Neuschwanstein embodies both the co

Neuschwanstein embodies both the contemporaneous architectural fashion known as castle romanticism (German: Burgenromantik), and Ludwig II's immoderate enthusiasm for the operas of Richard Wagner.

In the nineteenth century, many castles were constructed or reconstructed; often with significant changes to make them more picturesque. Palace-building projects similar to Neuschwanstein had been undertaken earlier in several of the German states and included Hohenschwangau Castle, Lichtenstein Castle, Hohenzollern Castle, and numerous buildings on the River Rhine such as Stolzenfels Castle.[11] The inspiration for the construction of Neuschwanstein came from two journeys in 1867 — one in May to the reconstructed Wartburg near Eisenach,[12] another in July to the Château de Pierrefonds, which Eugène Viollet-le-Duc was transforming from a ruined castle into a historistic palace.[13][nb 3]

The king saw both buildings as representatives of a romantic interpretation of the Middle Ages as well as the musical mythology of his friend Richard Wagner. Wagner's operas Tannhäuser and Lohengrin had made a lasting impression on him.[14]

In February 1868, Ludwig's grandfather Ludwig I died, freeing the considerable sums that were previously spent on the abdicated king's appanage.[9][nb 4] This allowed Ludwig II to start the architectural project of building a private refuge in the familiar landscape far from the capital Munich, so that he could live out his idea of the Middle Ages.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

นชไตน์ก็ทั้ง contemporaneous สถาปัตยกรรมแฟชั่นเป็นปราสาทศิลปะจินตนิยม (เยอรมัน: Burgenromantik), และความกระตือรือร้นสมควรลุดวิกแห่ง II สำหรับโอเปร่าของริชาร์ดวากเนอร์ในศตวรรษที่ผ่านมา ปราสาทจำนวนมากถูกสร้าง หรือ เชิด มักจะ มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญเพื่อให้งดงามมากขึ้น มีการดำเนินการคล้ายกับนชไตน์โครงการอาคารพาก่อนหน้าในหลายของรัฐเยอรมัน และ ปราสาทโฮเฮ็นชวานเการวม Lichtenstein ปราสาท ปราสาท Hohenzollern และอาคารจำนวนมากในแม่น้ำไรน์แม่น้ำเช่นปราสาท Stolzenfels[11] การก่อสร้างของนชไตน์บันดาลมาจากเจอร์นีย์สองในค.ศ. 1867 – พฤษภาคมในหนึ่งถึง Wartburg สร้างขึ้นใหม่ใกล้กับไอเซ็นนาค อื่น ๆ [12] ในเดือนกรกฎาคมเพื่อ Pierrefonds เดชาโตว์แลค Eugène Viollet-le-Duc ที่ถูกเปลี่ยนจากปราสาทเจ๊งวัง historistic[13][nb 3]พระมหากษัตริย์เห็นอาคารทั้งสองเป็นตัวแทนของความโรแมนติกของยุคกลางเป็นตำนานดนตรีของเพื่อนของเขาริชาร์ดวากเนอร์ โอเปร่าของวากเนอร์ Tannhäuser และโลเฮ็นกรินได้ทำความประทับใจที่ยั่งยืนบนเขา[14]ในเดือน 1868 กุมภาพันธ์ ปู่ของลุดวิกแห่งลุดวิกแห่งฉันตาย เพิ่มพื้นที่บวกจำนวนมากที่ก่อนหน้านี้ใช้ไปบนพระ abdicated appanage[9][nb 4] นี้ทูลุดวิกแห่งการเริ่มต้นโครงการสถาปัตยกรรมของอาคารกำบังส่วนตัวในคุ้นเคยจากทุนมิวนิค เพื่อให้เขาอยู่ได้ออกของยุคกลางความคิดของเขาได้

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

Hotel Neuschwanstein ทั้งสองซึ่งเกิดขึ้นในสมัยเดียวกันสถาปัตยกรรมแฟชั่นที่รู้จักกันเป็นแนวโรแมนติก ปราสาท ( เยอรมัน : burgenromantik ) , และ Ludwig II เกินเลยความกระตือรือร้นสำหรับอุปรากรของริชาร์ด วากเนอร์

ในศตวรรษที่สิบเก้า , หลายปราสาทถูกสร้างหรือบูรณะ มักจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญเพื่อให้พวกเขาที่สวยงามมากขึ้นโครงการอาคารที่คล้ายพระราชวังนอยชวานชไตน์ได้ดำเนินการก่อนหน้านี้ในหลายรัฐเยอรมันและรวมปราสาทโฮเฮ็นชวานเกา , ปราสาท , Lichtenstein ราชวงศ์โฮเฮนโซลแลร์นปราสาท และอาคารหลายในแม่น้ำไรน์ แม่น้ำ เช่น ปราสาท stolzenfels .[ 11 ] แรงบันดาลใจเพื่อสร้าง Neuschwanstein มาจากการเดินทางใน 1867 ครั้งที่สอง - หนึ่งในอาจจะสร้างวาร์ทบูร์กใกล้กับ Eisenach , [ 12 ] อีกในเดือนกรกฎาคม Ch â teau de ปิแอร์ฟง ซึ่ง eug è ne viollet เลดึ๊กถูกเปลี่ยนจากซากปราสาทในพระราชวัง historistic [ 13 ] NB 3 ]

พระราชาเห็นอาคารทั้งสองเป็นตัวแทนของการตีความที่โรแมนติกของยุคกลางเช่นเดียวกับตำนานดนตรีของเพื่อนของเขา ริชาร์ด วากเนอร์ วากเนอร์เป็นอุปรากรโลเฮ็นกรินตัวคูณลอเรนซ์ และทรงประทับบนเขา [ 14 ]

ในเดือนกุมภาพันธ์ 1 , ปู่ลุดวิกของลุดวิกผมตายพ้นผลรวมมากที่เคยใช้อดีตกษัตริย์ครอบครอง .[ 9 ] [ NB 4 ] นี้ได้รับอนุญาตพระเจ้าลุดวิกที่ 2 ที่จะเริ่มโครงการสถาปัตยกรรมของอาคารส่วนที่ลี้ภัยในคุ้นเคยภูมิประเทศห่างไกลจากเมืองหลวง มิวนิค เพื่อที่เขาจะได้มีชีวิตอยู่ออกความคิดของเขาในยุคกลาง