กล้องเคปเลอร์ ปล่อยขึ้นสู่อวกาศในปี

กล้องเคปเลอร์ ปล่อยขึ้นสู่อวกาศในปี 2552 มีเป้าหมายหลักคือค้นหาดาวเคราะห์บริวารของดาวฤกษ์ดวงอื่น หนึ่งในบรรดาดาวเคราะห์ที่แปลกประหลาดที่สุดที่เคปเลอร์เคยพบ คือดาวเคราะห์ที่มีความหนาแน่นสูงมาก บางดวงถึงกับมีความหนาแน่นกว่าเหล็กเสียอีก
ทฤษฎีกำเนิดดาวเคราะห์ที่ใช้กันอยู่ทั่วไปอธิบายกำเนิดของดาวเคราะห์ประเภทนี้ไม่ได้
มีคำตอบที่อาจอธิบายปัญหานี้ได้ โอลิเวียร์ กราเซ นักธรณีฟิสิกส์จากมหาวิทยาลัยน็องต์ในฝรั่งเศส เสนอว่า เดิมทีดาวเคราะห์ดวงนี้เป็นดาวเคราะห์ประเภทดาวเคราะห์แก๊สยักษ์ อยู่ห่างจากดาวฤกษ์มาก แบบเดียวกับดาวเนปจูน แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง เช่นอาจเป็นอันตรกิริยากับแก๊สและฝุ่นที่อยู่ล้อมรอบ จึงได้ตีวงขยับเข้าใกล้ดาวฤกษ์มากขึ้นเรื่อย ๆ บางทีอาจเข้าใกล้จนวงโคจรเล็กเท่าดาวพุธ
เมื่อดาวเคราะห์แก๊สยักษ์เข้าใกล้ดาวฤกษ์มาก ความร้อนจากดาวฤกษ์จะเผาบรรยากาศชั้นนอกของดาวเคราะห์ ซึ่งประกอบด้วยสสารที่สลายได้ง่ายเป็นส่วนใหญ่ เช่นไฮโดรเจน ฮีเลียม และน้ำ จนในที่สุดก็หายไปจนหมด คงเหลือไว้แต่แกนดาวแข็งที่ประกอบด้วยเหล็กและหินแข็งที่ความหนาแน่นสูงมาก
เนื่องจากดาวเคราะห์แก๊สยักษ์มีชั้นแก๊สหนามาก แกนหินของดาวจึงเกิดขึ้นภายใต้ความดันสูงมาก อาจสูงถึง 500 กิกะปาสคาล ซึ่งแรงกว่าบรรยากาศของโลกถึง 5 ล้านเท่า และมีอุณหภูมิอยู่ราว 6,000 เคลวิน ดังนั้นสสารที่เป็นแกนของดาวจึงหนาแน่นกว่าโลกมาก
จากการสร้างแบบจำลองด้วยคอมพิวเตอร์ พบว่าถ้ากระบวนการกำจัดเปลือกนอกของดาวเคราะห์ยักษ์ซึ่งเป็นน้ำแข็งเกิดขึ้นอย่างเชื่องช้า ใช้เวลานานในระดับพันล้านปี สสารที่เป็นแกนดาวจะขยายตัวกลับคืนสู่สภาพความหนาแน่นปกติ แต่ถ้าหากกระบวนการดังกล่าวเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ความหนาแน่นของแกนดาวจะค้างอยู่ที่ระดับสูงอย่างอย่างนั้นอยู่ตลอดไป
แม้แบบจำลองนี้จะพิสูจน์ว่าทฤษฎีนี้เป็นไปได้ อย่างไรก็ตาม วิลเลียม โบรักกี หัวหน้าภารกิจเคปเลอร์ยังคงไม่ทิ้งความเป็นไปได้ทางอื่นที่อาจปอกเปลือกแก๊สของดาวเคราะห์แก๊สยักษ์ไปจนหมด เช่นเกิดจากการชนกับวัตถุขนาดระดับดาวเคราะห์อีกดวงหนึ่งอย่างรุนแรง หรืออาจเป็นไปได้ว่าดาวเคราะห์ดวงนี้มีต้นกำเนิดคล้ายดาวฤกษ์ก็ได้

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

กล้องเคปเลอร์ปล่อยขึ้นสู่อวกาศในปี 2552 มีเป้าหมายหลักคือค้นหาดาวเคราะห์บริวารของดาวฤกษ์ดวงอื่น หนึ่งในบรรดาดาวเคราะห์ที่แปลกประหลาดที่สุดที่เคปเลอร์เคยพบ คือดาวเคราะห์ที่มีความหนาแน่นสูงมากมีคำตอบที่อาจอธิบายปัญหานี้ได้โอลิเวียร์กราเซ นักธรณีฟิสิกส์จากมหาวิทยาลัยน็องต์ในฝรั่งเศส เสนอว่า เดิมทีดาวเคราะห์ดวงนี้เป็นดาวเคราะห์ประเภทดาวเคราะห์แก๊สยักษ์ อยู่ห่างจากดาวฤกษ์มากเมื่อดาวเคราะห์แก๊สยักษ์เข้าใกล้ดาวฤกษ์มาก ความร้อนจากดาวฤกษ์จะเผาบรรยากาศชั้นนอกของดาวเคราะห์ ซึ่งประกอบด้วยสสารที่สลายได้ง่ายเป็นส่วนใหญ่ เช่นไฮโดรเจนฮีเลียมและน้ำจนในที่สุดก็หายไปจนหมดเนื่องจากดาวเคราะห์แก๊สยักษ์มีชั้นแก๊สหนามาก แกนหินของดาวจึงเกิดขึ้นภายใต้ความดันสูงมาก อาจสูงถึง 500 กิกะปาสคาลซึ่งแรงกว่าบรรยากาศของโลกถึง 5 ล้านเท่าและมีอุณหภูมิอยู่ราว 6แม้แบบจำลองนี้จะพิสูจน์ว่าทฤษฎีนี้เป็นไปได้ อย่างไรก็ตามวิลเลียมโบรักกี หัวหน้าภารกิจเคปเลอร์ยังคงไม่ทิ้งความเป็นไปได้ทางอื่นที่อาจปอกเปลือกแก๊สของดาวเคราะห์แก๊สยักษ์ไปจนหมด

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

คือดาวเคราะห์ที่มีความหนาแน่นสูงมากหนึ่งในบรรดาดาวเคราะห์ที่แปลกประหลาดที่สุดที่เคปเลอร์เคยพบกล้องเคปเลอร์ปล่อยขึ้นสู่อวกาศในปี 2552 มีเป้าหมายหลักคือค้นหาดาวเคราะห์บริวารของดาวฤกษ์ดวงอื่น
ทฤษฎีกำเนิดดาวเคราะห์ที่ใช้กันอยู่ทั่วไปอธิบายกำเนิดของดาวเคราะห์ประเภทนี้ไม่ได้
มีคำตอบที่อาจอธิบายปัญหานี้ได้โอลิเวียร์กราเซนักธรณีฟิสิกส์จากมหาวิทยาลัยน็องต์ในฝรั่งเศสเสนอว่าเดิมทีดาวเคราะห์ดวงนี้เป็นดาวเคราะห์ประเภทดาวเคราะห์แก๊สยักษ์อยู่ห่างจากดาวฤกษ์มาก แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างเช่นอาจเป็นอันตรกิริยากับแก๊สและฝุ่นที่อยู่ล้อมรอบจึงได้ตีวงขยับเข้าใกล้ดาวฤกษ์มากขึ้นเรื่อยๆ บางทีอาจเข้าใกล้จนวงโคจรเล็กเท่าดาวพุธ
เมื่อดาวเคราะห์แก๊สยักษ์เข้าใกล้ดาวฤกษ์มากความร้อนจากดาวฤกษ์จะเผาบรรยากาศชั้นนอกของดาวเคราะห์ซึ่งประกอบด้วยสสารที่สลายได้ง่ายเป็นส่วนใหญ่เช่นไฮโดรเจนฮีเลียมและน้ำจนในที่สุดก็หายไปจนหมด เนื่องจากดาวเคราะห์แก๊สยักษ์มีชั้นแก๊สหนามากแกนหินของดาวจึงเกิดขึ้นภายใต้ความดันสูงมากอาจสูงถึง 500 กิกะปาสคาลซึ่งแรงกว่าบรรยากาศของโลกถึง 5 ล้านเท่าและมีอุณหภูมิอยู่ราว 6000 เคลวินดังนั้นสสารที่เป็นแกนของดาวจึงหนาแน่นกว่าโลกมาก
จากการสร้างแบบจำลองด้วยคอมพิวเตอร์พบว่าถ้ากระบวนการกำจัดเปลือกนอกของดาวเคราะห์ยักษ์ซึ่งเป็นน้ำแข็งเกิดขึ้นอย่างเชื่องช้าใช้เวลานานในระดับพันล้านปี แต่ถ้าหากกระบวนการดังกล่าวเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วความหนาแน่นของแกนดาวจะค้างอยู่ที่ระดับสูงอย่างอย่างนั้นอยู่ตลอดไป
วิลเลียมแม้แบบจำลองนี้จะพิสูจน์ว่าทฤษฎีนี้เป็นไปได้อย่างไรก็ตามโบรักกีหัวหน้าภารกิจเคปเลอร์ยังคงไม่ทิ้งความเป็นไปได้ทางอื่นที่อาจปอกเปลือกแก๊สของดาวเคราะห์แก๊สยักษ์ไปจนหมด หรืออาจเป็นไปได้ว่าดาวเคราะห์ดวงนี้มีต้นกำเนิดคล้ายดาวฤกษ์ก็ได้

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

กล้องเคปเลอร์ปล่อยขึ้นสู่อวกาศในปี .2552 มีเป้าหมายหลักคือค้นหาดาวเคราะห์บริวารของดหนึ่งในบรรดาดาวเคราะห์ที่แปลกประหลาดที่สุดคือดาวเคราะห์ที่มีความหนาแน่นสูงมาก
ทฤษฎีกำเนิดดาวเคราะห์ที่ใช้กันอยู่ทั่วไปอธ
มีคำตอบที่อาจอธิบายปัญหานี้ได้โอลิเวียร์กราเซนักธรณีฟิสิกส์จากมหาวิทยาลัยน็องต์ในฝรั่งเเสนอว่า เดิมทีดาวเคราะห์ดวงนี้เป็นดาวเคราะห์ประเภท อยู่ห่างจากดาวฤกษ์มากแต่ด้วยเหตุผลบางอย่างเช่นอาจเป็นอันตรกิริยากับแก๊สและฝุ่นที่อยูจึงได้ตีวงขยับเข้าใกล้ดาวฤกษ์มากขึ้นเรื่อยๆบางทีอาจเข้าใกล้จนวงโคจรเล็กเท่าดาวพุธ
ตามมาตรฐานเมื่อดาวเคราะห์แก๊สยักษ์เข้าใกล้ดาวฤกษ์มากความร้อนจากดาวฤกษ์จะเผาบรรยากาศชั้นนอกของดซึ่งประกอบด้วยสสารที่สลายได้ง่ายเป็นส่วนใหเช่นไฮโดรเจนฮีเลียมและน้ำจนในที่สุดก็หายไปจนหมดเนื่องจากดาวเคราะห์แก๊สยักษ์มีชั้นแก๊สหนาม แกนหินของดาวจึงเกิดขึ้นภายใต้ความดันสูงมาก อาจสูงถึง 500 กิกะปาสคาลซึ่งแรงกว่าบรรยากาศของโลกถึง 5 ล้านเท่า และมีอุณหภูมิอยู่ราว 6 ,000 เคลวินดังนั้นสสารที่เป็นแกนของดาวจึงหนาแน่นกว่าโจากการสร้างแบบจำลองด้วยคอมพิวเตอร์พบว่าถ้ากระบวนการกำจัดเปลือกนอกของดาวเคราะใช้เวลานานในระดับพันล้านปีแต่ถ้าหากกระบวนการดังกล่าวเกิดขึ้นอย่างรวดความหนาแน่นของแกนดาวจะค้างอยู่ที่ระดับสูงอ
อย่างไรก็ตามแม้แบบจำลองนี้จะพิสูจน์ว่าทฤษฎีนี้เป็นไปไดวิลเลียมโบรักกี หัวหน้าภารกิจเคปเลอร์ยังคงไม่ทิ้งความเป็นไหรืออาจเป็นไปได้ว่าดาวเคราะห์ดวงนี้มีต้นกำ