Google Scholar is a freely accessib

Google Scholar is a freely accessible web search engine that indexes the full text or metadata of scholarly literature across an array of publishing formats and disciplines. Released in beta in November 2004, the Google Scholar index includes most peer-reviewed online journals of Europe and America's largest scholarly publishers,[citation needed] plus scholarly books and other non-peer reviewed journals. It is similar in function to the freely available CiteSeerX and getCITED. It also resembles the subscription-based tools,
Google Scholar allows users to search for digital or physical copies of articles, whether online or in libraries.[12] It indexes "full-text journal articles, technical reports, preprints, theses, books, and other documents, including selected Web pages that are deemed to be 'scholarly.'"[13] Because many of Google Scholar's search results link to commercial journal articles, most people will be able to access only an abstract and the citation details of an article, and have to pay a fee to access the entire article.[13] The most relevant results for the searched keywords will be listed first, in order of the author's ranking, the number of references that are linked to it and their relevance to other scholarly literature, and the ranking of the publication that the journal appears in.
Since December 2006, it has provided links to both published versions and major open access repositories, but still does not cover those posted on individual faculty web pages;[citation needed] access to such self-archived non-subscription versions is now provided by a link to Google, where one can find such open access articles.
Through its "cited by" feature, Google Scholar provides access to abstracts of articles that have cited the article being viewed.[15] It is this feature in particular that provides the citation indexing previously only found in CiteSeer, Scopus and Web of Science. Through its "Related articles" feature, Google Scholar presents a list of closely related articles, ranked primarily by how similar these articles are to the original result, but also taking into account the relevance of each paper.[16]
As of July 2013, Google Scholar is not yet available to the Google AJAX API.
Google Scholar’s legal database of US cases is extensive. Users can search and read published opinions of US state appellate and supreme court cases since 1950, US federal district, appellate, tax and bankruptcy courts since 1923 and US Supreme Court cases since 1791.[15] Google Scholar embeds clickable citation links within the case and the How Cited tab allows lawyers to research prior case law and the subsequent citations to the court decision.



Limitations and criticism
Quality — Some searchers consider Google Scholar of comparable quality and utility to commercial databases. The reviews recognize that its "cited by" feature in particular poses serious competition to Scopus and Web of Science. An early study, from 2007, limited to the biomedical field, found citation information in Google Scholar to be "sometimes inadequate, and less often updated". The coverage of Google Scholar may vary by discipline compared to other general databases.

Matthew effect — Google Scholar puts high weight on citation counts in its ranking algorithm and therefore is being criticised for strengthening the Matthew effect; as highly cited papers appear in top positions they gain more citations while new papers hardly appear in top positions and therefore get less attention by the users of Google Scholar and hence fewer citations.

Incorrect field detection — Google Scholar has problems identifying publications on the arXiv preprint server correctly. Interpunctuation characters in titles produce wrong search results, and authors are assigned to wrong papers, which leads to erroneous additional search results. Some search results are even given without any comprehensible reason.[28][29]

Vulnerability to spam — Google Scholar is vulnerable to spam.[30][31] Researchers from the University of California, Berkeley and Otto-von-Guericke University Magdeburg demonstrated that citation counts on Google Scholar can be manipulated and complete non-sense articles created with SCIgen were indexed from Google Scholar.[32] They concluded that citation counts from Google Scholar should only be used with care especially when used to calculate performance metrics such as the h-index or impact factor. Google Scholar started computing an h-index in 2012 with the advent of individual Scholar pages.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

Google Scholar เป็นอิสระเข้าเว็บค้นหาที่ดัชนีข้อความเต็มหรือข้อมูลเมตาของวรรณกรรมผ่านอาร์เรย์ของการเผยแพร่รูปแบบและสาขาวิชา นำออกใช้ในรุ่นเบต้าใน 2547 พฤศจิกายน ดัชนี Google Scholar มีสมุดรายออนไลน์วันตรวจทานเพื่อนส่วนใหญ่ของยุโรปและอเมริกาที่ใหญ่ที่สุดวิชาการ, [อ้างจำเป็น] รวมหนังสือวิชาการและอื่น ๆ ที่ไม่ใช่แบบเพียร์ตรวจสอบสมุดรายวัน จะคล้ายกับฟังก์ชัน CiteSeerX และ getCITED ได้ นอกจากนี้ยังมีเครื่องมือสมาชิกGoogle Scholar ช่วยให้ผู้ใช้สามารถค้นหาบทความ สำเนาดิจิตอล หรือกายภาพว่าออนไลน์ หรือ ในไลบรารี [12]ดัชนี "บทความข้อความสมุดรายวัน รายงานทางเทคนิค จาก วิทยานิพนธ์ หนังสือ และ เอกสารอื่น ๆ รวมทั้งเลือกเว็บเพจที่จะถือว่าเป็น 'วิชาการ'" [13] เนื่องจากผลการค้นหาของ Google Scholar มากมายเชื่อมโยงไปยังบทความวารสารพาณิชย์ คนส่วนใหญ่จะสามารถเข้าถึงเฉพาะบทคัดย่อและรายละเอียดอ้างอิงของบทความ และต้องจ่ายค่าธรรมเนียมในการเข้าถึงบทความทั้งหมด [13] ผลลัพธ์ที่เกี่ยวข้องมากที่สุดสำหรับคำหลักที่ค้นหาจะแสดงรายการแรก ในการเขียนการจัดอันดับ หมายเลขอ้างอิงที่เชื่อมโยงและความเกี่ยวข้องของวรรณกรรมอื่น ๆ และการจัดอันดับของสิ่งพิมพ์ที่สมุดรายวันปรากฏในธันวาคม 2549 มันมีการเชื่อมโยงไปยังรุ่นที่เผยแพร่และเก็บเข้าเปิดหลัก แต่ยัง ไม่ครอบคลุมผู้ที่โพสต์บนหน้าเว็บของแต่ละคณะ [อ้างจำเป็น] เข้าดังกล่าวตนเองไม่ต้องสมัครสมาชิกฉบับมีตอนนี้ โดยเชื่อมโยงกับ Google หนึ่งสามารถค้นหาบทความดังกล่าวเข้าถึงเปิดถึงคุณลักษณะของ "อ้างโดย" Google Scholar ช่วยให้เข้าถึงบทคัดย่อจากบทความที่มีการอ้างถึงบทความที่ถูก [15 คุณลักษณะนี้โดยเฉพาะที่มีการทำดัชนีอ้างอิงก่อนหน้านี้ พบเฉพาะ CiteSeer, Scopus และเว็บวิทยาศาสตร์]ได้ ถึงคุณลักษณะของ "บทความเกี่ยวกับ" Google Scholar แสดงรายการของบทความที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด อันดับเป็นหลัก โดยมีบทความเหล่านี้คล้ายคลึงกับผลเดิม แต่ยัง คำนึงถึงความเกี่ยวข้องของกระดาษแต่ละ [16]เดือน 2013 กรกฎาคม Google Scholar ไม่สามารถใช้ Google AJAX API ได้ฐานข้อมูลกฎหมาย Google Scholar เรากรณีเป็นที่กว้างขวาง ผู้ใช้สามารถค้นหา และอ่านความคิดเห็นประกาศของศาลสหรัฐอเมริการัฐ และกรณีที่ศาลฎีกาตั้งแต่ปี 1950 ภาษีสหรัฐอเมริกากลางเขต ศาล และศาลล้มละลายตั้งแต่ 1923 และศาลฎีกาเรากรณีตั้งแต่ค.ศ. 1791 [15] Google Scholar ฝังลิงค์อ้างอิงคลิกได้ในกรณี และแท็บการอ้างอิงให้ทนายความเพื่อวิจัยล่วงหน้ากรณีกฎหมายและอ้างอิงตามมาถึงการตัดสินใจของศาลข้อจำกัดและวิจารณ์คุณภาพ — บางหาพิจารณา Google Scholar เมื่อเทียบคุณภาพและอรรถประโยชน์ฐานข้อมูลเชิงพาณิชย์ ความคิดเห็นรับรู้ว่า คุณลักษณะการ "อ้างอิงโดย" โพสแข่งขันรุนแรง Scopus และเว็บของวิทยาศาสตร์โดยเฉพาะ การศึกษาต้น จาก 2007 จำกัดฟิลด์ชีวการแพทย์ พบข้อมูลอ้างอิงใน Google Scholar เป็น "บางครั้งไม่เพียงพอ และปรับปรุงมักจะน้อยกว่า" ความครอบคลุมของ Google Scholar อาจแตกต่างกันตามวินัยเมื่อเปรียบเทียบกับฐานข้อมูลอื่น ๆ ทั่วไปMatthew ผล — ทำให้ Google Scholar สูงน้ำหนักในการอ้างอิงค่าในอัลกอริทึมการจัดลำดับ และจึง ได้ถูกวิจารณ์สำหรับการเสริมสร้างผล Matthew เอกสารอ้างอิงสูงปรากฏในตำแหน่งสูงสุด พวกเขาได้อ้างอิงเพิ่มเติมในขณะที่เอกสารใหม่จะปรากฏในตำแหน่งสูงสุด และจึง ได้รับความสนใจน้อยลง โดยผู้ใช้ของ Google Scholar และจึงน้อยลงอ้างอิงตรวจสอบฟิลด์ไม่ถูกต้อง — Google Scholar มีปัญหาในการระบุสิ่งพิมพ์ด้านบนพิมพ์ล่วงหน้า arXiv อย่างถูกต้อง Interpunctuation อักขระในชื่อผลการค้นหาไม่ถูกต้อง และผู้เขียนมีกำหนดให้เอกสารไม่ถูกต้อง ซึ่งนำไปสู่ผลการค้นหาข้อผิดพลาดเพิ่มเติม ผลการค้นหาบางอย่างแม้ได้โดยไม่มีเหตุผลเข้าใจ [28] [29]ช่องโหว่สแปม — Google Scholar เป็นความเสี่ยงที่สแปม [30] [31] นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ และมหาวิทยาลัยออตโต-von-Guericke Magdeburg แสดงให้เห็นว่า สามารถจัดการจำนวนการอ้างอิงบน Google Scholar และบทความความรู้สึกที่ไม่สมบูรณ์ที่สร้างขึ้น ด้วย SCIgen จัดทำดัชนีจาก Google Scholar [32] พวกเขาได้ข้อสรุปว่า จำนวนการอ้างอิงจาก Google Scholar ควรจะใช้ ด้วยความระมัดระวังโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใช้ในการคำนวณการวัดประสิทธิภาพเช่นตัวคูณดัชนี h หรือผลกระทบ Google Scholar เริ่มคำนวณดัชนี h ใน 2012 กับการถือกำเนิดของนักวิชาการแต่ละหน้า

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

Google Scholar เป็นเครื่องมือค้นหาบนเว็บได้อย่างอิสระที่สามารถเข้าถึงดัชนีข้อความเต็มหรือเมตาดาต้าของวรรณกรรมวิชาการทั่วอาร์เรย์ของรูปแบบการเผยแพร่และสาขาวิชา ปล่อยออกมาในรุ่นเบต้าในเดือนพฤศจิกายนปี 2004 ดัชนีของ Google Scholar รวมถึงมากที่สุด peer-reviewed วารสารออนไลน์ของยุโรปและเผยแพร่วิชาการใหญ่ที่สุดของอเมริกา [อ้างจำเป็น] บวกหนังสือและวารสารวิชาการการตรวจสอบที่ไม่เพียร์อื่น ๆ มันก็คล้าย ๆ ในการทำงานกับ CiteSeerX ใช้ได้อย่างอิสระและ getCITED นอกจากนี้ยังมีลักษณะคล้ายกับเครื่องมือที่ใช้ในการสมัคร,
Google Scholar ช่วยให้ผู้ใช้สามารถค้นหาสำเนาดิจิตอลหรือทางกายภาพของบทความไม่ว่าจะออนไลน์หรือในห้องสมุด. [12] ดัชนีมัน "บทความวารสารข้อความแบบเต็มรายงานทางเทคนิคร่างบทความวิทยานิพนธ์หนังสือ และเอกสารอื่น ๆ รวมทั้งการเลือกเว็บเพจที่ถือว่าเป็น "วิชาการ. '" [13] เพราะหลาย Google Scholar ผลการค้นหาเชื่อมโยงไปยังบทความวารสารเชิงพาณิชย์คนส่วนใหญ่จะสามารถเข้าถึงเพียงรายละเอียดนามธรรมและการอ้างอิงของ บทความและต้องจ่ายค่าใช้จ่ายในการเข้าถึงบทความทั้งหมด. [13] ผลที่เกี่ยวข้องมากที่สุดสำหรับคำหลักที่ค้นหาจะแสดงเป็นครั้งแรกในการสั่งซื้อของการจัดอันดับของผู้เขียนจำนวนการอ้างอิงที่มีการเชื่อมโยงกับมันและความเกี่ยวข้องของพวกเขาไป วรรณกรรมวิชาการอื่น ๆ และการจัดอันดับของสิ่งพิมพ์ที่วารสารที่ปรากฏใน.
ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2006 บริษัท ได้จัดให้มีการเชื่อมโยงไปทั้งสองรุ่นที่เผยแพร่ทั่วไปและที่สำคัญเก็บเปิด แต่ก็ยังไม่ครอบคลุมผู้ที่โพสต์บนหน้าเว็บคณะบุคคล [อ้างอิงที่จำเป็น ] เข้าถึงรุ่นสมัครสมาชิกที่ไม่ใช่ตัวเองเก็บไว้ดังกล่าวมีให้ในขณะนี้โดยการเชื่อมโยงไปยัง Google ที่สามารถพบเช่นบทความการเข้าถึงเปิด.
ผ่าน "การอ้างถึงโดยคุณลักษณะ" Google Scholar ให้การเข้าถึงบทคัดย่อของบทความที่ได้อ้างถึงบทความ ถูกมอง. [15] มันเป็นคุณลักษณะนี้โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ให้การจัดทำดัชนีอ้างอิงก่อนหน้านี้พบเฉพาะใน CiteSeer, ปัสและเว็บของวิทยาศาสตร์ ผ่าน "บทความที่เกี่ยวข้องคุณลักษณะ" Google Scholar ที่มีการจัดรายการของบทความที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดมีการจัดอันดับเป็นหลักโดยวิธีการที่คล้ายกันบทความเหล่านี้มีผลเดิม แต่ยังคำนึงถึงความเกี่ยวข้องของกระดาษแต่ละ. [16]
เหมือนกรกฏาคม 2013 Google Scholar ยังไม่สามารถใช้ได้กับ Google AJAX API.
ฐานข้อมูลทางกฎหมาย Google Scholar ของสหรัฐกรณีเป็นที่กว้างขวาง ผู้ใช้สามารถค้นหาและอ่านตีพิมพ์ความเห็นของศาลรัฐของสหรัฐและกรณีศาลฎีกาตั้งแต่ 1,950, US Federal District, อุทธรณ์ภาษีและศาลล้มละลายตั้งแต่ 1923 และสหรัฐอเมริกาคดีศาลสูงตั้งแต่ 1791 [15] Google Scholar ฝังอ้างอิงการเชื่อมโยงคลิกได้ภายในกรณีที่ และแท็บอ้างวิธีช่วยให้ทนายความเพื่อการวิจัยกรณีที่กฎหมายก่อนและการอ้างอิงภายหลังศาลตัดสิน. ข้อ จำกัด และการวิจารณ์คุณภาพ- การค้นหาบางคนคิดว่า Google Scholar ที่มีคุณภาพเทียบเท่าและยูทิลิตี้การฐานข้อมูลเชิงพาณิชย์ ความคิดเห็นที่รับรู้ว่ามัน "โดยอ้างว่า" ในโพสโดยเฉพาะอย่างยิ่งการแข่งขันที่รุนแรงในการปัสและเว็บของวิทยาศาสตร์ การศึกษาต้นจากปี 2007 จำกัด ไปยังเขตข้อมูลทางการแพทย์พบข้อมูลอ้างอิงใน Google Scholar จะเป็น "บางครั้งไม่เพียงพอและน้อยมักจะมีการปรับปรุง" . รายงานข่าวของ Google Scholar อาจแตกต่างกันโดยมีระเบียบวินัยเมื่อเทียบกับฐานข้อมูลอื่น ๆ ทั่วไปแมทธิวเอฟเฟค- Google Scholar ทำให้น้ำหนักสูงในการอ้างอิงนับในขั้นตอนวิธีการจัดอันดับและดังนั้นจึงจะถูกวิพากษ์วิจารณ์สำหรับการเสริมสร้างผลแมทธิว; อ้างสูงเอกสารปรากฏในตำแหน่งบนสุดพวกเขาได้รับการอ้างอิงมากขึ้นในขณะเอกสารใหม่แทบจะไม่ปรากฏในตำแหน่งด้านบนและดังนั้นจึงได้รับความสนใจน้อยโดยผู้ใช้ของ Google Scholar และการอ้างอิงจึงน้อยลง. การตรวจสอบเขตข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง - Scholar Google มีปัญหาระบุสิ่งพิมพ์ใน arXiv preprint เซิร์ฟเวอร์ได้อย่างถูกต้อง Interpunctuation ตัวอักษรในชื่อผลิตผลการค้นหาที่ไม่ถูกต้องและผู้เขียนได้รับมอบหมายให้เอกสารที่ไม่ถูกต้องซึ่งนำไปสู่ผลการค้นหาเพิ่มเติมที่ผิดพลาด บางคนผลการค้นหาจะได้รับแม้จะไม่มีเหตุผลที่เข้าใจใด ๆ [28] [29]. ช่องโหว่สแปม -. ของ Google Scholar เป็นความเสี่ยงที่จะสแปม [30] [31] นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียเบิร์กลีย์และอ็อตโตฟอน Guericke มหาวิทยาลัยแม็ก แสดงให้เห็นถึงการอ้างอิงที่นับใน Google Scholar สามารถจัดการและบทความที่ไม่ได้ความรู้สึกที่สมบูรณ์แบบที่สร้างขึ้นด้วย SCIgen ถูกจัดทำดัชนีจาก Google Scholar. [32] พวกเขาสรุปอ้างอิงที่นับจาก Google Scholar ควรใช้ด้วยความระมัดระวังโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนำมาใช้ในการคำนวณตัวชี้วัดประสิทธิภาพการทำงานดังกล่าว ขณะที่ดัชนีเอชหรือปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อ Google Scholar เริ่มคำนวณชั่วโมงดัชนีในปี 2012 กับการถือกำเนิดของหน้าอัจฉริยะบุคคล