Very few people and even fewer bran

Very few people and even fewer brands have managed to become synonymous with pop culture in the 20th century. But in the last few decades, Nike has become a Titan of the sporting world, as well as part of the daily lives of millions of people everywhere.

But during the 1960s, it was Germany’s Adidas and Puma sneakers that dominated the global market on every level and in every sport. American businessman Phil Knight was convinced that the way to compete with the Germans was to introduce cheap but high-quality running shoes from Japan. But though he had a great idea and a solid plan, Phil didn’t have the money to achieve his goal.

This native Oregonian – who, according to Forbes is the 56th richest person on the planet and the 24th richest in America, with an estimated net worth of $16.3 billion – back then was nothing more than a young man with a freshly minted MBA from Stanford University. As a former middle-distance runner in college, he was dreaming of a way to combine sports and business, and make a living at it.

During a world tour in 1963, Knight landed in Japan where he managed to make an appointment with Onitsuka, the parent company of Tiger running shoes. Tiger Shoes was interested in selling sneakers to American runners, and gave Knight samples, which he sent to the man he trusted most- his former coach at the University of Oregon, Bill Bowerman. Bowerman was known for his experimentation in matters concerning track racing. When manufacturers didn’t listen to his advice, he went to his garage and altered existing models to create the lightest, and most comfortable shoe for his runners.

Bowerman was impressed by the Tiger shoes Knight sent him and proposed that they work together to market them in the U.S. After finalizing a deal with Onitsuka, they shook on the details of a partnership on January 25, 1964, creating Blue Ribbon Sports with an investment of $500 each. The giant that we know today as Nike started as a dwarf.

By 1970, the working relationship between Blue Ribbon Sports and Onitsuka was collapsing. Knight thought that the financial arrangement with the Japanese firm was strangling his chances for financial expansion, so the association was dissolved.

In 1971, Blue Ribbon Sports launched its own line of footwear. They named the line “Nike,” the name of the Greek Goddess of Victory, called Νίκη in Greek mythology. Nike is often depicted with wings, giving rise to her designation “Winged Victory.”

As for their now iconic logo, they used a design created by Carolyn Davidson, a graphics design student at Portland State University who was inspired by the wings of the Goddess of Victory and influenced by the fact that Knight loved the Adidas logo and wanted something like it. (Note: Davidson was paid just $35 for this Swoosh design. Knight originally said of it, “I don’t love it, but I think it will grow on me.”) The now famous Swoosh was first used by Nike on June 18, 1971. Today, the Swoosh logo and the “Just Do It” slogan are among the world’s greatest and most recognizable trademarks.

The new Nike line of footwear, which would go on to dominate the world of sports footwear for the next four decades, made its debut in 1972 at the U.S. Track & Field Trials in Eugene, Oregon – and the rest is history. Today Nike, Inc. dominates the global sports footwear market with a 38% market share. The company employs more than 40,000 people around the world and generates more than $21 billion a year in sales. The brand born just a relatively short while ago with a $1000 investment and a handshake is today worth more than $10 billion.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

คนน้อยมากและแม้แต่น้อยแบรนด์มีจัดการเป็นพ้องกับวัฒนธรรมป๊อปในศตวรรษ 20 แต่ในไม่กี่ทศวรรษ Nike ได้กลายเป็น ไททันของการกีฬา เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของทุกคนเป็นล้าน ๆแต่ในช่วงปี 1960 เยอรมนีของรองเท้าอาดิดาสและพูม่าที่ครอบงำตลาดทั่วโลก ในทุกระดับ และ ในทุกกีฬา นักธุรกิจอเมริกัน Phil อัศวินได้มั่นใจว่า วิธีที่จะแข่งขันกับชาวเยอรมันที่ถูกแนะนำรองเท้าราคาถูก แต่ คุณภาพสูงจากประเทศญี่ปุ่น แต่ว่าเขามีความคิดที่ดีและแผนการของแข็ง Phil ไม่มีเงินที่จะให้บรรลุเป้าหมายของเขาOregonian เจ้านี้ – ที่ ตาม Forbes เป็นบุคคลงานรวยที่สุดในโลกและ 24 ที่รวยที่สุดในอเมริกา กับสุทธิการประเมิน มูลค่าของ $16.3 พันล้าน – กลับแล้วได้อะไรมากกว่าหนุ่มกับ MBA แจนิสสดจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด เป็นอดีต middle-distance วิ่งในวิทยาลัย เขาได้ฝันของวิธีการรวมธุรกิจและกีฬา และดำเนินชีวิตได้ในระหว่างทัวร์โลกใน 1963 อัศวินที่ดินในญี่ปุ่นที่เขาจัดการเพื่อทำการนัดหมายกับ Onitsuka บริษัทแม่ของเสือรองเท้า รองเท้าเสือเกิดความสนใจในการขายรองเท้าอเมริกันรอบชิงชนะเลิศ และให้ตัวอย่างอัศวิน ที่เขาส่งให้คนเขาเชื่อถือได้มากที่สุด - โค้ชอดีตของเขาที่มหาวิทยาลัยโอเรกอน Bowerman ตั๋ว Bowerman ถูกเรียกสำหรับการทดลองของเขาในเรื่องที่เกี่ยวกับการแข่งรถติดตาม เมื่อผู้ผลิตไม่ได้ฟังคำแนะนำของเขา เขาไปที่โรงรถของเขา และเปลี่ยนแปลงรูปแบบที่มีอยู่เพื่อสร้างรองเท้าน้ำหนักเบาที่สุด และสบายสำหรับรอบชิงชนะเลิศของเขาแหล่ง Bowerman รองเท้าเสืออัศวินส่งเขา และเสนอว่า พวกเขาทำงานร่วมกันกับตลาดในสหรัฐอเมริกา หลังจากจบการจัดการกับ Onitsuka พวกเขาจับรายละเอียดของการจับคู่บน 25 มกราคม 1964 สร้างกีฬา Blue Ribbon ด้วยการลงทุน $ 500 แต่ละ ยักษ์ที่เรารู้ว่าวันนี้เป็น Nike เริ่มเป็นแคระเป็นปี 1970 ทำงานความสัมพันธ์ระหว่าง Blue Ribbon กีฬา Onitsuka ถูกยุบ อัศวินคิดว่า การจัดการทางการเงินกับบริษัทญี่ปุ่นถูก strangling เขาโอกาสสำหรับการขยายตัวทางการเงิน เพื่อการเชื่อมโยงถูกส่วนยุบในปี 1971 สแปลกีฬาเปิดตัวรองเท้าสายของตนเอง พวกเขาตั้งชื่อรายการ "Nike ชื่อของกรีกเจ้าของชัยชนะ เรียกว่าΝίκηในเทพปกรณัมกรีก Nike เป็นมักแสดง ด้วยปีก ให้ขึ้นชื่อของเธอ "Winged ชัย"ส่วนโลโก้ของพวกเขาขณะนี้สัญลักษณ์ พวกเขาใช้การออกแบบที่สร้างขึ้น โดยแครอลีน Davidson นักออกแบบกราฟิกที่พอร์ตแลนด์มหาวิทยาลัยที่บันดาลใจปีกจากเจ้าของชัยชนะ และมีอิทธิพลต่อความจริงที่ว่าอัศวิน รักโลโก้อาดิดาส และต้องการสิ่งที่ชอบ (หมายเหตุ: Davidson จ่ายเพียง $35 สำหรับออกแบบ Swoosh นี้ อัศวินกล่าวว่า เดิมของมัน "ไม่รักมัน แต่ฉันคิดว่า มันจะเติบโตฉัน") ก่อน Swoosh มีชื่อเสียงขณะนี้ถูกใช้ โดย Nike บน 18 มิถุนายน 1971 วันนี้ โลโก้ Swoosh และคำขวัญ "เชื่อไม่ได้" มีผู้ค้ามากที่สุด และโด่งดังที่สุดในโลกบรรทัด Nike ใหม่ของรองเท้า ที่จะไปในการครองโลกของรองเท้ากีฬาสำหรับสี่ทศวรรษถัดไป ทำเปิดตัวในสหรัฐอเมริกาติดตามแอนด์ฟิลด์ทดลองใน Eugene ออริกอน – และส่วนเหลือคือ ประวัติศาสตร์ วันนี้ Nike, Inc. กุมอำนาจตลาดรองเท้ากีฬาสากลส่วนตลาด 38% บริษัทมีพนักงานกว่า 40000 คนทั่วโลก และสร้างกว่า 21 พันล้านเหรียญต่อปีในการขาย วันนี้แบรนด์เกิดเพียงค่อนข้างสั้นในขณะที่ผ่านมากับการลงทุน $1000 และ handshake เป็นเป็นมูลค่ากว่า $10 พันล้าน

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

คนน้อยมากและแบรนด์แม้แต่น้อยมีการจัดการเพื่อกลายเป็นตรงกันกับวัฒนธรรมป๊อปในศตวรรษที่ 20 แต่ในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมาไนกี้ได้กลายเป็นไททันโลกกีฬาเช่นเดียวกับการเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของผู้คนนับล้านได้ทุกที่. แต่ในช่วงทศวรรษที่ 1960 มันเป็นของเยอรมนี Adidas และรองเท้าผ้าใบพูม่าที่ครองตลาดโลกในทุก และระดับในการเล่นกีฬาทุก นักธุรกิจชาวอเมริกันฟิลไนท์เชื่อว่าวิธีที่จะแข่งขันกับเยอรมันเพื่อแนะนำราคาถูก แต่มีคุณภาพสูงรองเท้าวิ่งจากประเทศญี่ปุ่น แต่แม้ว่าเขาจะมีความคิดที่ดีและการวางแผนที่มั่นคงฟิลไม่ได้มีเงินเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของเขา. นี้ Oregonian พื้นเมือง - ที่ตามฟอร์บเป็นคนที่รวยที่สุด 56 ในโลกและ 24 ที่รวยที่สุดในอเมริกาด้วย มูลค่าสุทธิประมาณ $ 16300000000 - กลับมาแล้วไม่มีอะไรมากไปกว่าชายหนุ่มที่มีมิ้นต์สดใหม่ MBA จาก Stanford University ในฐานะที่เป็นนักวิ่งระยะกลางในอดีตวิทยาลัยเขากำลังฝันของวิธีการที่จะรวมกีฬาและธุรกิจและทำให้ชีวิตที่มัน. ในระหว่างการทัวร์คอนเสิร์ตรอบโลกในปี 1963 อัศวินที่ดินในญี่ปุ่นที่เขาจัดการที่จะทำให้การนัดหมายกับ Onitsuka ที่ บริษัท แม่ของไทเกอร์รองเท้าวิ่ง รองเท้าเสือกำลังให้ความสนใจในการขายรองเท้าผ้าใบเพื่อนักวิ่งชาวอเมริกันและให้ตัวอย่างอัศวินที่เขาส่งไปยังคนที่เขาไว้วางใจ most- อดีตโค้ชของเขาที่มหาวิทยาลัยโอเรกอน, บิล Bowerman Bowerman เป็นที่รู้จักกันสำหรับการทดลองของเขาในเรื่องที่เกี่ยวกับการแข่งรถแทร็ค เมื่อผู้ผลิตไม่ได้ฟังคำแนะนำของเขาเขาไปโรงจอดรถและรูปแบบที่มีอยู่การเปลี่ยนแปลงของเขาในการสร้างที่มีน้ำหนักเบาและสะดวกสบายมากที่สุดรองเท้าสำหรับนักวิ่งของเขา. Bowerman รู้สึกประทับใจกับรองเท้าเสืออัศวินและส่งเขาเสนอว่าพวกเขาทำงานร่วมกันเพื่อการตลาด พวกเขาในสหรัฐอเมริกาหลังจากที่จบการจัดการกับ Onitsuka พวกเขาส่ายเกี่ยวกับรายละเอียดของการเป็นหุ้นส่วนที่วันที่ 25 มกราคม 1964 การสร้างกีฬาริบบิ้นสีฟ้าที่มีการลงทุนของ $ 500 แต่ละ ยักษ์ที่เรารู้ว่าวันนี้เป็นไนกี้เริ่มต้นเป็นดาวแคระ. 1970 โดยความสัมพันธ์ระหว่างการทำงานริบบิ้นสีฟ้ากีฬาและ Onitsuka ถูกยุบ คิดว่าอัศวินจัดทางการเงินกับ บริษัท ญี่ปุ่นที่ถูกบีบคอเขาไม่มีโอกาสสำหรับการขยายตัวทางการเงินเพื่อให้สมาคมก็เลือนหายไป. ในปี 1971 กีฬาริบบิ้นสีฟ้าเปิดตัวสายของตัวเองของรองเท้า พวกเขาตั้งชื่อสาย "ไนกี้" ชื่อของเทพธิดาแห่งชัยชนะของกรีกที่เรียกว่าΝίκηในตำนานเทพเจ้ากรีก ไนกี้มักจะเป็นภาพที่มีปีกให้สูงขึ้นเพื่อกำหนดของเธอ "ปีกแห่งชัยชนะ." ในฐานะที่เป็นโลโก้ที่โดดเด่นในขณะนี้พวกเขาใช้การออกแบบที่สร้างขึ้นโดยแคโรลีนเดวิดสันเป็นนักเรียนการออกแบบกราฟิกที่มหาวิทยาลัยแห่งรัฐพอร์ตแลนด์ที่ได้แรงบันดาลใจจากปีกของเทพธิดาที่ ของชัยชนะและได้รับอิทธิพลจากความจริงที่ว่าอัศวินรักโลโก้อาดิดาสและต้องการสิ่งที่ต้องการมัน (หมายเหตุ: เดวิดสันได้จ่ายเพียง $ 35 นี้ Swoosh การออกแบบ. อัศวินเดิมกล่าวว่าจากมัน "ฉันไม่ได้รักมัน แต่ฉันคิดว่ามันจะเจริญเติบโตกับฉัน.") ในขณะนี้ที่มีชื่อเสียง Swoosh เป็นครั้งแรกที่ใช้โดยไนกี้ 18 มิถุนายน 1971 วันนี้, โลโก้ Swoosh และ "Just Do It สโลแกน" เป็นหนึ่งในเครื่องหมายการค้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดและเป็นที่รู้จักมากที่สุดในโลก. สายไนกี้ใหม่ของรองเท้าที่จะไปในที่ที่จะครองโลกของกีฬารองเท้าสำหรับสี่ทศวรรษต่อมา ผงาดขึ้นมาในปี 1972 ที่สหรัฐทดลองลู่และลานในออริกอน - และส่วนที่เหลือเป็นประวัติศาสตร์ วันนี้ไนกี้อิงค์ครองตลาดรองเท้ากีฬาระดับโลกที่มีส่วนแบ่งการตลาด 38% บริษัท มีพนักงานมากกว่า 40,000 คนทั่วโลกและสร้างมากกว่า $ 21000000000 ปีในการขาย แบรนด์เกิดในขณะที่ค่อนข้างสั้นที่ผ่านมามีการลงทุน $ 1000 และการจับมือกันในวันนี้เป็นมูลค่ากว่า $ 10000000000

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

คนน้อยมาก และแบรนด์แม้แต่น้อยได้กลายเป็นตรงกันกับวัฒนธรรมในศตวรรษที่ 20 แต่ในช่วงไม่กี่ทศวรรษ , Nike เป็นไททันของกีฬาโลก เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของผู้คนทุกที่

แต่ในช่วงทศวรรษที่ 1960 มันเป็น Adidas และ Puma รองเท้าเยอรมันที่โดดเด่นในตลาดโลกในทุกระดับและทุกกีฬานักธุรกิจอเมริกันฟิลไนท์เชื่อว่าวิธีที่จะแข่งขันกับเยอรมันก็แนะนำราคาถูกแต่คุณภาพสูงรองเท้าจากญี่ปุ่น แต่เขามีความคิดที่ดีและแผนทึบฟิลไม่ได้มีเงินเพื่อบรรลุเป้าหมาย

นี้พื้นเมือง oregonian –ซึ่งฟอร์บเป็น 56 คนร่ำรวยที่สุดบนโลกและ 24 ที่ร่ำรวยที่สุดในอเมริกาด้วยการประเมินมูลค่าสุทธิของ $ 16.3 พันล้าน ) แล้วมันก็ไม่มีอะไรมากกว่าชายหนุ่ม สดใหม่ minted MBA จากมหาวิทยาลัย Stanford . เป็นนักวิ่งระยะกลางอดีตวิทยาลัย เขาฝันถึงวิธีที่จะรวมธุรกิจกีฬา และใช้ชีวิตที่ .

ระหว่างทัวร์รอบโลกในปี 1963 , อัศวิน มาถึงญี่ปุ่นแล้ว เขาได้นัดหมายกับ Onitsuka ,บริษัทแม่ของเสือวิ่งรองเท้า รองเท้าเสือสนใจขายรองเท้านักวิ่งชาวอเมริกัน และให้ตัวอย่างอัศวินซึ่งเขาส่งคนที่เขาเชื่อใจมากที่สุด - อดีตโค้ชของเขาที่มหาวิทยาลัยแห่งรัฐโอเรกอน บิล บาวเวอร์แมน . บาวเวอร์แมนเป็นที่รู้จักสำหรับการทดลองในเรื่องเกี่ยวกับการติดตามการแข่งรถ เมื่อผู้ผลิตไม่ฟังคำแนะนำของเขาเขาไปที่โรงรถของเขาและการเปลี่ยนแปลงรุ่นที่มีอยู่สร้างเบา และรองเท้าที่สะดวกสบายที่สุดสำหรับนักวิ่งของเขา บาวเวอร์แมน

ประทับใจโดยเสือรองเท้าอัศวินส่งเขาและเสนอว่าพวกเขาทำงานร่วมกันเพื่อตลาดในสหรัฐฯ หลังจากสรุปข้อตกลงกับ Onitsuka , พวกเขาไปในรายละเอียดของการเป็นหุ้นส่วนใน 25 มกราคม 1964สร้างกีฬาริบบิ้นสีน้ำเงินกับการลงทุนของ $ 500 แต่ละ ยักษ์ที่เรารู้ว่าวันนี้เป็น Nike เริ่มเป็นคนแคระ

โดย 1970 , ความสัมพันธ์ในการทำงานระหว่างกีฬาริบบิ้นสีน้ำเงินและ Onitsuka ถูกยุบ อัศวินคิดว่าการจัดเรียงทางการเงินกับ บริษัท ญี่ปุ่นได้ทำลายโอกาสของเขาสำหรับการขยายตัวทางการเงิน ดังนั้นสมาคมละลาย

ในปี 1971เปิดตัวกีฬาริบบิ้นสีฟ้าเส้นของตัวเองของรองเท้า พวกเขาตั้งชื่อสาย " ไนกี้ " ชื่อของเทพธิดากรีกของชัยชนะ เรียกว่าΝίκηในเทพนิยายกรีก ไนกี้ มักจะเป็นภาพที่มีปีก , ให้สูงขึ้นเพื่อชื่อของเธอ " อนุสรณ์ชัยชนะ "

สำหรับตอนนี้พวกเขาใช้สัญลักษณ์โลโก้ ออกแบบสร้างขึ้นโดย Carolyn Davidson ,กราฟิกออกแบบนักเรียนที่มหาวิทยาลัยแห่งพอร์ตแลนด์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากปีกของเทพธิดาแห่งชัยชนะและได้รับอิทธิพลจากความจริงที่ว่าอัศวินชอบ Adidas โลโก้และอยากได้อะไรที่เหมือนมัน ( หมายเหตุ : เดวิดสันจ่ายเพียง $ 35 สำหรับ swoosh การออกแบบ อัศวินเดิมทีบอกว่ามัน " ฉันไม่ชอบมัน แต่ฉัน คิด ว่า มัน จะชอบฉัน