Health benefits of phytochemicals i

Health benefits of phytochemicals in whole foods— food synergy
The hypothesis that dietary antioxidants lower the risk of chronic disease was developed from epidemiological studies. These have consistently shown that consumption of whole foods, such as fruits, vegetables, and whole grains, is strongly associated with reduced risk of chronic diseases, especially cancer and CVD. Therefore, it is reasonable for scientists to identify the bioactive compounds responsible and hope to find the magic bullet to prevent those chronic diseases. The key question here is whether a purified phytochemical has the same health benefit as the compound when its source is a food or a mixture of foods. It is now widely believed that the actions of the dietary supplements alone do not explain the observed health benefits of diets rich in fruits, vegetables, and whole grains, because, taken alone, the individual antioxidants studied in clinical trials do not appear to have consistent preventive effects (30–32). The isolated pure compound either loses its bioactivity or may not behave the same way as the compound in whole foods. For example, numerous investigations have shown that the risk of cancer is inversely related to the consumption of green and yellow vegetables and fruits. Because β-carotene is present in abundance in these vegetables and fruits, it has been extensively investigated as a possible cancer-preventive agent. However, the role of carotenoids as anticancer supplements has recently been questioned as a result of several clinical studies (30,33–35). In one study, the incidence of nonmelanoma skin cancer was unchanged in patients receiving a β-carotene supplement (33). In other studies, smokers gained no benefit from supplemental β-carotene with respect to lung cancer incidence and may even have suffered a significant increase in lung cancer and total mortality (30,35). In The Heart Outcomes Prevention Evaluation (HOPE) Study, patients at high risk for cardiovascular events were given 400 IU vitamin E or a placebo daily for 4.5 y. No difference was found in deaths from cardiovascular causes, myocardial infarctions, or deaths from CVD or strokes between the 2 groups (32). In the Cambridge Heart Antioxidant Study (CHAOS), patients with CVD were given 400 IU or 800 IU α-tocopherol or a placebo for a median of 510 d. α-Tocopherol intake was associated with a significantly reduced risk of myocardial infarction; however, it insignificantly increased risk of cardiovascular death (31). Vitamin E supplementation had no effect on the end points of death, myocardial infarction, or stroke for the patients who had recently suffered a myocardial infarction (36). Vitamin C supplements also failed to lower the incidence of cancer or CVD (37,38).

Phytochemical extracts from fruits and vegetables were recently shown to have potent antioxidant and antiproliferative effects, and the combination of phytochemicals from fruits and vegetables was proposed to be responsible for the potent antioxidant and anticancer activity of these foods (10,11,39). The total antioxidant activity of phytochemicals in 1 g apples with peel is equivalent to 83.3 μmol vitamin C equivalents; to put it another way, the antioxidant value of 100 g apples is equivalent to 1500 mg vitamin C (39). This is far higher than the total antioxidant activity of 0.057 mg vitamin C (the amount of vitamin C in 1 g apples with peel) that is equivalent to 0.32 μmol vitamin C equivalent. In other words, vitamin C in apples contributes

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

สุขภาพของ phytochemicals ในอาหาร — synergy อาหารสมมติฐานที่ว่า กากสารต้านอนุมูลอิสระลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรังได้รับการพัฒนาจากความ อย่างต่อเนื่องเหล่านี้ได้แสดงว่าปริมาณอาหาร ผลไม้ ผัก และ ธัญพืช ขอเกี่ยวข้องกับการลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคมะเร็งและผิว CVD จึง มันเป็นสมเหตุสมผลสำหรับนักวิทยาศาสตร์เพื่อระบุสารกรรมการกที่รับผิดชอบ และหวังที่จะหาสัญลักษณ์มายากลเพื่อป้องกันโรคเรื้อรังเหล่านั้น คำถามสำคัญที่นี่คือว่าความบริสุทธิ์มีสารพฤกษเคมีสุขภาพเดียวที่ได้รับประโยชน์เป็นสารประกอบเมื่อแหล่ง อาหารหรือส่วนผสมของอาหาร ตอนนี้กันอย่างแพร่หลายเชื่อว่า การกระทำของเสริมอาหารเพียงอย่างเดียวอธิบายสังเกตสุขภาพของอาหารอุดมไปด้วยผลไม้ ผัก และ ธัญพืช เนื่องจาก ถ่ายเดียว สารต้านอนุมูลอิสระแต่ละที่ในคลินิกไม่ มีผลป้องกันสอดคล้องกัน (30-32) สารประกอบบริสุทธิ์แยกทางชีวภาพการสูญเสีย หรืออาจทำในลักษณะเดียวกับสารประกอบในอาหาร ตัวอย่าง สืบสวนจำนวนมากได้แสดงว่า ความเสี่ยงของโรคมะเร็งคือ inversely ที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคผลไม้และผักสีเขียว และสีเหลือง เนื่องจากβ-แคโรทีนอยู่ในความอุดมสมบูรณ์ในผักและผลไม้เหล่านี้ มันมีได้อย่างกว้างขวางตรวจสอบเป็นตัวแทนป้องกันมะเร็งได้ อย่างไรก็ตาม บทบาทของ carotenoids เป็นเสริม anticancer มีล่าไต่สวนจากหลายการศึกษาทางคลินิก (30,33 – 35) ในการศึกษาหนึ่ง อุบัติการณ์ของโรคมะเร็งผิวหนัง nonmelanoma ถูกเปลี่ยนแปลงในผู้ป่วยที่ได้รับอาหารเสริมβ-แคโรทีน (33) ในการศึกษาอื่น ๆ ผู้สูบบุหรี่ไม่มีประโยชน์จากเพิ่มเติมβ-แคโรทีนกับอุบัติการณ์ของโรคมะเร็งปอดที่ได้รับ และอาจจะประสบปัญหาการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในปอดโรคมะเร็งและรวมการตาย (30,35) ในการศึกษาผลห้องป้องกันประเมิน (หวัง) ผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูงสำหรับเหตุการณ์หัวใจและหลอดเลือดได้รับ 400 IU วิตามินหรือยาหลอกทุกวันสำหรับ 4.5 y ความแตกต่างไม่พบในการเสียชีวิตจากสาเหตุหัวใจและหลอดเลือด กล้ามเนื้อหัวใจ infarctions หรือเสียชีวิตจากผิว CVD หรือจังหวะระหว่างกลุ่ม 2 (32) ในเคมบริดจ์หัวใจต้านอนุมูลอิสระศึกษา (ความนิยม), ผู้ป่วยที่ มีผิว CVD ได้รับ 400 IU หรือ 800 IU ด้วยกองทัพ-tocopherol หรือยาหลอกสำหรับค่ามัธยฐานของ 510 d. ด้วยกองทัพ-Tocopherol บริโภคเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญของกล้ามเนื้อหัวใจตายเหตุขาดเลือด อย่างไรก็ตาม มัน insignificantly เพิ่มขึ้นความเสี่ยงของหัวใจและหลอดเลือดตาย (31) แห้งเสริมวิตามินได้ไม่มีผลต่อจุด ของตาย กล้ามเนื้อหัวใจตาย โรคหลอดเลือดสมองสำหรับผู้ป่วยที่เพิ่งได้ประสบกับภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเหตุขาดเลือด (36) อาหารเสริมวิตามินซียังไม่สามารถลดอุบัติการณ์ของโรคมะเร็งหรือผิว CVD (37,38)สารสกัดจากสารพฤกษเคมีจากผักและผลไม้ถูกแสดงล่าสุดมีสารต้านอนุมูลอิสระที่มีศักยภาพและลักษณะพิเศษ antiproliferative และ phytochemicals จากผักและผลไม้ชุดที่ถูกนำเสนอเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีศักยภาพและกิจกรรม anticancer ของอาหารเหล่านี้ (10,11,39) กิจกรรมที่รวมสารต้านอนุมูลอิสระของ phytochemicals ในแอปเปิ้ล 1 g กับเปลือกจะเท่ากับเทียบเท่า 83.3 μmol วิตามิน C เพื่อให้เป็น อีกทางหนึ่ง ค่าสารต้านอนุมูลอิสระของแอปเปิ้ล 100 กรัมได้เท่ากับ 1500 มิลลิกรัมวิตามินซี (39) นี่คือไกลสูงกว่ากิจกรรมการรวมสารต้านอนุมูลอิสระของวิตามินซี (จำนวนของวิตามินซีในแอปเปิ้ล 1 g กับเปลือก) ที่เทียบเท่ากับ 0.32 μmol วิตามินซีเทียบเท่ากับ 0.057 มิลลิกรัม ในคำอื่น ๆ การจัดสรรของวิตามินซีในแอปเปิ้ล < 0.4% ของกิจกรรมของสารต้านอนุมูลอิสระรวมกัน ดังนั้น ที่สุดของกิจกรรมการต้านอนุมูลอิสระมาจาก phytochemicals, C. วิตามิน Phytochemicals ในผักและผลไม้ชุดธรรมชาติรับผิดชอบกิจกรรมของสารต้านอนุมูลอิสระที่มีศักยภาพ สารสกัดจากแอปเปิ้ลประกอบด้วยสารกรรมการกที่ยับยั้งการเติบโตเซลล์ของเนื้องอกในหลอดด้วย Phytochemicals ในแอปเปิ้ลมีเปลือก (50 g/L ตามเปียก) ยับยั้งการงอกเซลล์มะเร็งลำไส้ใหญ่ โดย 43% อย่างไรก็ตาม นี้ถูกลดลง 29% เมื่อไม่ มีเปลือกแอปเปิ้ล ทดสอบ (39)

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ประโยชน์ต่อสุขภาพของสารอาหารจากพืชในการทำงานร่วมกันทั้งอาหาร foods-
สมมติฐานว่าสารต้านอนุมูลอิสระในอาหารลดความเสี่ยงของการเกิดโรคเรื้อรังที่ได้รับการพัฒนาจากการศึกษาทางระบาดวิทยา เหล่านี้ได้แสดงให้เห็นอย่างต่อเนื่องการบริโภคของทั้งอาหารเช่นผักผลไม้และเมล็ดธัญพืชมีความสัมพันธ์อย่างมากกับการลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรังโดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคมะเร็งและโรคหลอดเลือดหัวใจ ดังนั้นจึงเป็นสิ่งที่เหมาะสมสำหรับนักวิทยาศาสตร์ในการระบุสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพที่รับผิดชอบและหวังว่าจะได้พบกับ bullet มายากลเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ที่ป่วยเป็นโรคเรื้อรัง คำถามที่สำคัญนี่คือไม่ว่าจะเป็นสารพฤกษเคมีบริสุทธิ์มีประโยชน์ต่อสุขภาพเช่นเดียวกับสารประกอบเมื่อแหล่งที่มาเป็นอาหารหรือส่วนผสมของอาหาร ตอนนี้มันเป็นที่เชื่อกันว่าการกระทำของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพียงอย่างเดียวไม่ได้อธิบายประโยชน์ต่อสุขภาพที่สังเกตของอาหารที่อุดมไปด้วยผักผลไม้และเมล็ดธัญพืชเพราะถ่ายคนเดียวสารต้านอนุมูลอิสระของแต่ละบุคคลการศึกษาในการทดลองทางคลินิกไม่ปรากฏว่ามีความสอดคล้องกัน ผลกระทบเชิงป้องกัน (30-32) สารบริสุทธิ์ที่แยกทั้งสูญเสียทางชีวภาพหรืออาจไม่ทำงานในลักษณะเดียวกับสารประกอบในอาหารทั้ง ยกตัวอย่างเช่นการตรวจสอบจำนวนมากได้แสดงให้เห็นว่าความเสี่ยงของมะเร็งที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคผกผันของผักสีเขียวและสีเหลืองและผลไม้ เพราะβแคโรทีนที่มีอยู่มากในผักและผลไม้เหล่านี้จะได้รับการตรวจสอบอย่างกว้างขวางเป็นตัวแทนป้องกันโรคมะเร็งที่เป็นไปได้ แต่บทบาทของนอยด์เป็นอาหารเสริมต้านมะเร็งเพิ่งได้รับการสอบสวนเป็นผลมาจากการศึกษาทางคลินิกหลายคน (30,33-35) ในการศึกษาอุบัติการณ์ของโรคมะเร็งผิวหนัง nonmelanoma ไม่เปลี่ยนแปลงในผู้ป่วยที่ได้รับอาหารเสริมβแคโรทีน (33) ในการศึกษาอื่น ๆ ผู้สูบบุหรี่ได้รับประโยชน์จากการβแคโรทีนเสริมไม่มีส่วนที่เกี่ยวกับอัตราการเกิดโรคมะเร็งปอดและอาจจะได้รับความเดือดร้อนเพิ่มขึ้นอย่างมากในการรักษามะเร็งปอดและเสียชีวิตโดยรวม (30,35) ในการป้องกันหัวใจผลการประเมินผล (หวัง) การศึกษาผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูงในการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจได้รับ 400 IU วิตามินอีหรือยาหลอกทุกวันเป็นเวลา 4.5 ปี ไม่แตกต่างกันพบว่าในการเสียชีวิตจากโรคหลอดเลือดหัวใจ, กล้ามเนื้อหัวใจตายหรือการเสียชีวิตจากโรคหลอดเลือดหัวใจหรือจังหวะระหว่าง 2 กลุ่ม (32) ในการศึกษาสารต้านอนุมูลอิสระหัวใจเคมบริดจ์ (CHAOS) ผู้ป่วยที่มีซีวีดีที่ได้รับ 400 IU หรือ 800 IU αโทโคฟีรอหรือยาหลอกเป็นเวลาเฉลี่ย 510 ง ปริมาณแอลฟาโทโคฟีรอมีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญของกล้ามเนื้อหัวใจตาย; แต่ก็ไม่มีนัยสำคัญเพิ่มความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือดเสียชีวิต (31) การเสริมวิตามินอีไม่มีผลกระทบต่อจุดสิ้นสุดของความตายกล้ามเนื้อหัวใจตายหรือโรคหลอดเลือดสมองสำหรับผู้ป่วยที่ได้รับความเดือดร้อนเมื่อเร็ว ๆ นี้กล้ามเนื้อหัวใจตาย (36) ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารวิตามินซียังล้มเหลวในการลดอุบัติการณ์ของโรคมะเร็งหรือซีวีดี (37,38). สารสกัดจากพฤกษเคมีจากผักและผลไม้ที่มีการแสดงเมื่อเร็ว ๆ นี้จะมีสารต้านอนุมูลอิสระที่มีศักยภาพและผลยับยั้งและการรวมกันของสารอาหารจากพืชจากผักและผลไม้ที่ถูกเสนอให้เป็นผู้รับผิดชอบ สำหรับสารต้านอนุมูลอิสระที่มีศักยภาพและกิจกรรมต้านมะเร็งของอาหารเหล่านี้ (10,11,39) ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระรวมของสารอาหารจากพืชใน 1 กรัมแอปเปิ้ลที่มีเปลือกเทียบเท่ากับ 83.3 ไมโครโมลเทียบเท่าวิตามินซี; ที่จะนำมันวิธีอื่นค่าสารต้านอนุมูลอิสระของแอปเปิ้ล 100 กรัมเทียบเท่ากับ 1,500 มก. วิตามินซี (39) นี่คือสูงกว่าสารต้านอนุมูลอิสระรวมของ 0.057 มิลลิกรัมวิตามินซี (ปริมาณของวิตามินซีใน 1 กรัมแอปเปิ้ลที่มีเปลือก) ที่เทียบเท่ากับ 0.32 ไมโครโมลเทียบเท่าวิตามินซี ในคำอื่น ๆ วิตามินซีในแอปเปิ้ลมีส่วนช่วยใน <0.4% ของสารต้านอนุมูลอิสระของตนรวม ดังนั้นส่วนใหญ่ของสารต้านอนุมูลอิสระที่มาจากสารอาหารจากพืชที่ไม่ได้วิตามินซีรวมกันตามธรรมชาติของสารอาหารจากพืชผักและผลไม้เป็นผู้รับผิดชอบในการต้านอนุมูลอิสระที่มีศักยภาพของตน สารสกัดจากแอปเปิ้ลยังมีสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพที่ยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งในหลอดทดลอง phytochemicals ในแอปเปิ้ลที่มีเปลือก (50 กรัม / ลิตรบนพื้นฐานเปียก) ยับยั้งเซลล์มะเร็งลำไส้ใหญ่งอก 43% แต่นี้ก็จะลดลง 29% เมื่อแอปเปิ้ลโดยไม่ต้องปอกเปลือกได้รับการทดสอบ (39)

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

หลักฐานทางระบาดวิทยาที่แข็งแกร่งแสดงให้เห็นว่าการบริโภคปกติของผักและผลไม้ สามารถลดความเสี่ยงโรคมะเร็ง บล็อก et al . ( 24 ) การตรวจทาน∼ 200 การศึกษาระบาดวิทยาที่ตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างการบริโภคผักและมะเร็งของปอด , ลำไส้ใหญ่ , เต้านม , ปากมดลูก , ผลไม้ ช่องปาก หลอดอาหาร กระเพาะอาหาร กระเพาะ ตับอ่อน และรังไข่ 128 จาก 156 ในอาหารศึกษาประโยชน์ต่อสุขภาพของ phytochemicals ในอาหารทั้งหมด - Synergy อาหาร
สมมติฐานว่า สารต้านอนุมูลอิสระ ใยอาหาร ลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรังที่ถูกพัฒนาขึ้นจากการศึกษาระบาดวิทยา . เหล่านี้มีอย่างต่อเนื่องแสดงให้เห็นว่าการบริโภคทั้งอาหาร เช่น ผัก ผลไม้ และธัญพืช มีความเกี่ยวข้องอย่างมากกับการลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรัง โดยเฉพาะโรคมะเร็งและโรคหัวใจและหลอดเลือด . ดังนั้นมันสมเหตุสมผลสำหรับนักวิทยาศาสตร์เพื่อศึกษาสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพที่รับผิดชอบ และหวังว่าจะสามารถหากระสุนเวทมนตร์เพื่อป้องกันบรรดาโรคเรื้อรัง . คีย์ถามนี่ไม่ว่าทางพฤกษเคมีบริสุทธิ์มีประโยชน์ต่อสุขภาพเช่นเดียวกับสาร เมื่อแหล่งที่มาของอาหารหรือส่วนผสมของอาหารตอนนี้เชื่อกันอย่างกว้างขวางว่า การกระทำของอาหารเสริมเพียงอย่างเดียวไม่ได้อธิบายและประโยชน์ต่อสุขภาพของอาหารที่อุดมด้วยผัก ผลไม้ และธัญพืช เนื่องจาก ถ่ายคนเดียว สารต้านอนุมูลอิสระแต่ละคนศึกษาในการทดลองทางคลินิกไม่ปรากฎว่าได้ผลในการป้องกันที่สอดคล้องกัน ( 30 - 32 )สามารถแยกสารบริสุทธิ์ทั้งแพ้ฤทธิ์ หรืออาจไม่ทำแบบเดียวกับที่ผสมในอาหารทั้งหมด ตัวอย่างเช่นการตรวจสอบจำนวนมากได้แสดงให้เห็นว่าความเสี่ยงของโรคมะเร็งเป็นตรงกันข้ามที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคผักสีเขียว และสีเหลือง และผลไม้ บีตา - แคโรทีน เพราะมีอยู่ในความอุดมสมบูรณ์ในผักและผลไม้มันได้ถูกศึกษาอย่างกว้างขวางเป็นไปได้การป้องกันโรคมะเร็งตัวแทน อย่างไรก็ตาม บทบาทของแคโรทีนอยด์เป็นอาหารเสริมต้านมะเร็ง ช่วงนี้สงสัยเป็นผลจากการศึกษาทางคลินิกหลาย ( 30,33 ( 35 ) ในการศึกษาอุบัติการณ์ของโรคมะเร็งผิวหนัง nonmelanoma ไม่เปลี่ยนแปลงในผู้ป่วยบีตา - แคโรทีนเสริม ( 33 ) ในการศึกษาอื่น ๆผู้ที่ได้รับประโยชน์จากการเสริมบีตา - แคโรทีน ไม่เคารพการเกิดโรคมะเร็งปอด และอาจจะได้รับความเดือดร้อนเพิ่มขึ้นอย่างมากในมะเร็งปอดและรวมตาย ( 30,35 ) ในการป้องกันหัวใจการประเมินผลลัพธ์ ( หวังว่า ) ศึกษาในผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูงสำหรับโรคหลอดเลือดหัวใจได้รับ IU วิตามินอีหรือยาหลอกทุกวัน 400 4.5 Yแต่ไม่พบความแตกต่างในสาเหตุการเสียชีวิตจาก โรคหัวใจ กล้ามเนื้อหัวใจ infarctions หรือการตายจากโรคหัวใจและหลอดเลือด หรือจังหวะระหว่าง 2 กลุ่ม ( 32 ) ในหัวใจเคมบริดจ์สารต้านอนุมูลอิสระการศึกษา ( วุ่นวาย ) , ผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือดได้รับ 400 IU หรือ 800 IU แอลฟาโทโคเฟอรอล หรือยาหลอกเป็นเวลามัธยฐานของแอลฟาโทโคเฟอรอล 510 D บริโภคได้เกี่ยวข้องกับการลดความเสี่ยงของโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด อย่างไรก็ตามมันไม่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตจากโรคหัวใจและหลอดเลือด ( 31 ) การเสริมวิตามินอีไม่มีผลต่อจุดสิ้นสุดตาย กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด หรือเส้นเลือดในสมองแตก สำหรับผู้ป่วยที่เพิ่งได้รับ โรคกล้ามเนื้อหัวใจตาย ( 36 ) วิตามินอาหารเสริมยังล้มเหลวในการลดอุบัติการณ์ของโรคมะเร็งหรือโรคหัวใจและหลอดเลือด

( 37,38 )พฤกษเคมีสารสกัดจากผักและผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ และเมื่อเร็วๆ นี้แสดงให้เห็นถึงการเกิดอนุมูลอิสระที่มีศักยภาพและการรวมกันของ phytochemicals จากผักและผลไม้ถูกเสนอเป็นผู้รับผิดชอบกิจกรรมของสารต้านอนุมูลอิสระที่มีศักยภาพต้านมะเร็งและอาหารเหล่านี้ ( 10,11,39 ) รวมกิจกรรมของสารต้านอนุมูลอิสระ phytochemicals ใน 1 กรัมแอปเปิ้ลกับเปลือกเท่ากับ 83 .4 % ของสารต้านอนุมูลอิสระของมันทั้งหมด ดังนั้นส่วนใหญ่ของสารต้านอนุมูลอิสระมาจาก phytochemicals , วิตามิน ซี ผสมตามธรรมชาติของ phytochemicals ในผักและผลไม้เป็นผู้รับผิดชอบกิจกรรมของสารต้านอนุมูลอิสระที่มีศักยภาพ สารสกัดจากแอปเปิ้ลยังประกอบด้วยสารประกอบที่ยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งในหลอดทดลอง .phytochemicals ในแอปเปิ้ลกับเปลือก ( 50 กรัม / ลิตร บนพื้นฐานการขยายตัวของเซลล์มะเร็งลำไส้ใหญ่เปียก ) โดย 43 % อย่างไรก็ตาม , นี้ลดลงถึง 29% เมื่อแอปเปิ้ลโดยไม่ต้องเปลือกทดสอบ ( 39 )