During the post-Easter period, when

During the post-Easter period, when there is a surplus of chocolate to devour, we can forget that refined sugar is an anti-nutrient and one of the skin’s (and body’s) worst enemies. In her insightful book Nourishing Traditions, Sally Fallon writes, “More plagues than heart disease can be laid at sugar’s door.” A high intake of refined sugar is implicated in a vast range of degenerative diseases and premature ageing of the body and its organs, including the skin.
When we talk of “bad sugars”, we refer to the sugars that are refined and processed. When sugars and starches are consumed in their natural state as part of a meal, they are slowly digested and enter the bloodstream at a moderate rate over a period of hours. This helps to keep blood sugar levels balanced (which also helps to keep the body both physically and emotionally balanced).
When we consume refined sugars and starches, especially without good fats or proteins, blood sugar levels skyrocket. Sustained high blood sugar levels trigger a harmful process called glycation, whereby amino acids bond to sugar molecules. These abnormal proteins become integrated into the tissues and can do damage to protein collagen. As collagen is the major structural protein of the skin and gives it strength, plumpness and durability, glycation contributes to premature wrinkling of the skin.
As well as moderating (ideally avoiding) consumption of refined sugars, and using healthier alternatives (see list below), alphalipoic acid is a potent antioxidant found in specific foods such as spinach, brewer’s yeast, tomato, red meat and liver that helps stop glycation in its tracks, making it an excellent nutrient to include in your diet. It is touted “the universal antioxidant” because, unlike other antioxidants, it’s both water and fat-soluble. This makes it able to neutralise free radicals in both the fatty and watery regions of the cells.
It also promotes the antioxidant network — it directly recycles and extends the metabolic lifespan of other antioxidants, so they work more efficiently. Naturopath Alison Cassar says that for it to be effective as a glycator you need to take at least 200g per day. However, there are contra-indications for those with blood sugar problems, so they need to be careful. She recommends they start on a low dose of 100g and monitor blood sugar levels.
Sugar’s adverse effect on the skin unfortunately doesn’t stop at glycation. When people suffering from hormonal acne cease eating refined sugars, they often find their skin clears up. This is because sustained high blood sugar levels cause disruptions to the endocrine system, which regulates hormones, including insulin (hence diabetes).
Refined sugars also have a deleterious effect on the body: they sap skin-loving nutrients from the body and promote the proliferation of Candida albicans, a systemic fungus that lives in the digestive tract. Candida compromises gut health, which in turn adversely affects the immune system and organs of the body including the skin (the gut is the body’s nutrient processing/manufacturing centre, so it’s important that its health is maintained). Candida exacerbates allergies, including allergic manifestations of the skin such as eczema.
High insulin levels from high blood sugar also contribute to inflammation of the digestive system, in turn contributing to problems of the skin, hair and nails. Over-consumption of refined sugars also exhausts the adrenals and causes emotional imbalance, increasing stress levels and robbing the body of vitality. Plus, sugar alongside refined flours is responsible for depleting the fluid that protects the teeth so is one of the greatest contributors to dental decay.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ในช่วงอีสเตอร์หลัง ระยะเวลา เมื่อมีส่วนเกินของช็อกโกแลตกิน เราสามารถลืมว่าน้ำตาลกลั่นสารที่ต่อต้านและศัตรูที่เลวร้ายที่สุดของผิวหนัง (และของร่างกาย) อย่างใดอย่างหนึ่ง ในเธอประเพณีการบำรุงหนังสือเจะ Sally ฟอลลอนเขียน "เพิ่มเติมโรคระมากกว่าโรคหัวใจสามารถวางที่ประตูของน้ำตาล" บริโภคสูงน้ำตาลรับเกี่ยวข้องในหลากหลายของโรคเสื่อมของร่างกายและอวัยวะของมัน รวมถึงผิวดีเมื่อเราพูดคุยของ "น้ำตาลไม่ดี" เราถึงน้ำตาลที่บริสุทธิ์ และประมวลผล เมื่อน้ำตาลและสมบัติมีใช้ในสภาพธรรมชาติเป็นส่วนหนึ่งของอาหาร พวกเขาจะต้องช้า และป้อนกระแสเลือดในอัตราปานกลางระยะเวลา นี้ช่วยให้ระดับน้ำตาลในเลือดสมดุล (ซึ่งยังช่วยให้ร่างกายทั้งร่างกาย และอารมณ์สมดุล)เมื่อเราใช้น้ำตาลทรายขาวและสมบัติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่ มีไขมันดีหรือโปรตีน น้ำตาลในเลือดระดับ skyrocket ระดับน้ำตาลในเลือดสูง sustained ทริกเกอร์กระบวนการอันตรายเรียกว่า glycation พันธบัตรโดยกรดอะมิโนกับน้ำตาลโมเลกุล โปรตีนเหล่านี้ผิดปกติจะรวมอยู่ในเนื้อเยื่อ และสามารถทำให้คอลลาเจนโปรตีนเสียหาย เป็นคอลลาเจนเป็นโปรตีนโครงสร้างหลักของผิว และให้ความแข็งแรง plumpness และความทนทาน glycation สนับสนุน wrinkling ก่อนวัยของผิวดูแลปริมาณน้ำตาล (หลีกเลี่ยงดาว) และใช้ทางเลือกที่มีสุขภาพดี (ดูรายการด้านล่าง), alphalipoic กรดเป็นสารที่มีศักยภาพที่พบในอาหารเฉพาะเช่นผักโขม ยีสต์ของ brewer มะเขือเทศ เนื้อแดง และตับที่ช่วยหยุดการ glycation ในเพลงของ ทำเป็นสารแห่งการรวมในอาหารของคุณ เป็น touted "ที่สากลต้านอนุมูลอิสระ" ได้ ซึ่งแตกต่างจากอื่น ๆ สารต้านอนุมูลอิสระ น้ำ และ fat-soluble ซึ่งทำให้สามารถปรึกษาอนุมูลอิสระในทั้งไขมัน และน้ำพื้นที่ของเซลล์มันยังส่งเสริมเครือข่ายสารต้านอนุมูลอิสระซึ่งมันตรง recycles และขยายอายุการเผาผลาญของสารต้านอนุมูลอิสระอื่น ๆ เพื่อให้พวกเขาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ นักธรรมอลิสัน Cassar บอกว่า มันมีผลเป็น glycator ที่ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 200 กรัมต่อวัน อย่างไรก็ตาม ได้บ่งชี้ตรงกันข้ามสำหรับผู้ที่มีปัญหาระดับน้ำตาลในเลือด ดังนั้นพวกเขาต้องระมัดระวัง เธอแนะนำให้พวกเขาเริ่มต้นในปริมาณ 100 กรัมและตรวจสอบระดับน้ำตาลในเลือดต่ำอาการของน้ำตาลในผิวหนังแต่ไม่หยุดที่ glycation เมื่อคนที่ทุกข์ทรมานจากสิวฮอร์โมนให้กินน้ำตาล พวกเขามักจะพบผิวของพวกเขาล้างค่า ทั้งนี้เนื่องจากการหยุดชะงักในระบบต่อมไร้ท่อ ที่กำหนดฮอร์โมน อินซูลินรวมทั้งทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูง sustained (ดังนั้นโรคเบาหวาน)น้ำตาลทรายยังมีผลร้ายในร่างกาย: จะบั่นทอนรักผิวสารอาหารจากร่างกาย และส่งเสริมการขยายตัวของ Candida albicans เชื้อราระบบที่อยู่ในทางเดินอาหาร แคนรับไส้สุขภาพ ซึ่งมีผลกระทบในระบบภูมิคุ้มกันและอวัยวะของร่างกายรวมทั้งผิวหนัง (ไส้เป็นศูนย์กลางการประมวลผล/ผลิตธาตุอาหารของร่างกาย ดังนั้นจึงสำคัญว่า เป็นรักษาสุขภาพ) โรค exacerbates โรคภูมิแพ้ รวมทั้งลักษณะการแพ้ของผิวหนังเช่นกลากระดับอินซูลินที่สูงจากระดับน้ำตาลในเลือดสูงยังนำไปสู่การอักเสบของระบบทางเดินอาหาร จะให้เกิดปัญหาของผิวหนัง ผม และเล็บ ปริมาณการใช้น้ำตาลมากเกินยังใช้ adrenals และทำให้เกิดความไม่สมดุลทางอารมณ์ ระดับความเครียดเพิ่มขึ้น และการบีบตัวของพลัง พลัส น้ำตาลควบคู่ไปกับแป้งบริสุทธิ์รับผิดชอบ depleting น้ำป้องกันฟันเพื่อเป็นหนึ่งร่วมสมทบมากที่สุดกับฟันผุ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ในช่วงระยะเวลาที่โพสต์อีสเตอร์เมื่อมีการเกินดุลของช็อคโกแลตจะกินเราสามารถลืมว่าน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์เป็นสารอาหารที่ต่อต้านและเป็นหนึ่งในของผิว (และร่างกาย) ศัตรูที่เลวร้ายที่สุด ในหนังสือเล่มที่ชาญฉลาดของเธอประเพณีบำรุงแซลลี่ฟอลลอนเขียน "ภัยพิบัติมากกว่าโรคหัวใจสามารถวางที่ประตูน้ำตาล." ปริมาณสูงของน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์เป็นที่เกี่ยวข้องในหลากหลายของโรคความเสื่อมและริ้วรอยก่อนวัยอันควรของร่างกายและอวัยวะของตน รวมทั้งผิว.
เมื่อเราพูดของ "น้ำตาลไม่ดี" เราหมายถึงน้ำตาลที่มีการกลั่นและประมวลผล เมื่อน้ำตาลและแป้งที่มีการบริโภคในสภาพธรรมชาติของพวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของอาหารที่พวกเขาจะย่อยช้าและเข้าสู่กระแสเลือดในอัตราปานกลางในช่วงชั่วโมง นี้จะช่วยให้ระดับน้ำตาลในเลือดสมดุล (ซึ่งยังช่วยให้ร่างกายทั้งทางร่างกายและความสมดุลทางอารมณ์).
เมื่อเรากินน้ำตาลกลั่นและแป้งโดยเฉพาะอย่างยิ่งโดยไม่ต้องไขมันดีหรือโปรตีนระดับน้ำตาลในเลือด skyrocket ยั่งยืนระดับน้ำตาลในเลือดสูงทำให้เกิดกระบวนการที่เป็นอันตรายที่เรียกว่า glycation โดยกรดอะมิโนพันธบัตรโมเลกุลน้ำตาล โปรตีนที่ผิดปกติเหล่านี้จะกลายเป็นแบบบูรณาการเข้าไปในเนื้อเยื่อและสามารถทำความเสียหายให้กับคอลลาเจนโปรตีน ในฐานะที่เป็นคอลลาเจนเป็นโปรตีนโครงสร้างหลักของผิวและให้ความแข็งแรงความอวบและความทนทาน glycation ก่อให้เกิดริ้วรอยก่อนวัยอันควรของผิว.
เช่นเดียวกับการดูแล (นึกคิดหลีกเลี่ยง) การบริโภคน้ำตาลกลั่นและการใช้ทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ (ดูรายชื่อด้านล่าง) กรด alphalipoic เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีศักยภาพที่พบในอาหารที่เฉพาะเจาะจงเช่นผักโขมต้มเบียร์ของยีสต์มะเขือเทศเนื้อแดงและตับที่ช่วยให้หยุด glycation ในเพลงทำให้มันเป็นสารอาหารที่ดีที่จะรวมอยู่ในอาหารของคุณ มันถูกขนานนามว่า "สารต้านอนุมูลอิสระสากล" เพราะไม่เหมือนสารต้านอนุมูลอิสระอื่น ๆ ก็ทั้งน้ำและละลายในไขมัน นี้จะทำให้มันสามารถที่จะต่อต้านอนุมูลอิสระทั้งในไขมันและภูมิภาคน้ำของเซลล์.
นอกจากนี้ยังส่งเสริมเครือข่ายต้านอนุมูลอิสระ - มันโดยตรงรีไซเคิลและขยายอายุการใช้งานของการเผาผลาญสารต้านอนุมูลอิสระอื่น ๆ เพื่อให้พวกเขาทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ naturopath Cassar อลิสันบอกว่ามันจะมีประสิทธิภาพเป็น glycator ที่คุณต้องใช้เวลาอย่างน้อย 200 กรัมต่อวัน แต่มีข้อบ่งชี้-ตรงกันข้ามสำหรับผู้ที่มีปัญหาน้ำตาลในเลือดดังนั้นพวกเขาจะต้องระมัดระวัง เธอแนะนำพวกเขาเริ่มต้นในปริมาณต่ำของ 100 กรัมและตรวจสอบระดับน้ำตาลในเลือด.
ผลกระทบของน้ำตาลบนผิว แต่น่าเสียดายที่ไม่ได้หยุดอยู่ที่ glycation เมื่อคนที่ทุกข์ทรมานจากสิวฮอร์โมนหยุดกินน้ำตาลกลั่นพวกเขามักจะพบว่าผิวของพวกเขาจะหมดไป นี้เป็นเพราะระดับน้ำตาลในเลือดสูงอย่างต่อเนื่องทำให้เกิดการหยุดชะงักกับระบบต่อมไร้ท่อที่ควบคุมฮอร์โมนรวมทั้งอินซูลิน (โรคเบาหวานด้วยเหตุนี้).
น้ำตาลบริสุทธิ์นอกจากนี้ยังมีผลอันตรายต่อร่างกายพวกเขา sap สารอาหารผิวที่รักออกจากร่างกายและส่งเสริมการแพร่กระจาย ของเชื้อ Candida albicans เป็นเชื้อราที่เป็นระบบที่อาศัยอยู่ในระบบทางเดินอาหาร Candida บั่นทอนสุขภาพทางเดินอาหารซึ่งจะมีผลกระทบต่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายและอวัยวะของร่างกายรวมทั้งผิว (ลำไส้คือการประมวลผลของสารอาหารที่ร่างกาย / ศูนย์การผลิตจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุขภาพของตนจะยังคงอยู่) Candida exacerbates โรคภูมิแพ้รวมถึงอาการแพ้ของผิวหนังเช่นกลาก.
ระดับอินซูลินสูงจากน้ำตาลในเลือดสูงยังนำไปสู่การอักเสบของระบบทางเดินอาหารในที่สุดก็มีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาของผิวผมและเล็บ การบริโภคกว่าน้ำตาลกลั่นยัง exhausts ต่อมหมวกไตและทำให้เกิดความไม่สมดุลทางอารมณ์เพิ่มระดับความเครียดและปล้นร่างกายของพลัง พลัสแป้งน้ำตาลควบคู่ไปกับการกลั่นมีหน้าที่ในการทำลายน้ำที่ช่วยปกป้องฟันเพื่อให้เป็นหนึ่งในผู้ให้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่จะฟันผุ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ในช่วงหลังเทศกาลอีสเตอร์ สมัยเมื่อมีการเกินดุลของช็อกโกแลตให้กิน เราก็ลืมว่า น้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์เป็น anti สารอาหารและหนึ่งในหนัง ( และร่างกาย ) ศัตรูที่ร้ายที่สุด . เธอเจะหนังสือถือประเพณี แซลลี่ ฟัลลอน เขียน " ภัยพิบัติมากกว่าโรคหัวใจสามารถวางที่ประตูน้ําตาล ." การบริโภคสูงของน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์เป็นเกี่ยวข้องในช่วงที่กว้างใหญ่ของโรค และการแก่ก่อนวัยของร่างกายและอวัยวะภายในเสื่อม รวมทั้งผิว .
เมื่อเราพูดของ " น้ำตาล " ไม่ดี เราอ้างถึงน้ำตาลที่กลั่นและประมวลผล เมื่อน้ำตาลและแป้งที่ใช้ในรัฐธรรมชาติของพวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของอาหารพวกเขาจะย่อยช้า และเข้ากระแสเลือดในอัตราปานกลางในช่วงชั่วโมง นี้จะช่วยให้ระดับน้ำตาลในเลือดสมดุล ( ซึ่งยังช่วยให้ร่างกายมีความสมดุลทั้งทางร่างกายและอารมณ์ )
เมื่อเราบริโภคน้ำตาลและแป้งกลั่น , โดยเฉพาะอย่างยิ่งปราศจากไขมันหรือโปรตีน น้ำตาลในเลือดสูงทะลุฟ้ายั่งยืนสูง ระดับน้ําตาลในเลือดกระตุ้นที่เป็นอันตรายที่เรียกว่ากระบวนการ glycation ซึ่งกรดอะมิโนเจือน้ำตาลโมเลกุล เหล่านี้โปรตีนผิดปกติกลายเป็นแบบบูรณาการเข้าไปในเนื้อเยื่อ และสามารถทําความเสียหายให้กับคอลลาเจนโปรตีน เป็นคอลลาเจนเป็นโปรตีนโครงสร้างหลักของผิวและให้มันแรง ตรงไปตรงมา และความคงทน glycation จัดสรรก่อนวัยอันควร
ย่นของผิวตลอดจนควบคุม ( ใจกลางหลีกเลี่ยง ) การบริโภคน้ําตาล และใช้ทางเลือกมีสุขภาพดี ( ดูรายชื่อด้านล่าง ) , อัลฟาไลโป กเป็นสารที่มีศักยภาพต้านอนุมูลอิสระที่พบในอาหารที่เฉพาะเจาะจงเช่นผักขม , ต้มเบียร์ของยีสต์ , มะเขือเทศสีแดง , เนื้อสัตว์ และตับที่ช่วยหยุด glycation ในแทร็คของมันทำให้มันเป็นอาหารที่รวมอยู่ในอาหารที่ยอดเยี่ยม ของคุณ มันเป็น touted " สากลสารต้านอนุมูลอิสระ " เนื่องจากซึ่งแตกต่างจากสารต้านอนุมูลอิสระอื่น ๆ มันเป็นทั้งน้ำและไขมันที่ละลายน้ำได้ นี้จะทำให้มันสามารถต่อต้านอนุมูลอิสระ ทั้งไขมัน และน้ำภูมิภาคของเซลล์ .
มันยังส่งเสริมเครือข่ายรีไซเคิลสารต้านอนุมูลอิสระโดยตรงและขยายการใช้งานการเผาผลาญของสารต้านอนุมูลอิสระอื่น ๆดังนั้นพวกเขาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นผู้รักษาโรคโดยไม่ใช้ยา อลิสัน cassar กล่าวว่ามันจะมีประสิทธิภาพเป็น glycator คุณต้องใช้เวลาอย่างน้อย 200 กรัมต่อวัน อย่างไรก็ตาม มีข้อบ่งชี้สําหรับผู้ที่มีปัญหาระดับน้ำตาลในเลือด จึงต้องระมัดระวัง เธอแนะนำพวกเขาเริ่มต้นในขนาดต่ำ ( 100 กรัม ) และตรวจสอบระดับน้ําตาลในเลือด
น้ำตาลก็มีผลต่อผิวหนังแต่ไม่ได้หยุดที่ glycation .เมื่อผู้คนที่ทุกข์ทรมานจากสิวฮอร์โมนหยุดกินน้ําตาล , พวกเขามักจะพบว่าผิวของพวกเขาจะขึ้น นี้เป็นเพราะได้รับสูงระดับน้ําตาลในเลือดทำให้เกิดการหยุดชะงักระบบต่อมไร้ท่อ ที่ควบคุมฮอร์โมนอินซูลิน ( เบาหวาน รวมทั้งเหตุ ) .
น้ําตาลยังมีผลเป็นอันตรายในร่างกาย :พวกเขา SAP ผิวรักสารอาหารจากร่างกาย และส่งเสริมการขยายตัวของ Candida albicans เป็นเชื้อราที่อาศัยอยู่ในระบบทางเดินย่อยอาหาร สุขภาพลำไส้ Candida ประนีประนอม ซึ่งจะมีผลกระทบต่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายและอวัยวะของร่างกายรวมทั้งผิวหนัง ( ไส้ในเป็นร่างกายของสารอาหาร / การประมวลผลการผลิตศูนย์ ดังนั้นมันสำคัญที่สุขภาพจะรักษา )เชื้อราเจริญเติบโต โรคภูมิแพ้ ได้แก่ อาการแพ้ของผิวหนัง เช่น กลาก
สูงระดับอินซูลิน น้ำตาลในเลือดสูงนำไปสู่การอักเสบของระบบทางเดินอาหาร จะเกิดปัญหาของผิว , ผมและเล็บ ผ่านการบริโภคของน้ําตาลยังเหนื่อยไตทำให้เกิดความไม่สมดุลทางอารมณ์การเพิ่มระดับความเครียดและปล้นร่างกายของพลัง บวกกับน้ำตาลพร้อมกับแป้งกลั่นรับผิดชอบใช้ของเหลวที่ช่วยปกป้องฟันจึงเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนมากที่สุดกับฟันผุ .