ConclusionThis work demonstrates th

Conclusion
This work demonstrates that coffee extract residue can be used
for the generation of two distinct products, viz. ethanol and activated
carbons. The prospective end-use of abundant waste and
waste feedstocks of lignocellulosic biomass is attractive and
promising for the production of both fuel and adsorbent.
A straightforward method for ethanol production by saccharomyces
cerevisiae using different amounts, temperatures, substrate
loading, fermentation time and with or without mild treatments
was carried out. Higher yields of ethanol were obtained as the cell
walls of the biomass with small particle sizes were exposed for the
direct hydrolysis and fermentation. Based on the experiments, the
optimal fermentation was determined as follows; temperature
30
C, yeast 30 mg g1
CER and a combined aqueous phase after
cooking and solid residue fermentation after treatment. The result
also conveys that there is a potential for ethanol production if
conditions for further extraction of the hexose and pentose sugars
are increased.
Highly developed mesoporous and microporous structures of
activated carbons were prepared by both chemical and physical
activation of the coffee extract residue. Depending on the activation
method, concentration of acid and pyrolysis temperature, different

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

สรุปงานนี้แสดงให้เห็นว่าสารตกค้างสารสกัดจากกาแฟสามารถนำมาใช้สำหรับการผลิตของสองผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างกันกล่าวคือ เอทานอลและเปิดใช้งานคาร์บอน สิ้นสุดการใช้งานในอนาคตของเสียที่อุดมสมบูรณ์และวัตถุดิบเสียชีวมวลลิกโนเซลลูโลสเป็นที่น่าสนใจและมีแนวโน้มในการผลิตทั้งน้ำมันเชื้อเพลิงและตัวดูดซับ. วิธีการตรงไปตรงมาในการผลิตเอทานอลโดย Saccharomyces cerevisiae โดยใช้จำนวนเงินที่แตกต่างกันอุณหภูมิพื้นผิวการโหลดเวลาการหมักและการมีหรือโดยไม่ต้องมีการรักษาที่ไม่รุนแรงได้ดำเนินการ อัตราผลตอบแทนที่สูงขึ้นของเอทานอลที่ได้รับเป็นเซลล์ผนังของชีวมวลที่มีขนาดอนุภาคเล็ก ๆ ได้สัมผัสสำหรับการย่อยสลายทางตรงและการหมัก ขึ้นอยู่กับการทดลองการหมักที่เหมาะสมถูกกำหนดดังต่อไปนี้ อุณหภูมิ30 องศาเซลเซียสยีสต์ 30 มิลลิกรัม g1 CER และเฟสน้ำรวมกันหลังจากการปรุงอาหารและการหมักสารตกค้างที่เป็นของแข็งหลังการรักษา ผลที่ตามมานอกจากนี้ยังบ่งบอกว่ามีศักยภาพในการผลิตเอทานอลถ้าเงื่อนไขในการสกัดต่อไปของhexose pentose และน้ำตาลจะเพิ่มขึ้น. การพัฒนาสูงและโครงสร้างเมพรุนของถ่านที่ถูกจัดทำขึ้นโดยทั้งทางกายภาพทางเคมีและการใช้งานของเครื่องชงกาแฟสารตกค้างสารสกัด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการเปิดใช้งานวิธีการความเข้มข้นของกรดอุณหภูมิและไพโรไลซิแตกต่างกัน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

สรุปงานนี้แสดงให้เห็นว่า สารสกัดกาแฟ
กาก
สามารถใช้สำหรับรุ่นสองผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างกัน ได้แก่ การใช้สารละลายเอทานอล
. อนาคตสิ้นสุดการใช้ของเสียมากมายและวัตถุดิบมวลชีวภาพ lignocellulosic
กาก
น่าสนใจและสัญญาสำหรับการผลิต ทั้งเชื้อเพลิง และ ตัวดูดซับ
ตรงไปตรงมาวิธีการสำหรับการผลิตเอทานอลโดยใช้
โดยการใช้ปริมาณแตกต่างกันอุณหภูมิพื้นผิว
โหลดเวลาการหมักและมีหรือไม่มีการรักษา
ไม่รุนแรงได้ดําเนินการ ผลผลิตสูงของเอทานอลได้เป็นเซลล์
ผนังของชีวมวลที่มีขนาดอนุภาคเล็ก ๆที่ถูกเปิดเผยสำหรับ
การย่อยสลายทางตรงและการหมัก ขึ้นอยู่กับสภาวะการหมักที่เหมาะสม ตั้งใจ


ดังนี้ อุณหภูมิ 30 องศาเซลเซียสยีสต์ 30 มก. G1
รถตู้และรวมเฟสน้ำหลังจาก
การทำอาหารและการหมักกากของแข็งหลังจากการรักษา ผล
ยังสื่อว่า มีศักยภาพในการผลิตเอทานอลถ้า
ภาวะการสกัดน้ำตาลเฮกโซส และเพิ่มเติมของเพนโทส

สูงเพิ่มขึ้น และพัฒนาเมโซดโครงสร้างของถ่านกัมมันต์ที่เตรียมจาก

ทั้งทางกายภาพและเคมีการกระตุ้นของกาแฟที่สกัดจากกาก ขึ้นอยู่กับการกระตุ้น
วิธีอุณหภูมิและความเข้มข้นของกรดไพโรแตกต่างกัน