Fight for Indian LiberationAfter sp

Fight for Indian Liberation

After spending several months in London at the outbreak of World War I, Gandhi returned in 1915 to India, which was still under the firm control of the British, and founded an ashram in Ahmedabad open to all castes. Wearing a simple loincloth and shawl, Gandhi lived an austere life devoted to prayer, fasting and meditation. He became known as “Mahatma,” which means “great soul.”

In 1919, however, Gandhi had a political reawakening when the newly enacted Rowlatt Act authorized British authorities to imprison those suspected of sedition without trial. In response, Gandhi called for a Satyagraha campaign of peaceful protests and strikes. Violence broke out instead, which culminated on April 13, 1919, in the Massacre of Amritsar when troops led by British Brigadier General Reginald Dyer fired machine guns into a crowd of unarmed demonstrators and killed nearly 400 people. No longer able to pledge allegiance to the British government, Gandhi returned the medals he earned for his military service in South Africa and opposed Britain’s mandatory military draft of Indians to serve in World War I.

Gandhi became a leading figure in the Indian home-rule movement. Calling for mass boycotts, he urged government officials to stop working for the Crown, students to stop attending government schools, soldiers to leave their posts and citizens to stop paying taxes and purchasing British goods. Rather than buy British-manufactured clothes, he began to use a portable spinning wheel to produce his own cloth, and the spinning wheel soon became a symbol of Indian independence and self-reliance. Gandhi assumed the leadership of the Indian National Congress and advocated a policy of non-violence and non-cooperation to achieve home rule.

After British authorities arrested Gandhi in 1922, he pleaded guilty to three counts of sedition. Although sentenced to a six-year imprisonment, Gandhi was released in February 1924 after appendicitis surgery. He discovered upon his release that relations between India’s Hindus and Muslims had devolved during his time in jail, and when violence between the two religious groups flared again, Gandhi began a three-week fast in the autumn of 1924 to urge unity.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

การต่อสู้เพื่อปลดปล่อยอินเดียหลังจากใช้เวลาหลายเดือนในลอนดอนที่ระบาดของสงครามโลก คานธีกลับใน 1915 อินเดีย ซึ่งยังอยู่ภายใต้การควบคุมของบริษัทของอังกฤษ และก่อตั้งเป็นรัมในอาร์เมดาบัดเปิดทุกวรรณะ สวมใส่ง่ายโจงกระเบนและผ้าคลุมไหล่ผ้า คานธีอยู่มีชีวิตที่อดอยากอุทิศให้กับการละหมาด การถือศีลอด และการฝึกสมาธิ เขากลายเป็นที่รู้จักกันเป็น "มหาตมะ ซึ่งหมายถึง "จิตดี"ในค.ศ. 1919 ไร คานธีได้ที่เมือง reawakening เมื่อตราขึ้นใหม่ Rowlatt อำนาจเจ้าหน้าที่อังกฤษคุกผู้สงสัยว่า sedition โดยไม่ทดลอง ตอบ คานธีเรียกว่าสำหรับแคมเปญ Satyagraha สงบประท้วงและนัดหยุดงาน ความรุนแรงยากจนออกแทน ที่ culminated ใน 13 เมษายน 1919 ในการสังหารหมู่ของอัมริตซาร์เมื่อทหารนำ โดยทั่วไปภาษาอังกฤษ Brigadier Reginald ทันยิงปืนเข้าไปในฝูงชนของผู้ประท้วงที่อาวุธ และฆ่าเกือบ 400 คน ไม่สามารถให้สัตยาบันให้คำแนะนำแก่รัฐบาลอังกฤษ คานธีกลับเหรียญที่เขาได้รับสำหรับการรับราชการทหารของเขาในแอฟริกาใต้ และข้ามร่างทหารบังคับของอังกฤษของอินเดียเพื่อใช้ในสงครามโลก คานธีได้กลายเป็น รูปชั้นนำในการเคลื่อนไหวกฎบ้านอินเดีย เรียกโดยรวม boycotts เขาเรียกร้องให้รัฐบาลเจ้าหน้าที่หยุดการทำงานสำหรับมงกุฎ นักเรียนหยุดเรียนที่โรงเรียนรัฐบาล ทหารการโพสต์ของพวกเขาและประชาชนเพื่อหยุดการจ่ายภาษี และซื้อสินค้าอังกฤษ แทนที่ซื้อเสื้อผ้าที่ผลิตอังกฤษ เขาเริ่มใช้ล้อหมุนแบบพกพาเพื่อผลิตผ้าของเขาเอง และล้อหมุนจนกลายเป็น สัญลักษณ์ของเอกราชอินเดียและพึ่งพาตนเอง คานธีถือว่าเป็นผู้นำของสภาแห่งชาติอินเดีย และนโยบายไม่ใช่ความรุนแรงและไม่มีความร่วมมือเพื่อให้กฎบ้าน advocated หลังจากที่อังกฤษเจ้าหน้าที่จับกุมคานธีในค.ศ. 1922 เขา pleaded ผิดจะนับสามของ sedition แม้ว่าพิพากษาให้มีโทษจำคุก 6 ปี คานธีถูกปล่อยออกมาในเดือน 1924 กุมภาพันธ์หลังการผ่าตัดไส้ติ่ง เขาค้นพบเมื่อเขาปล่อยที่ความสัมพันธ์ระหว่างฮินดูและมุสลิมของอินเดียมี devolved ในช่วงเวลาของเขาในคุก และเมื่อความรุนแรงระหว่างกลุ่มศาสนาสองปะทุอีก คานธีเริ่มต้นสามสัปดาห์ในฤดูใบไม้ร่วงของ 1924 เพื่อกระตุ้นให้ความรวดเร็ว

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การต่อสู้เพื่อปลดปล่อยอินเดียหลังจากใช้เวลาหลายเดือนในลอนดอนที่เกิดการระบาดของสงครามโลกครั้งที่คานธีกลับมาในปี 1915 ไปยังประเทศอินเดียซึ่งยังคงอยู่ภายใต้การควบคุมที่เข้มงวดของอังกฤษและก่อตั้งอาศรมใน Ahmedabad เปิดให้ทุกวรรณะ สวมผ้าขาวม้าผ้าคลุมไหล่ที่เรียบง่ายและคานธีอาศัยอยู่ชีวิตที่เรียบง่ายที่ทุ่มเทให้กับการสวดมนต์การอดอาหารและการทำสมาธิ เขากลายเป็นที่รู้จักในฐานะ "มหาตมะ" ซึ่งหมายถึง "จิตวิญญาณที่ดี." ในปี 1919 แต่คานธีมีเรือนไฟทางการเมืองเมื่อตราพระราชบัญญัติขึ้นใหม่ Rowlatt อนุญาตเจ้าหน้าที่ตำรวจอังกฤษจะขังผู้ต้องสงสัยว่าปลุกระดมโดยการพิจารณาคดี ในการตอบสนองคานธีเรียกร้องให้มีการรณรงค์ Satyagraha ของการประท้วงที่เงียบสงบและการนัดหยุดงาน ความรุนแรงโพล่งออกมาแทนซึ่ง culminated ที่ 13 เมษายน 1919 ในการสังหารหมู่ของแอมเมื่อกองทัพอังกฤษนำโดยนายพลจัตวาเรจินัล Dyer ยิงปืนเข้าไปในฝูงชนผู้ประท้วงที่ไม่มีอาวุธและฆ่าตายเกือบ 400 คน ไม่สามารถที่จะจำนำจงรักภักดีต่อรัฐบาลอังกฤษคานธีกลับเหรียญเขาได้รับการรับราชการทหารของเขาในแอฟริกาใต้และไม่เห็นด้วยกับร่างทหารของสหราชอาณาจักรบังคับของอินเดียจะให้บริการในสงครามโลกครั้งที่หนึ่งคานธีกลายเป็นคนชั้นนำในบ้านปกครองอินเดียการเคลื่อนไหว เรียกร้องให้มีการคว่ำบาตรมวลเขาเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ของรัฐที่จะหยุดการทำงานให้กับพระมหากษัตริย์นักเรียนที่จะหยุดการเข้าร่วมโรงเรียนรัฐบาลทหารที่จะออกจากการโพสต์และประชาชนของพวกเขาที่จะหยุดการจ่ายภาษีและการจัดซื้อสินค้าของอังกฤษ แทนที่จะซื้อเสื้อผ้าที่ผลิตในอังกฤษเขาเริ่มที่จะใช้ล้อหมุนแบบพกพาในการผลิตผ้าของเขาเองและล้อหมุนเร็ว ๆ นี้กลายเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นอิสระของอินเดียและการพึ่งพาตนเอง คานธีถือว่าเป็นผู้นำของสภาแห่งชาติอินเดียและสนับสนุนนโยบายของการไม่ใช้ความรุนแรงและไม่ให้ความร่วมมือเพื่อให้เกิดการปกครองที่บ้าน. หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจอังกฤษจับกุมคานธีในปี 1922 เขาสารภาพกับสามข้อหาปลุกระดม แม้ว่าตัดสินให้จำคุกหกปีคานธีได้รับการปล่อยตัวในกุมภาพันธ์ 1924 หลังจากการผ่าตัดไส้ติ่ง เขาค้นพบที่เป็นอิสระของเขาว่าความสัมพันธ์ระหว่างอินเดียฮินดูและมุสลิมได้ตกทอดช่วงเวลาที่เขาอยู่ในคุกและเมื่อความรุนแรงระหว่างสองกลุ่มศาสนาบานอีกครั้งคานธีเริ่มสามสัปดาห์อย่างรวดเร็วในฤดูใบไม้ร่วงปี 1924 เพื่อกระตุ้นให้มีความเป็นเอกภาพ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การต่อสู้เพื่อปลดปล่อยอินเดีย

หลังจากใช้เวลาหลายเดือนในลอนดอนที่การระบาดของสงครามโลกครั้งที่ 1915 คานธีกลับอินเดีย ซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของบริษัทอังกฤษ และก่อตั้งอาศรมใน Ahmedabad เปิดทั้งหมดวรรณะ ใส่ผ้าขาวม้าที่เรียบง่ายและผ้าคลุมไหล่ คานธีใช้ชีวิตอย่างขึงขังชีวิตอุทิศเพื่ออธิษฐาน อดอาหาร และสมาธิ เขากลายเป็นที่รู้จักในฐานะ " มหาตมะ ," ซึ่งหมายความว่า " ชีวิตที่ดี " .

1919 อย่างไรก็ตาม คานธีได้ตื่นขึ้นอีกครั้งเมื่อการเมืองใหม่ประกาศใช้พระราชบัญญัติ rowlatt อนุญาตเจ้าหน้าที่อังกฤษจำคุกผู้ที่สงสัยในการปลุกระดมโดยไม่มีการไต่สวน ในการตอบสนอง , คานธีเรียกร้องให้พระพุทธศาสนา รณรงค์ประท้วงที่สงบและการนัดหยุดงาน . ความรุนแรงออกมาแทน ซึ่ง culminated ในเดือนเมษายน 13 , 1919 ,ในการสังหารหมู่อัมเมื่อกองทัพที่นำโดยนายพลจัตวากองทัพบกอังกฤษ เรจินัลด์ ดายเออร์ยิงปืนเข้าไปในฝูงชนของผู้ชุมนุมที่ไม่มีอาวุธและฆ่าเกือบ 400 คน ไม่สามารถให้คำมั่นสัญญากับรัฐบาลอังกฤษ คานธีกลับเหรียญเขาได้รับทหารในแอฟริกาใต้ และคัดค้านร่างข้อบังคับทหารอังกฤษของอินเดียเพื่อใช้ในสงครามโลกครั้งที่

) มาเป็นตัวนำในกฎบ้านอินเดียการเคลื่อนไหว เรียกมวล boycotts เขาเรียกร้องให้ข้าราชการหยุดทำงานสำหรับมงกุฎ นักเรียนหยุดโรงเรียนรัฐบาล ทหารไปโพสต์และพลเมืองของพวกเขาที่จะหยุดจ่ายภาษี และการซื้อสินค้าอังกฤษ แทนที่จะซื้อเสื้อผ้าที่ผลิตในอังกฤษเขาเริ่มใช้พกพาหมุนล้อเพื่อผลิตผ้าของเขาเองและล้อปั่นเร็ว ๆ นี้เป็นสัญลักษณ์ของการประกาศอิสรภาพของอินเดีย และการพึ่งตนเอง คานธีถือว่าผู้นำพรรคสภาแห่งชาติอินเดียและสนับสนุนนโยบายขององค์กรที่ไม่ใช่ความรุนแรงและความร่วมมือเพื่อให้บรรลุกฎบ้าน .

หลังจากทางการอังกฤษจับกุมคานธีในปี 1922 เขา pleaded ผิด 3 ข้อหาการปลุกระดม .แม้ว่าพิพากษาให้จำคุก 6 ปี คานธีถูกปล่อยตัวในกุมภาพันธ์ 2467 หลังผ่าตัดไส้ติ่ง เขาค้นพบว่าเมื่อปล่อยเขาให้ความสัมพันธ์ระหว่างอินเดียฮินดูและมุสลิมได้ตกทอดในช่วงเวลาของเขาในคุก และเมื่อความรุนแรงระหว่างสองกลุ่มศาสนาบานอีกครั้ง คานธีเริ่มสามสัปดาห์อย่างรวดเร็วในฤดูใบไม้ร่วงของปี 1924 เพื่อเรียกร้องให้มีความสามัคคี