การเงินนั้นสำคัญ เช่นเดียวกัน เราไม่สามารถที่จะมีการเงินที่อยู่แต่ในประเทศได้ เราจึงจำเป็นต้องมีการเงินระหว่างประเทศ
การเงินระหว่างประเทศนั้นไม่ใช่มีแค่การนำเข้าหรือส่งออกเพียงอย่างเดียว แต่รวมไปถึงการบริจาค และการรับบริจาคด้วย
ส่วนสำคัญของการเงินระหว่างประเทศนั้น คือดุลยการชำระเงินระหว่างประเทศ(BOP) และที่สำคัญกว่าคือการรักษาดุลยภาพนั้น
ซึ่งการบริจาค หรือการรับบริจาคนั้นก็มีผลต่อดุลยการชำระระหว่างประเทศเช่นกัน เช่น เราบริจาคเพื่อช่วยเหลือผู้ประสพภัยในต่างประเทศ
ประเทศเราก็อาจจะขาดดุลย์ได้ เป็นต้น
แต่นั่นไม่ใช่เรื่องที่ผมจะพูดในเรียงความessayนี้ สิ่งที่ผมจะพูดนั้นเกี่ยวกับ การส่งออกสินค้าของประเทศไทย ซึ่งเกี่ยวข้องกับtrade account และ international finance การเงินระหว่างประเทศ
ทำไมผมถึงพูดถึงการส่งออก เพราะการส่งออกสำคัญต่อดุลยการชำระเงินระหว่างประเทศ และประเทศไทยก็มีความได้เปรียบเกี่ยวกับการส่งออกอยู่แล้ว เพราะว่า
ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีทรัพยากร 75 percent ของ GDP ของประเทศไทยนั้น คือการส่งออก แต่การนำเข้าก็มีมากถึง 73-75 percent เช่นกัน
ทำให้การส่งออกสุทธิ Net Exporting มีสัดส่วนเพียงแค่ 2-3 percent เท่านั้น เราจึงไม่สามารถพูดได้ว่า ประเทศไทยนั้นมีความสำคัญเรื่องการส่งออก
เพราะเหมือนว่าประเทศไทยนั้นซื้อมาขายไป แต่ก็ยังทำให้ดุลการค้า BOP นั้นอยู่ในทิศทางที่ดี
ต่อไปผมจะอ้างอิงข่าวที่เกี่ยวกับการส่งออก เพื่อซัพพอร์ตการเงินระหว่างประเทศ ว่าช่วงนี้เป็นอย่างไรบ้าง และช่วงไหนเป็นอย่างไรบ้าง
เริ่มกันที่การส่งออกในยุคที่การส่งออกนั้นยังพัฒนาไม่ดีพอก่อน ''ในช่วง 1970-1995 นั้นการส่งออกสุทธิติดลบมาโดยตลอด
หากใช้การส่งออกสุทธิเป็นเกณฑ์ของการวัดความสำคัญก็จะสรุปอย่างผิดๆ ว่าการส่งออกสุทธิ (ที่ติดลบ) เป็นผลเสียกับเศรษฐกิจไทย
ซึ่งแน่นอนว่าเป็นข้อสรุปที่ไม่ถูกต้องเพราะการส่งออกสุทธิที่ติดลบนั้นเป็นการสะท้อนว่าเศรษฐกิจไทยมีลู่ทางในการลงทุนสูง
และมีการเร่งรัดการลงทุนเพื่อเร่งรัดการพัฒนาประเทศจนเกินกว่ารายได้ของประเทศในขณะนั้น http://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/596325''
ในช่วง 1993-1997 ได้มีการกู้ยืมเงินและนำเข้าเงินทุนจากต่างประเทศทำให้เกิดผลเสียร้ายแรงได้เช่นกัน
คือ กู้เงินเกินความสามารถและสร้างฟองสบู่ทางเศรษฐกิจที่แตกสลายและนำไปสู่วิกฤติในปี 1997 ทำให้ไทยยิ่งต้องพึ่งพาภาคการส่งออกมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
เพิ่มขึ้นจาก 41.8% ของจีดีพีในปี 1995 เป็น 73.6% ของจีดีพีในปี 2005 และอยู่ระดับนี้มาอย่างต่อเนื่อง
กล่าวโดยสรุปคือ ประเทศไทยพึ่งพาการส่งออกเป็นเครื่องยนต์หลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจมา 50 ปีแล้วและคงจะเป็นเช่นนี้ต่อไป http://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/596325
ยอดส่งออกรถยนต์เดือน มี.ค. ทะลุ 1.27 แสนคัน สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ดันยอดรวม 3 เดือนโต 12.6% แต่ยอดขายในประเทศร่วง 11.8%
ยอดขายรถยนต์ว่า ในเดือน มี.ค.58 มียอดส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป 127,619 คัน เพิ่มขึ้น 12.63% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน
ถือเป็นปริมาณการส่งออกสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ไทยเริ่มส่งออกรถยนต์ในปี 31
สาเหตุที่ยอดส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปเพิ่มขึ้นมาก เพราะตลาดโลกต้องการรถอีโคคาร์สูงมาก
การส่งออกไปตลาดยุโรปเพิ่มขึ้น 71.84% อเมริกาเหนือ เพิ่ม 126.02% อเมริกากลางและใต้ เพิ่ม 12.03% ออสเตรเลียโตเพิ่ม 29%
ขณะที่เอเชียกลับมาเป็นบวกที่ 6.42% แต่ตลาดหลักอย่างตะวันออกกลาง ยังลด 11.09% แอฟริกาลด 26.48% https://www.thairath.co.th/content/495598
ศักยภาพของอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบในอนาคตหาก AEC ได้มีผลบังคับใช้
ว่าจากวิเคราะห์และติดตามสถาณการณ์อุตสาหกรรมคอมฯ พบว่าเมื่อเทียบกับอาเซียนด้วยกันย่อมมีทั้งจุดแข็ง จุดอ่อนในตัว
โดยเมื่อศึกษาตำแหน่งทางการตลาด และเปรียบเทียบศักยภาพในการแข่งขันของไทยกับประเทศคู่แข่งในอาเซียน
ไทยมีศักยภาพในการส่งออกฮาร์ดดิสก์ ซึ่งมีมูลค่าการส่งออกไปตลาดอาเซียน มากกว่าทุกประเทศ http://www.manager.co.th/iBizChannel/ViewNews.aspx?NewsID=9530000167229
สรุปคือการส่งออกของประเทศไทยนั้น มีมากกว่าการนำเข้าเล็กน้อย ซึ่งส่งผลต่อดุลยการค้า (BOP) นั้นเกินดุล ซึ่งอาจเป็นผลดีต่อประเทศไทย
โดยดุลยการค้านั้นเกี่ยวข้องกับ Trade Account ซึ่งอยู่ใน International Finance
International Finance นั้นมีด้วยกัน 3 หัวข้อหลัก นั่นคือ 1.ดุลการชำระเงินระหว่างประเทศ (balance of payment)
2. ระแบบอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศ (Exchange Rate System) 3. แนวทางการรักษาเสถียรภาพของ BOP
โดย BOP สามาารถแบ่งออกเป็นหัวข้อย่อยได้คือ Current Account ซึ่งประกอบไปด้วย Trade Account และ Service Account
ซึ่งข่าวที่ผมได้นำมาสนับสนุนนั้นได้อยู่ใน Trade Account นั่นเอง