In summary, this paper attempted to

In summary, this paper attempted to examine the relationship between musculoskeletal pain and distress in an Australian mining population. Specifically, it focused on the impact of individual, work, and lifestyle factors, and demonstrated that for truck drivers or machine operators exercise time and sleep quality had important implications for the painedistress relationship. Moreover, it is suggested that the presentation of distress is complex, with the combined interplay among contributory variables being more important than the simple effect of pain. Given the array of individual, work, and lifestyle factors possible, it is likely that these findings underestimate the complexity of pain experiences, and therefore why and how this translates into psychological distress. As such, questions unanswered by this study open up several new avenues for further research. For instance, it remains to be determined whether psychological distress is a time-dependent risk factor for work-related injuries in mining. Although the study utilized a large company with a workforce representative of the industry, it would be valuable to know whether risk factors for pain and distress varied between underground and surface operations. Although the study results suggest that exercise time off-shift and sleep quality on-shift may be beneficial to reduce the impact of pain on distress, more information is also needed about the individual characteristics of people who are able to cope with, and work through, pain. Furthermore, determining whether other recovery activities besides sleep and exercise benefit workers in the mining industry would also be a valuable contribution to the field. In order for occupational health and safety researchers and practitioners to decrease occupational injury rates and the compensation costs that follow, a proactive approach to monitor the occurrence of both pain and distress among the workforce to identify individuals in need of early intervention is essential. This may be particularly critical for truck drivers and machine operators, workers who have difficulty sleeping, and workers with lower back pain, as these conditions were associated with poorer outcomes for pain, distress, and work interference.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ในสรุป กระดาษนี้พยายามตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างอาการปวด musculoskeletal และทุกข์ในประชากรการทำเหมืองที่ออสเตรเลีย โดยเฉพาะ จะเน้นผลกระทบของแต่ละบุคคล งาน และสาเหตุ และสาธิตที่สำหรับรถบรรทุก ไดรเวอร์หรือเครื่องออกกำลังกายเวลา และนอนหลับได้นัยสำคัญสำหรับความสัมพันธ์ painedistress นอกจากนี้ มันจะแนะนำว่า งานนำเสนอของความทุกข์มีความซับซ้อน มีล้อร่วมระหว่างตัวแปร contributory กำลังสำคัญกว่าผลของความเจ็บปวดอย่าง ที่กำหนดของแต่ละคน ทำงาน และชีวิตประสบการณ์ปัจจัยสามารถ เป็นไปได้ว่า ผลการวิจัยเหล่านี้ดูถูกดูแคลนความซับซ้อนของความเจ็บปวด และดังนั้น ทำไม และวิธีนี้แปลเป็นความทุกข์ทางจิตใจ ดัง คำถามที่ยังไม่ได้ตอบ โดยการศึกษานี้เปิด avenues ใหม่หลายสำหรับการวิจัยต่อไป ตัวอย่าง มันยังคงจะมีการกำหนดว่าความทุกข์ทางจิตใจเป็นปัจจัยความเสี่ยงขึ้นอยู่กับเวลาการบาดเจ็บที่เกี่ยวข้องกับการทำงานในเหมืองแร่ แม้ว่าการศึกษาใช้บริษัทใหญ่ที่ มีตัวแทนแรงงานของอุตสาหกรรม มันจะมีคุณค่ารู้ว่า ปัจจัยเสี่ยงต่อความเจ็บปวดและความทุกข์ที่แตกต่างกันระหว่างพื้นผิว และใต้ดิน แม้ว่าการศึกษาแนะนำผลลัพธ์ที่เวลาปิดกะการออกกำลังกาย และนอนคุณภาพบนกะ อาจเป็นประโยชน์ในการลดผลกระทบของความเจ็บปวดบนความทุกข์ ข้อมูลเพิ่มเติมยังต้องเกี่ยวกับลักษณะแต่ละคนที่สามารถรับมือกับ ทำงานผ่าน อาการปวด นอกจากนี้ กำหนดว่า กิจกรรมกู้อื่น ๆ นอกเหนือจากการนอนหลับและออกกำลังกายประโยชน์ของคนในอุตสาหกรรมเหมืองแร่ยังจะเป็นผลงานที่มีคุณค่าไปยังฟิลด์ การอาชีวอนามัย และความปลอดภัยนักวิจัย และผู้เพื่อลดอัตราการบาดเจ็บอาชีวและต้นทุนค่าตอบแทนตาม วิธีการเชิงรุกเพื่อติดตามการเกิดอาการปวดและความทุกข์ในหมู่แรงงานระบุบุคคลต้องแทรกแซงก่อนเป็นสิ่งจำเป็น นี้อาจมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับขับรถบรรทุกและเครื่องผู้ประกอบการ ผู้ปฏิบัติงานที่มีปัญหาในการนอนหลับ และคนกับลดอาการปวด เป็นเงื่อนไขเหล่านี้ถูกเชื่อมโยงกับผลที่ได้ย่อมเจ็บปวด ความทุกข์ และรบกวนการทำงาน

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ในการสรุปบทความนี้พยายามที่จะศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างอาการปวดกล้ามเนื้อและความทุกข์ในการทำเหมืองแร่ประชากรออสเตรเลีย โดยเฉพาะมันมุ่งเน้นไปที่ผลกระทบของแต่ละบุคคลการทำงานและปัจจัยการดำเนินชีวิตและแสดงให้เห็นว่าคนขับรถบรรทุกหรือเครื่องเวลาออกกำลังกายประกอบการและคุณภาพการนอนหลับมีนัยสำคัญสำหรับความสัมพันธ์ painedistress นอกจากนี้ยังชี้ให้เห็นว่าการนำเสนอของความทุกข์มีความซับซ้อนที่มีอิทธิพลซึ่งกันและกันรวมกันระหว่างตัวแปรที่สนับสนุนการเป็นสิ่งที่สำคัญกว่าผลที่เรียบง่ายของความเจ็บปวด ได้รับอาเรย์ของแต่ละบุคคลในการทำงานและการดำเนินชีวิตของปัจจัยที่เป็นไปได้ก็มีแนวโน้มว่าการค้นพบนี้ประมาทความซับซ้อนของประสบการณ์ความเจ็บปวดและดังนั้นทำไมและวิธีการนี​​้แปลเป็​​นความทุกข์ทางจิตใจ เช่นคำถามที่ยังไม่จากการศึกษาครั้งนี้เปิดลู่ทางใหม่หลายประการสำหรับการวิจัยต่อไป ยกตัวอย่างเช่นมันยังคงที่จะกำหนดว่าความทุกข์ทางจิตใจเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ขึ้นกับเวลาสำหรับการบาดเจ็บที่เกี่ยวข้องกับการทำงานในเหมืองแร่ แม้ว่าการศึกษาที่ใช้เป็น บริษัท ขนาดใหญ่ที่มีตัวแทนแรงงานของอุตสาหกรรมก็จะมีคุณค่าที่จะทราบว่าปัจจัยเสี่ยงสำหรับความเจ็บปวดและความทุกข์ต่าง ๆ ระหว่างการดำเนินงานใต้ดินและพื้นผิว แม้ว่าผลการศึกษาชี้ให้เห็นเวลาการออกกำลังกายที่ออกกะและคุณภาพการนอนหลับบนการเปลี่ยนแปลงอาจจะเป็นประโยชน์ในการลดผลกระทบของความเจ็บปวดความทุกข์ข้อมูลเพิ่มเติมนอกจากนี้ยังมีความจำเป็นเกี่ยวกับลักษณะของแต่ละคนที่มีความสามารถที่จะรับมือกับและทำงานผ่าน ปวด นอกจากนี้การพิจารณาว่าการฟื้นตัวของกิจกรรมอื่น ๆ นอกเหนือจากการนอนหลับและการออกกำลังกายคนงานได้รับประโยชน์ในอุตสาหกรรมเหมืองแร่นอกจากนี้ยังจะมีคุณค่าไปที่สนาม เพื่ออาชีวอนามัยความปลอดภัยและนักวิจัยและผู้ปฏิบัติงานเพื่อลดอัตราการบาดเจ็บจากการประกอบอาชีพและค่าใช้จ่ายค่าตอบแทนที่เป็นไปตามวิธีการเชิงรุกในการตรวจสอบการเกิดขึ้นของทั้งความเจ็บปวดและความทุกข์ในหมู่พนักงานในการระบุตัวบุคคลในความต้องการของการแทรกแซงเป็นสิ่งจำเป็น นี้อาจจะเป็นสิ่งสำคัญโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนขับรถบรรทุกและผู้ประกอบการเครื่องคนงานที่มีความยากลำบากในการนอนหลับและคนงานที่มีอาการปวดหลังส่วนล่างในขณะที่เงื่อนไขเหล่านี้มีความสัมพันธ์กับผลที่ยากจนกว่าความเจ็บปวดความทุกข์และการรบกวนการทำงาน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

สรุปบทความนี้พยายามที่จะศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างความเจ็บปวดกล้ามเนื้อและความทุกข์ในประชากรเหมืองแร่ของออสเตรเลีย โดยเน้นผลกระทบของแต่ละบุคคล การทำงาน และปัจจัยวิถีชีวิตและแสดงให้เห็นว่าสำหรับรถบรรทุก ไดรเวอร์ หรือ ผู้ควบคุมเครื่องจักร เวลาออกกำลังกายและคุณภาพการนอนหลับมีนัยยะสำคัญสำหรับ painedistress ความสัมพันธ์ นอกจากนี้พบว่า การนำเสนอของความทุกข์มีความซับซ้อน ทางร่วมระหว่างตัวแปรเสริมที่สำคัญกว่าผลที่เรียบง่ายของความเจ็บปวด ให้อาร์เรย์ของบุคคล การทำงาน และวิถีชีวิตปัจจัยที่เป็นไปได้ มันคือโอกาสที่พบเหล่านี้ประมาทความซับซ้อนของประสบการณ์ความเจ็บปวด และดังนั้นจึง ทำไม และอย่างไร นี้แปลเป็นความทุกข์ทางด้านจิตใจเช่น คำถาม โดยการศึกษานี้เปิดขึ้นหลายลู่ทางใหม่สำหรับการวิจัยต่อไป ตัวอย่าง มันยังคงที่จะตัดสินใจว่า ความทุกข์ทางจิตใจเป็นปัจจัยเสี่ยงเชิงเวลาสำหรับอันตรายจากการทำงานในเหมืองแร่ แม้ว่าการศึกษาและบริษัทขนาดใหญ่ที่มีพนักงานตัวแทนของอุตสาหกรรมมันก็จะเป็นประโยชน์ที่จะรู้ว่าปัจจัยเสี่ยงสำหรับความเจ็บปวดและความทุกข์ที่แตกต่างกันระหว่างปฏิบัติการใต้ดินและพื้นผิว แม้ว่าผลการศึกษาชี้ให้เห็นว่า การออกกำลังกายในเวลาออกเวรและนอนคุณภาพ กะ อาจเป็นประโยชน์ในการลดผลกระทบของความเจ็บปวดทุกข์ ข้อมูลเพิ่มเติมเป็นสิ่งจำเป็นเกี่ยวกับลักษณะส่วนบุคคลของผู้ที่สามารถรับมือกับ , และทำงานผ่านความเจ็บปวด นอกจากนี้ การพิจารณาว่ากิจกรรมการกู้คืนอื่น ๆนอกจากนอนและการออกกำลังกายประโยชน์คนงานในอุตสาหกรรมเหมืองแร่จะยังมีผลงานที่มีคุณค่าสู่สนาม เพื่อให้นักวิจัยและผู้ปฏิบัติงานด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยเพื่อลดอุบัติเหตุ และชดเชยราคาต้นทุนตามวิธีการเชิงรุกเพื่อตรวจสอบการเกิดความเจ็บปวดและความทุกข์ในหมู่พนักงาน เพื่อระบุบุคคลในความต้องการของการแทรกแซงเป็นสิ่งจำเป็น นี้อาจเป็นโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่สำคัญสำหรับผู้ประกอบการรถบรรทุก ไดรเวอร์ และเครื่องจักร คนงาน ที่มีปัญหาในการนอน และแรงงานที่มีอาการปวดหลังส่วนล่าง เช่น เงื่อนไขเหล่านี้ถูกเชื่อมโยงกับยากจนผลสำหรับความเจ็บปวด ทุกข์และการรบกวนการทำงาน