเอดส์

ดังนั้นคุณควรเก็บสำรองน้ำมันมะพร้าว

ไม่เร็วมากหลักฐานที่ใช้น้ำมันมะพร้าวเป็นซุปเปอร์สุขภาพ ไม่น่าเชื่อและการเรียกร้องเหล่านี้จะปรากฏเป็นข้อความรับรองมากกว่าหลักฐานทางคลินิก

มีหลักฐานที่ จำกัด มากในผลโรค กล่าวว่า dariush mozaffarian , MD , drph ของฮาร์วาร์ดโรงเรียนแพทย์และคณะสาธารณสุขศาสตร์" ทั้งหมดที่ได้เรียนแล้วคือ ผลกระทบของน้ำมันมะพร้าวในระดับคอเลสเตอรอลและข้อมูลที่น่าสนใจ แต่เรายังไม่รู้ว่ามันเป็นอันตรายหรือเป็นประโยชน์ " mozaffarian บอกว่า

ทั้งสมาคมโรคหัวใจอเมริกัน ( AHA ) และรัฐบาลสหรัฐอเมริกา 2010 แนวทางการบริโภคอาหารว่า น้ำมันมะพร้าว จะดีขึ้น หรือ ดีกว่ากว่าคนอื่นไขมันอิ่มตัว น้ำมันมะพร้าว ,เหมือนไขมันอิ่มตัวควรจะถูก จำกัด ไปยัง 7% - 10% ของแคลอรี่เพราะมันสามารถเพิ่มความเสี่ยงสำหรับโรคหัวใจ ตามแนวทางการบริโภคอาหารมี AHA และ 2010 .