Unemployment in the United States d

Unemployment in the United States discusses the causes and measures of U.S. unemployment and strategies for reducing it. Job creation and unemployment are affected by factors such as economic conditions, global competition, education, automation, and demographics. These factors can affect the number of workers, the duration of unemployment, and wage levels.

Employment expanded consistently during the 1990s, but has been inconsistent since due to recessions in 2001 and 2007-2009. By some measures, the number of persons employed regained its 2007 pre-crisis peak only in 2014, but the labor force participation rate remained below its 2007 level.[3] Unemployment generally falls during periods of economic prosperity and rises during recessions, creating significant pressure on public finances as tax revenue falls and social safety net costs increase. The major political parties debate appropriate solutions for improving the job creation rate, with liberals arguing for more government stimulus spending and conservatives arguing for lower taxes and less regulation. Polls indicate that Americans believe job creation is the most important government priority, with not sending jobs overseas the primary solution.[4]

Much of the 2012 Presidential campaign focused on job creation as a first priority, but the fiscal cliff and other budgetary debates took precedence in 2012 and early 2013. Critics argued prioritizing deficit reduction was misplaced, as there was no immediate fiscal crisis but there was a high level of unemployment, particularly long-term unemployment.[5] Job creation during 2014 was the best since 1999, averaging over 200,000 jobs created per month. There were 10.9 million jobs created over a 57-month period ending November 2014.[6]

Unemployment can be measured in several ways. A person is unemployed if they are jobless but looking for a job and available for work. People who are neither employed nor unemployed are not in the labor force. For example, as of June 2015, the unemployment rate in the United States was 5.3%[7] or 8.3 million people,[8] while the government's broader U-6 unemployment rate, which includes the part-time underemployed was 10.5%[9] or 16.5 million people. These figures were calculated with a civilian labor force of approximately 157.0 million people,[10] relative to a U.S. population of approximately 321 million people.[11] The U.S. Bureau of Labor Statistics (BLS) publishes a monthly "Employment Situation Summary" with key statistics and commentary.[12]


Rates of unemployment by US states in May, 2014.[13]

Historical seasonal unemployment rates, showing the variance between the fifty states.

The rate of U.S. unemployment under various definitions.
In 2014, Williams County, North Dakota had the lowest percentage of unemployed people of any county or census area in the United States, at 1.2 percent, while Wade Hampton Census Area, Alaska had the highest, at 23.7 percent.[14]

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ว่างงานในสหรัฐอเมริกากล่าวถึงสาเหตุและมาตรการของการว่างงานสหรัฐฯ และกลยุทธ์การลดมัน สร้างงานและการว่างงานจะได้รับผลกระทบจากปัจจัยต่าง ๆ เช่นสภาพเศรษฐกิจ แข่งขัน การศึกษา ระบบอัตโนมัติ และลักษณะประชากร ปัจจัยเหล่านี้สามารถส่งผลกระทบต่อจำนวนผู้ปฏิบัติงาน ระยะเวลาการว่างงาน และระดับค่าจ้างงานขยายอย่างต่อเนื่องในช่วงปี 1990 แต่ได้รับไม่สอดคล้องกันตั้งแต่จาก recessions ใน 2001 และ 2007-2009 โดยมาตรการบางอย่าง จำนวนบุคลากรที่จ้างจากช่วงก่อนเกิดวิกฤตของ 2007 เฉพาะในปี 2557 แต่อัตราการเข้าร่วมกองทัพแรงงานยังคงต่ำกว่าระดับของปี 2007 [3] ว่างงานอยู่ในระหว่างรอบระยะเวลาของความเจริญทางเศรษฐกิจโดยทั่วไป และขึ้นระหว่าง recessions สร้างความกดดันที่สำคัญในสาธารณะเงินรายได้ภาษีลดลง และต้นทุนทางสังคมความปลอดภัยสุทธิเพิ่ม พรรคการเมืองสำคัญอภิปรายโซลูชั่นที่เหมาะสมสำหรับการปรับปรุงอัตราการสร้างงาน กับโต้เถียงรัฐบาลกระตุ้นใช้จ่ายและอนุรักษ์โต้เถียงภาษีที่ลดลง และน้อย กว่าข้อบังคับแห่ง สำรวจบ่งชี้ว่า ชาวอเมริกันเชื่อว่า การสร้างงานเป็นสำคัญรัฐบาลสำคัญ เกี่ยวกับการไม่ส่งงานต่างประเทศแก้ปัญหาหลัก [4]แคมเปญประธานาธิบดี 2012 มากเน้นสร้างงานเป็นอันดับแรก แต่หน้าผาทางการเงินและอื่น ๆ ดำเนินงบประมาณเอาสำคัญใน 2012 และต้นปี 2013 นักวิจารณ์โต้เถียงการจัดระดับความสำคัญการลดขาดดุลถูกใส่ผิด มีวิกฤตทางการเงินทันทีไม่มี แต่มีในระดับสูงว่างงาน ว่างงานระยะยาวโดยเฉพาะอย่างยิ่งการ [5] งานสร้างระหว่างปี 2014 ได้ดีสุดตั้งแต่ปี 1999 การหาค่าเฉลี่ย 200000 กว่างานสร้างต่อเดือน มีงาน 10.9 ล้านสร้างช่วง 57 เดือนระยะเวลาสิ้นสุด 2014 พฤศจิกายน [6]ว่างงานสามารถวัดได้หลายวิธี คนเป็นคนตกงานจะว่างงาน แต่มองงาน และพร้อมสำหรับการทำงาน คนที่ไม่ใช่เจ้าของ หรือคนตกงานไม่อยู่ในกำลังแรงงาน ตัวอย่าง เป็นของเดือน 2015 มิถุนายน อัตราการว่างงานในสหรัฐอเมริกา 5.3% [7] หรือ 8.3 ล้านคน, [8] ในขณะที่รัฐบาลของกว้าง U 6 อัตราการว่างงาน ซึ่งรวมถึง underemployed ชั่วคราวได้ 10.5% [9] หรือ 16.5 ล้านคน มีคำนวณตัวเลขเหล่านี้ มีผลบังคับใช้แรงงานพลเรือนประมาณ 157.0 ล้านคน, [10] เมื่อเทียบกับประชากรสหรัฐฯ ประมาณ 321 ล้านคน [11] ในสหรัฐอเมริกาสำนักงานของแรงงานสถิติ (BLS) เผยแพร่รายเดือน "จ้างงานสถานการณ์สรุป" กับหลักสถิติและความเห็น [12]อัตราการว่างงานเราอเมริกาในพฤษภาคม 2014 [13]อัตราการว่างงานตามฤดูกาลประวัติศาสตร์ แสดงผลต่างระหว่างอเมริกา 50อัตราการว่างงานของสหรัฐภายใต้ข้อกำหนดต่าง ๆในปี 2014 วิลเลียมส์เขต นอร์ทได้เปอร์เซ็นต์ต่ำสุดของพื้นที่เขตหรือสำนึกในสหรัฐอเมริกา คนตกงานคนที่ร้อยละ 1.2 ในขณะที่บริเวณบ้านตั้นเวด อลาสก้าได้ที่สูงที่สุดจาก ที่ร้อยละ 23.7 [14]

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การว่างงานในสหรัฐอเมริกาอธิบายถึงสาเหตุและมาตรการของการว่างงานของสหรัฐและกลยุทธ์ในการลดความมัน การสร้างงานและการว่างงานที่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยต่างๆเช่นภาวะเศรษฐกิจ, การแข่งขันระดับโลก, การศึกษา, ระบบอัตโนมัติและประชากร ปัจจัยเหล่านี้จะมีผลต่อจำนวนของคนงานในช่วงระยะเวลาของการว่างงานและระดับค่าจ้าง. การจ้างงานขยายตัวต่อเนื่องในช่วงปี 1990 แต่ได้รับไม่สอดคล้องกันตั้งแต่เนื่องจากการถดถอยในปี 2001 และ 2007-2009 โดยมาตรการบางอย่างจำนวนผู้มีงานคืน 2,007 จุดสูงสุดก่อนวิกฤตเท่านั้นในปี 2014 แต่กำลังแรงงานอัตราการมีส่วนร่วมยังคงอยู่ด้านล่าง 2007 ระดับ. [3] การว่างงานโดยทั่วไปตกอยู่ในช่วงระยะเวลาของความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจและการเพิ่มขึ้นในช่วงถดถอย, การสร้างอย่างมีนัยสำคัญ ความดันในการเงินของประชาชนเป็นน้ำตกรายได้จากภาษีและค่าใช้จ่ายสุทธิความปลอดภัยทางสังคมเพิ่มขึ้น พรรคการเมืองที่สำคัญการอภิปรายการแก้ปัญหาที่เหมาะสมสำหรับการปรับปรุงอัตราการสร้างงานที่มีเสรีนิยมเถียงสำหรับการใช้จ่ายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลอนุรักษ์นิยมมากขึ้นและมีการโต้เถียงสำหรับการลดภาษีและกฎระเบียบน้อย โพลล์ระบุว่าชาวอเมริกันเชื่อว่าการสร้างงานเป็นสำคัญของรัฐบาลที่สำคัญที่สุดด้วยการไม่ส่งงานในต่างประเทศการแก้ปัญหาหลัก. [4] มากของปี 2012 แคมเปญประธานาธิบดีที่มุ่งเน้นการสร้างงานเป็นอันดับแรก แต่หน้าผาการคลังและการอภิปรายงบประมาณอื่น ๆ เอา มีความสำคัญในปี 2012 และต้นปี 2013 นักวิจารณ์ระบุลำดับความสำคัญลดการขาดดุลก็หายไปในขณะที่ไม่มีวิกฤตทางการเงินได้ทันที แต่มีระดับสูงของการว่างงานโดยเฉพาะอย่างยิ่งการว่างงานในระยะยาว. [5] การสร้างงานในช่วง 2014 ที่ดีที่สุดตั้งแต่ปี 1999 เฉลี่ยกว่า 200,000 งานที่สร้างขึ้นต่อเดือน มี 10,900,000 งานที่ถูกสร้างขึ้นในช่วงระยะเวลา 57 เดือนสิ้นสุดพฤศจิกายน 2014 [6] การว่างงานที่สามารถวัดได้ในหลายวิธี คนที่เป็นผู้ว่างงานถ้าพวกเขาจะตกงาน แต่กำลังมองหางานและพร้อมที่จะทำงาน คนที่เป็นลูกจ้างมิได้ว่างงานไม่ได้อยู่ในกำลังแรงงาน ยกตัวอย่างเช่น ณ สิ้นเดือนมิถุนายนปี 2015 อัตราการว่างงานในประเทศสหรัฐอเมริกาเป็น 5.3% [7] หรือ 8,300,000 คน [8] ในขณะที่รัฐบาลที่กว้างขึ้นอัตราการว่างงาน U-6 ซึ่งรวมถึงนอกเวลาทำงานไม่เต็มเป็น 10.5% [ 9] หรือ 16,500,000 คน ตัวเลขเหล่านี้จะถูกคำนวณกับแรงงานพลเรือนประมาณ 157.0 ล้านคน [10] เมื่อเทียบกับประชากรของสหรัฐประมาณ 321,000,000 คน. [11] สหรัฐฯสำนักสถิติแรงงาน (BLS) ตีพิมพ์เป็นรายเดือน "สถานการณ์การจ้างงานอย่างย่อ" กับ สถิติสำคัญและความเห็น. [12] อัตราการว่างงานของสหรัฐฯโดยในเดือนพฤษภาคมปี 2014 [13] ประวัติศาสตร์อัตราการว่างงานตามฤดูกาลแสดงให้เห็นความแตกต่างระหว่างห้าสิบรัฐ. อัตราการว่างงานของสหรัฐฯภายใต้คำจำกัดความต่างๆ. ในปี 2014, วิลเลียมส์เคาน์ตี้ ทดาโคตามีเปอร์เซ็นต์ต่ำสุดของคนตกงานของเขตหรือพื้นที่การสำรวจสำมะโนประชากรในสหรัฐอเมริกาอยู่ที่ร้อยละ 1.2 ในขณะที่เวดแฮมป์ตันสำรวจพื้นที่อลาสก้าได้สูงสุดที่ร้อยละ 23.7. [14]

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การว่างงานในสหรัฐอเมริกา กล่าวถึงสาเหตุและมาตรการของสหรัฐอเมริกา การว่างงาน และกลยุทธ์เพื่อลดมัน งานสร้างและการว่างงานที่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยต่างๆ เช่น สภาวะการแข่งขันทางเศรษฐกิจโลกศึกษา , Automation , และสถิติ ปัจจัยเหล่านี้สามารถส่งผลกระทบต่อจำนวนแรงงาน ระยะเวลาของการเจ็บป่วย และระดับค่าจ้าง .

การจ้างงานขยายตัวอย่างต่อเนื่องในช่วงปี 1990 แต่ถูกแย้งเพราะเนื่องจากการถดถอยในปี 2001 และ 2007 . โดยมาตรการบางส่วน จำนวนคน ที่ใช้กินได้ 2007 ก่อนวิกฤตสูงสุดเท่านั้น ในปี 2014 แต่อัตราการเข้าร่วมกำลังแรงงานยังคงอยู่ด้านล่างของมัน 2007 ระดับ . [ 3 ] การว่างงานโดยทั่วไปตกอยู่ในช่วงของความเจริญทางเศรษฐกิจและเพิ่มขึ้นในช่วงถดถอย ,การสร้างความดันอย่างมีนัยสำคัญในรายได้ภาษีและการเงินสาธารณะ เช่น ตกต้นทุนสุทธิความปลอดภัยทางสังคมเพิ่มขึ้น พรรคการเมืองพิจารณาโซลูชั่นที่เหมาะสมสำหรับการปรับปรุงงานสร้างเท่ากันกับ Liberals รัฐบาลกระตุ้นการใช้จ่ายมากขึ้นสำหรับการโต้แย้งและเถียงเพื่อลดภาษีและกฎระเบียบใหม่น้อยลงโพลล์ชี้ชาวอเมริกันที่เชื่อว่าการสร้างงานเป็นลําดับความสําคัญของรัฐบาลที่สำคัญที่สุดกับไม่ส่งงานในต่างประเทศการแก้ไข [ 4 ]

มากของแคมเปญประธานาธิบดี 2012 เน้นการสร้างงานเป็นอันดับแรก แต่หน้าผาและอภิปรายงบประมาณอื่น ๆเอาความสำคัญในปี 2012 และ 2013 นักวิจารณ์โต้แย้งการลดการขาดดุล ถูกใส่ผิดที่ที่ไม่มีวิกฤติการเงินทันที แต่ยังมีระดับสูงของการว่างงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระยะยาวการว่างงาน [ 5 ] งานสร้างในช่วงปี 2014 เป็นดีที่สุดตั้งแต่ปี 2542 เฉลี่ยกว่า 200000 งานสร้างต่อเดือน มี 10.9 ล้านงานสร้างกว่า 57 เดือนสิ้นสุดเดือนพฤศจิกายน 2014 . [ 6 ]

การว่างงานที่สามารถวัดได้หลายวิธีคนตกงาน ถ้าตกงาน แต่กำลังมองหางาน และ สามารถทำงาน คนที่ไม่ใช้หรือว่างงานในแรงงาน ตัวอย่างเช่น ในเดือนมิถุนายน 2015 , อัตราการว่างงานในสหรัฐอเมริกาคือ 5.3 % [ 7 ] หรือ 8.3 ล้านคน [ 8 ] ในขณะที่อัตราการว่างงานของรัฐบาล u-6 ในวงกว้าง ซึ่งรวมถึงธัญพืชชั่วคราวอยู่ 10.5 % [ 9 ] หรือ 165 ล้านคน ตัวเลขเหล่านี้จะถูกนำไปคำนวณกับแรงงานพลเรือนประมาณ 157.0 ล้านคน [ 10 ] เทียบกับสหรัฐประชากรประมาณ 321 ล้านคน [ 11 ] สหรัฐสำนักแรงงานสถิติ ( BLS ) ประกาศรายเดือน " สรุปสถานการณ์การจ้างงาน " คีย์สถิติและความเห็น [ 12 ]


อัตราการว่างงาน โดยสหรัฐอเมริกาในเดือนพฤษภาคม 2014 . [ 13 ]

ประวัติศาสตร์ฤดูกาลอัตราป่วย แสดงความแปรปรวนระหว่างห้าสิบรัฐ

อัตราการว่างงานสหรัฐภายใต้คำนิยามต่างๆ
ใน 2014 , วิลเลี่ยมเคาน์ตี มลรัฐนอร์ทดาโคตามีเปอร์เซ็นต์ต่ำสุดของผู้ว่างงานของเขตหรือพื้นที่การสำรวจสำมะโนประชากรในสหรัฐอเมริกาที่ 1.2 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่พื้นที่การสำรวจสำมะโนประชากรเวดแฮมป์ตัน อลาสกา มี สูงสุดที่ 23.7 เปอร์เซ็นต์ [ 14 ]