Eventually, Seymour’s journeys led

Eventually, Seymour’s journeys led him to Houston, TX. There he met Charles Parham, who was then leading a bible school in that city. Because of the segregation laws of the time, William was not able to officially attend the school, but his hunger for God compelled him, and he would sit in the hallway outside of the classroom door in order to learn as much as he possibly could.3 While in Houston, he was frequently involved in evangelistic outreaches in the black area of town. Seymour made connections with other believers while in Houston, and in early 1906, he was invited to become the pastor of a small holiness church in Los Angeles, CA. Seymour’s arrival in Los Angeles created a small stir in the holiness community there because of his bold preaching about the baptism of the Holy Spirit and speaking in tongues.

After about a month in the city, he arrived at the church to teach at the Sunday evening service to find the door locked.4 His zeal was not dampened and soon he had gathered several people and started a prayer meeting in a friend’s house on Bonnie Brae Street. The first gatherings were attended primarily by a few African American washwomen and their husbands,5 but within a month, these humble prayer meetings had exploded. The Holy Spirit had begun to anoint this gathering and many people started to pray and sing in tongues. The exponential growth soon caused the group to move to a larger building; 312 Azusa Street. This was the beginning of what became known as the Azusa Street Revival. People streamed to these meetings from all over the nation and eventually the world to witness and be a part of these meetings. Many were saved; many were healed, both in body and in soul. Many spoke in tongues; many received strength and encouragement to continue to live in holiness.

This movement didn’t just stay within the walls of the Azusa Street Mission building. Within nine months, many missionaries were already being sent throughout the West Coast of the United States, and thirteen missionaries departed for Africa. Just two years after the outpouring of the Holy Spirit in 1906, missionaries commissioned in the Azusa Street Mission could be found in Mexico, Canada, Western Europe, the Middle East, West Africa, and several countries in Asia…South Africa, Central and Eastern Europe, and even Northern Russia.6 The Azusa Street legacy has formed and fashioned many influential leaders in the Body of Christ over the past century, including people such as Pat Robertson, Oral Roberts, and T.D. Jakes. It was also the precursor to multiple major denominations, such as the Assemblies of God, the Church of God in Christ, and the Vineyard Christian Fellowship.7

A man of great humility, William Seymour was the face and de facto leader of the Azusa Street Revival8 and the testimonies of those around him, who saw his life, attest to his character. Frank Bartleman, his co-laborer and fellow leader at the Azusa Street Mission, described him by saying “(he was) very plain, spiritual, and humble… Brother Seymour generally sat behind two empty shoeboxes, one on top of the other. He usually kept his head inside the top one during the meeting, in prayer. There was no pride there.”9 William H. Durham was a pastor from Chicago who traveled to Azusa Street. His description of Seymour was this: “He walks and talks with God. His power is in his weakness. He seems to maintain a helpless dependence on God and is as simple-hearted as a little child, and at the same time is so filled with God that you feel the love and power every time you get near him.”10 William Seymour was a man fully surrendered to God, and the Lord used him mightily to bring about a major reawakening to early 20th century America and eventually the whole world.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ในที่สุดการเดินทางของมัวร์พาเขาไปฮูสตัน, เท็กซัส ที่นั่นเขาได้พบกับชาร์ลส์พารัมซึ่งตอนนั้นชั้นนำโรงเรียนพระคัมภีร์ในเมืองนั้น เพราะกฎหมายที่แยกจากกันของเวลาที่วิลเลียมไม่สามารถที่จะเข้าเรียนในโรงเรียนอย่างเป็นทางการ แต่ความหิวของเขาสำหรับพระเจ้าบังคับให้เขาและเขาจะนั่งอยู่ในห้องโถงด้านนอกของประตูห้องเรียนเพื่อเรียนรู้ให้มากที่สุดเท่าที่เขาอาจจะ 3 ในขณะที่ฮุสตันเขามีส่วนเกี่ยวข้องบ่อยในคอลเล็คขยายไปในพื้นที่สีดำของเมือง มัวร์ทำให้การเชื่อมต่อกับผู้เชื่ออื่น ๆ ในขณะที่ในเมืองฮุสตันและในช่วงต้นปี 1906 เขาได้รับเชิญให้เป็นบาทหลวงของโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ขนาดเล็กใน Los Angeles, แคลิฟอร์เนีย การมาถึงของมัวร์ใน Los Angeles สร้างความปั่นป่วนขนาดเล็กในชุมชนศักดิ์สิทธิ์เพราะมีตัวหนาพระธรรมเทศนาของเขาเกี่ยวกับการล้างบาปของพระวิญญาณบริสุทธิ์และการพูดภาษาแปลก. หลังจากนั้นประมาณเดือนในเมืองที่เขามาถึงที่คริสตจักรที่จะสอนในเย็นวันอาทิตย์ บริการที่จะหาประตู locked.4 ความกระตือรือร้นของเขาก็ไม่ได้ส่งผลกระทบและเร็ว ๆ นี้เขาได้รวบรวมคนหลายคนและเริ่มประชุมอธิษฐานในบ้านของเพื่อนบนไหล่เขาบอนถนน การชุมนุมครั้งแรกที่ได้เข้าร่วมเป็นหลักโดยไม่กี่ washwomen อเมริกันแอฟริกันและสามีของพวกเขา 5 แต่ภายในเดือนเหล่านี้ประชุมอธิษฐานต่ำต้อยระเบิด พระวิญญาณบริสุทธิ์ก็เริ่มที่จะเจิมชุมนุมนี้และหลาย ๆ คนเริ่มที่จะสวดมนต์และร้องเพลงในลิ้น การเจริญเติบโตเร็ว ๆ นี้เกิดจากกลุ่มที่จะย้ายไปยังอาคารขนาดใหญ่; 312 ถนนอัซซึ นี่เป็นจุดเริ่มต้นของสิ่งที่กลายเป็นที่รู้จักในฐานะอัซซึสะถนนคืนชีพ คนสตรีมไปยังการประชุมเหล่านี้จากทั่วประเทศและในที่สุดโลกที่จะเป็นพยานและเป็นส่วนหนึ่งของการประชุมเหล่านี้ หลายคนได้รับการบันทึก; หลายคนได้รับการเยียวยาทั้งร่างกายและจิตวิญญาณ หลายคนพูดภาษาแปลก ๆ ; ความแรงที่ได้รับจำนวนมากและให้กำลังใจที่จะยังคงอยู่ในความศักดิ์สิทธิ์. การเคลื่อนไหวครั้งนี้ไม่เพียง แต่อยู่ภายในกำแพงของภารกิจถนนอัซซึอาคาร ภายในเก้าเดือนมิชชันนารีหลายคนแล้วจะถูกส่งไปทั่วชายฝั่งตะวันตกของสหรัฐอเมริกาและสิบสามมิชชันนารีออกสำหรับแอฟริกา เพียงสองปีหลังจากที่เสด็จลงมาของพระวิญญาณบริสุทธิ์ในปี 1906 มิชชันนารีหน้าที่ในภารกิจถนนอัซซึอาจจะพบในเม็กซิโก, แคนาดา, ยุโรปตะวันตก, ตะวันออกกลาง, แอฟริกาตะวันตกและอีกหลายประเทศในเอเชีย ... แอฟริกาใต้, กลางและตะวันออก ยุโรปและแม้กระทั่งภาคเหนือ Russia.6 มรดกถนนอัซซึได้เกิดขึ้นและสถาปนาผู้นำที่มีอิทธิพลมากมายในกายของพระคริสต์ในช่วงศตวรรษที่ผ่านมารวมทั้งคนเช่นโรเบิร์ตแพท, ช่องปากโรเบิร์ตและ TD Jakes มันก็ยังเป็นปูชนียบุคคลที่สำคัญหลายนิกายเช่นส่วนประกอบของพระเจ้าคริสตจักรของพระเจ้าในพระคริสต์และไร่องุ่นคริสเตียน Fellowship.7 คนที่มีความอ่อนน้อมถ่อมตนดีวิลเลียมมัวร์เป็นใบหน้าและพฤตินัยผู้นำของถนนอัซซึ Revival8 และพระโอวาทของคนรอบข้างเขาที่เห็นชีวิตของเขายืนยันถึงตัวละครของเขา แฟรงก์ Bartleman ร่วมแรงงานและเป็นผู้นำเพื่อนของเขาที่ภารกิจถนนอัซซึเขาอธิบายโดยกล่าวว่า "(เขา) มากธรรมดาจิตวิญญาณและอ่อนน้อมถ่อมตน ... บราเดอร์มัวร์โดยทั่วไปนั่งอยู่หลังสอง shoeboxes ว่างหนึ่งที่ด้านบนของอื่น ๆ เขามักจะเก็บหัวของเขาภายในหนึ่งด้านบนในระหว่างการประชุมในการสวดมนต์ มีความภาคภูมิใจไม่อยู่ที่นั่น. "9 William H. เดอร์แฮมเป็นบาทหลวงจากชิคาโกที่เดินทางไปยังถนนอัซซึ คำอธิบายของเขามัวร์เป็นแบบนี้ "เขาเดินและพูดคุยกับพระเจ้า อำนาจของเขาอยู่ในความอ่อนแอของเขา ดูเหมือนว่าเขาจะรักษาพึ่งพาอะไรไม่ถูกในพระเจ้าและเป็นง่ายๆใจเป็นเด็กเล็ก ๆ น้อย ๆ และในเวลาเดียวกันจะถูกเติมเต็มให้กับพระเจ้าที่คุณรู้สึกรักและอำนาจทุกครั้งที่คุณได้รับอยู่ใกล้เขาทุก. "10 วิลเลียมมัวร์เป็น คนอย่างเต็มที่ยอมจำนนต่อพระเจ้าและพระเจ้าใช้เขาอย่างมากที่จะนำเรื่องเรือนไฟที่สำคัญในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 อเมริกาและในที่สุดทั่วโลก

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ในที่สุด เซย์ก็เดินนำเขาไปยังฮูสตัน , เท็กซัส . เขาก็พบกับชาร์ลพาร์เฮิ่มที่ได้นำเรียนพระคัมภีร์ในเมืองนั้น เพราะแยกกฎหมายของเวลา วิลเลียมก็สามารถที่จะเข้าเรียนที่โรงเรียนอย่างเป็นทางการ แต่ความหิวของเขาสำหรับพระเจ้า สะกดให้เขา และเขาจะนั่งในห้องโถงด้านนอกของประตูห้องเรียนเพื่อที่จะเรียนรู้ให้มากที่สุดเท่าที่เขาทำได้ขณะที่ในฮูสตัน เขามักเกี่ยวข้องกับการขยายไปในพื้นที่คอลเล็คสีดำของเมือง เซย์ทำการเชื่อมต่อกับผู้เชื่อคนอื่นๆ ในขณะที่ในฮูสตัน , และในปี 1906 เขาถูกเชิญไปเป็นบาทหลวงของโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ขนาดเล็กใน Los Angeles , CAซีมัวร์ก็มาถึงใน Los Angeles สร้างความปั่นป่วนเล็กๆ ในชุมชนแห่งนั้นเพราะตัวหนาเทศน์เกี่ยวกับบัพติศมาของพระวิญญาณบริสุทธิ์ และการพูดในลิ้น

หลังจากเดือนในเมือง เขามาถึงที่โบสถ์สอนตอนเย็นวันอาทิตย์เพื่อหาประตูล็อค4 ความกระตือรือร้นของเขาไม่ได้ชุบ และในไม่ช้า เขาได้รวบรวมหลายคน และเริ่มภาวนา ประชุมในบ้านเพื่อนบนถนนบอนนี่เบร . การชุมนุมครั้งแรกมีผู้เข้าร่วมหลักไม่กี่ washwomen ชาวอเมริกัน และสามี แต่ภายในเดือนนี้ต้อยการประชุมอธิษฐานมีระเบิดจิตวิญญาณอันศักดิ์สิทธิ์ได้เริ่มด้วยการรวมตัวและหลายคนเริ่มที่จะอธิษฐานและร้องเพลงในลิ้น การเจริญเติบโตชี้แจงในเร็วๆ นี้ ทำให้กลุ่มที่ย้ายไปยังอาคารขนาดใหญ่ ; 312 ถนนซึ . นี้คือจุดเริ่มต้นของสิ่งที่กลายเป็นที่รู้จักในฐานะซึ การฟื้นฟูถนน . คนสตรีมไปยังการประชุมเหล่านี้จากทั่วทุกประเทศและในที่สุดโลกที่จะเป็นพยานและเป็นส่วนหนึ่งของการประชุมเหล่านี้หลายคนรอด หลายคนรักษาทั้งร่างกายและจิตวิญญาณ หลายคนพูดในลิ้น ; หลายได้รับพลังและกำลังใจที่จะใช้ชีวิตต่อไปในความศักดิ์สิทธิ์

การเคลื่อนไหวนี้ไม่ได้อยู่ภายในผนังของอาซูสะถนนภารกิจที่อาคาร ภายในเก้าเดือน มิชชันนารีหลายคนแล้วที่ถูกส่งไปทั่วชายฝั่งตะวันตกของสหรัฐอเมริกาสิบสามมิชชันนารีออกจากแอฟริกา เพียงสองปีหลังจากการประกอบด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ใน 1906 , มิชชันนารี มอบหมายภารกิจในอาซูซา ถนนอาจจะพบในเม็กซิโก , แคนาดา , ยุโรป , ตะวันออกกลาง , แอฟริกาตะวันตก และอีกหลายประเทศในเอเชีย แอฟริกา ยุโรปตะวันออก และแม้กระทั่ง ทางเหนือของรัสเซีย6 ซึ ถนนเดิมได้เกิดขึ้น และแบบหลายอิทธิพลผู้นำในร่างกายของพระคริสต์มากกว่าศตวรรษที่ผ่านมา รวมถึงคนเช่น แพท โรเบิร์ตสัน ปาก โรเบิร์ต และ t.d. Jakes . มันยังเป็นสารตั้งต้นสำคัญหลายนิกาย เช่น คริสตจักรของพระเจ้า คริสตจักรของพระเจ้าในพระเยซูคริสต์ และไร่องุ่น คริสเตียน Fellowship 7

เป็นคนที่มีความอ่อนน้อมถ่อมตนวิลเลียมมัวร์คือใบหน้าและพฤตินัยผู้นำของอาซูซา ถนน revival8 และ testimonies ของคนรอบตัวเขา คนที่เห็นชีวิตของตัวละครของเขา แฟรงค์ bartleman ของเขา Co กรรมกรและผู้นำเพื่อนที่อาซูซา ถนนภารกิจ อธิบายให้เขา โดยกล่าวว่า " ( เขา ) มากราบ จิตวิญญาณ และถ่อมตัว . . . . . . . พี่เซย์มักนั่งอยู่ข้างหลัง shoeboxes ว่างสองที่ หนึ่งอยู่ด้านบนของอื่น ๆเขามักจะเก็บหัวของเขาภายในหนึ่งด้านบนในการประชุมในการอธิษฐาน ไม่มีศักดิ์ศรีนั้น " 9 วิลเลียม เอช. เดอแรมเป็นบาทหลวงจากชิคาโกที่เดินทางไปยังซึ ถนน รายละเอียดของซีมัวร์เป็นแบบนี้ : " เขาเดินและพูดคุยกับพระเจ้า พลังของเขาคือจุดอ่อนของเขา ดูเหมือนเขาจะรักษาหมดหนทางในการพึ่งพาพระเจ้าและเป็นง่ายใจเป็นเด็กเล็กๆและในเวลาเดียวกันก็เต็มไปด้วยพระเจ้าที่คุณรู้สึกถึงความรัก และ พลัง ทุกครั้งที่เธอเข้าใกล้เขา “ 10 วิลเลียมมัวร์เป็นชายอย่างยอมจำนนต่อพระเจ้า และพระเจ้าทรงใช้เขาอย่างมากเพื่อนำมาเกี่ยวกับหลัก Reawakening ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ในอเมริกาและในที่สุดทั้งโลก