Nuclear is ExpensiveIn 1954, then C

Nuclear is Expensive

In 1954, then Chairman of the Atomic Energy Commission Lewis Strauss promised that the nuclear industry would one day provide energy “too cheap to meter.”(5) More than 50 years and tens of billions of dollars in federal subsidies later, nuclear power remains prohibitively expensive. Even among the business and financial communities, it is widely accepted that nuclear power would not be economically viable without government support.(11) Despite this poor economic performance, the federal government has continued to pour money into the nuclear industry the Energy Policy Act of 2005 included more than $13 billion in production subsidies, tax breaks and other incentives for nuclear power.

The most important subsidy for the nuclear industry and the most expensive for U.S. taxpayers comes in the form of loan guarantees, which are promises that taxpayers will bail out the nuclear utilities by paying back their loans when the projects fail. According to the Congressional Budget Office, the failure rate for nuclear projects is “very high well above 50 percent.”(12) The nuclear industry is demanding $122 billion in federal loan guarantees for 21 reactors. If these guarantees were authorized, taxpayers would be on the hook for at least $61 billion.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

นิวเคลียร์จะ Expensiveใน 1954 แล้วประธานสโทรส Lewis คณะกรรมการพลังงานปรมาณูสัญญาว่า อุตสาหกรรมนิวเคลียร์จะหนึ่งวันให้พลังงาน "ประหยัดเกินไปไปวัด" (5) มากกว่า 50 ปีและสิบพันล้านดอลลาร์ในเงินอุดหนุนของรัฐบาลกลางในภายหลัง นิวเคลียร์ยังคงแพง prohibitively แม้กระทั่งในธุรกิจและการเงินชุมชน มันอย่างกว้างขวางยอมรับว่าพลังงานนิวเคลียร์จะไม่ทำงานปากกัดตีนถีบไม่สนับสนุนรัฐบาล (11) แม้ มีประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจนี้ไม่ดี รัฐบาลที่มีต่อการเทเงินในอุตสาหกรรมนิวเคลียร์กฎหมายนโยบายพลังงานของ 2005 รวมมากขึ้นกว่า 13 พันล้านเหรียญในเงินอุดหนุนผลิต แบ่งภาษี และสิ่งจูงใจอื่น ๆ สำหรับพลังงานนิวเคลียร์เงินสมทบที่สำคัญสำหรับอุตสาหกรรมนิวเคลียร์และแพงที่สุดในสหรัฐอเมริกาผู้เสียภาษีมาในรูปของการค้ำประกันสินเชื่อ ซึ่งเป็นสัญญาที่ผู้เสียภาษีจะประกันออกสาธารณูปโภคนิวเคลียร์ โดยจ่ายไปยืมของพวกเขาเมื่อโครงการล้มเหลว ตามสำนักงบประมาณตั้ง อัตราความล้มเหลวของโครงการนิวเคลียร์เป็น "มากสูงดีกว่า 50 เปอร์เซ็นต์" (12) อุตสาหกรรมนิวเคลียร์เป็นเรียกร้อง 122 พันล้านเหรียญในการค้ำประกันเงินกู้ของรัฐบาลกลางสำหรับเตาปฏิกรณ์ 21 ถ้าประกันเหล่านี้ได้รับอนุญาต ผู้เสียภาษีจะได้เบ็ดสำหรับน้อย 61 พันล้านเหรียญ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

นิวเคลียร์ราคาแพงในปี 1954 จากนั้นประธานคณะกรรมาธิการพลังงานปรมาณูลูอิสสเตราส์สัญญาว่าอุตสาหกรรมนิวเคลียร์วันหนึ่งจะให้พลังงาน "ถูกเกินไปที่จะเมตร." (5) มากกว่า 50 ปีและนับพันล้านดอลลาร์ในเงินอุดหนุนของรัฐบาลกลางต่อมา พลังงานนิวเคลียร์ยังคงราคาแพง แม้ในหมู่ธุรกิจและชุมชนทางการเงินเป็นที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวางว่าพลังงานนิวเคลียร์จะไม่เป็นศักยภาพทางเศรษฐกิจโดยการสนับสนุนของรัฐบาล. (11) แม้จะมีผลการดำเนินงานทางเศรษฐกิจที่ไม่ดีที่รัฐบาลสหรัฐได้อย่างต่อเนื่องที่จะเทเงินเข้าไปในอุตสาหกรรมนิวเคลียร์พระราชบัญญัตินโยบายพลังงานของ 2005 รวมกว่า $ 13000000000 ในการอุดหนุนการผลิต, การแบ่งภาษีและสิทธิประโยชน์อื่น ๆ สำหรับพลังงานนิวเคลียร์. เงินอุดหนุนที่สำคัญที่สุดสำหรับอุตสาหกรรมนิวเคลียร์และมีราคาแพงที่สุดสำหรับผู้เสียภาษีของสหรัฐมาในรูปแบบของการค้ำประกันเงินกู้ซึ่งเป็นสัญญาที่ผู้เสียภาษีจะประกันตัวออกมา สาธารณูปโภคนิวเคลียร์โดยการจ่ายคืนเงินกู้ของพวกเขาเมื่อโครงการล้มเหลว ตามที่สำนักงบประมาณรัฐสภาอัตราความล้มเหลวสำหรับโครงการนิวเคลียร์คือ "สูงมากสูงกว่าร้อยละ 50." (12) อุตสาหกรรมนิวเคลียร์เป็นความต้องการ $ 122,000,000,000 ในค้ำประกันเงินกู้ของรัฐบาลกลางสำหรับ 21 เครื่องปฏิกรณ์ หากการค้ำประกันเหล่านี้ได้รับอนุมัติผู้เสียภาษีจะอยู่บนตะขอสำหรับอย่างน้อย $ 61000000000

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

นิวเคลียร์แพง

ในปี 1954 ที่ประธานของคณะกรรมาธิการพลังงานปรมาณูลูอิสสเตราส์สัญญาที่อุตสาหกรรมนิวเคลียร์ วันหนึ่งจะให้พลังงาน " ด้วยราคาถูกมิเตอร์ " ( 5 ) มากกว่า 50 ปีและนับพันล้านดอลลาร์ในเงินอุดหนุนของรัฐบาลกลางต่อมาพลังงานนิวเคลียร์ยังคงแพง . แม้ในหมู่ชุมชนธุรกิจและการเงินเป็นที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวางว่า พลังงานนิวเคลียร์จะเป็นศักยภาพทางเศรษฐกิจโดยการสนับสนุนของรัฐบาล ( 11 ) แม้จะมีการแสดงนี้เศรษฐกิจไม่ดี รัฐบาลก็ยังคงเทเงินลงในอุตสาหกรรมนิวเคลียร์นโยบายพลังงาน Act of 2005 รวมกว่า 13 ล้านบาทในการอุดหนุนการผลิต แบ่งภาษีและสิ่งจูงใจอื่น ๆพลังงานนิวเคลียร์ .

ที่สำคัญอุดหนุนอุตสาหกรรมนิวเคลียร์ และมีราคาแพงที่สุดในสหรัฐฯผู้เสียภาษีมาในรูปแบบของประกันเงินกู้ ซึ่งเป็นสัญญาที่ผู้เสียภาษีจะประกันตัวออกติดตั้งนิวเคลียร์ โดยจ่ายคืนเงินกู้ของพวกเขาเมื่อโครงการล้มเหลว ตามที่สำนักงานงบประมาณรัฐสภา , อัตราความล้มเหลวสำหรับโครงการนิวเคลียร์ " สูงมาก สูงกว่าร้อยละ 50" ( 12 ) อุตสาหกรรมนิวเคลียร์กำลังเรียกร้อง $ 122 ล้านรับประกันเงินกู้ของรัฐบาลกลางสำหรับ 21 ถังปฏิกรณ์ ถ้ารับประกันเหล่านี้ได้รับอนุญาต ผู้เสียภาษีจะอยู่บนตะขอสำหรับอย่างน้อย $ 61 ล้านบาท