จากการที่สหภาพยุโรปประกาศใช ้มาตรการตอบโต ้การทุ่มตลาดสินค้าข้าวโพดหวานกระป๋องไทยในสหภาพยุโรป ซึ่งทางสพยุโรปมองเห็นว่าไทยจะเป็นคู่แข่งที่สำคัญและจะสร้างความเสียหายให้แก่อุตสาหกรรมภายใน ซึ่งสหภาพฯ ได้ให้เหตุผลในการใช ้ มาตรการ AD ว่าสินค้าข้าวโพดหวานไทยขายตํ่ากว่าราคาทุน และสร้างผลกระทบต่ออุตสาหกรรมภายในของสหภาพยุโรป ซึ่งตลอดระยะเวลาที่มีการประกาศใช้มาตรการ AD ส่งผลทำให้ขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมการส่งออกข้าวโพดหวานกระป๋องของไทยไป EU ลดลงอย่างต่อเนื่อง
ล่าสุด ทางสหภาพยุโรปได ้ มีการออกประกาศเพื่อขอต่ออายุมาตรการ AD สินค้าข้าวโพดหวานกระป๋องจากประเทศไทยออกไปอีก 5 ปี โดยมีผลบังคับใช ้ ตั้งแต่วันที่ 14 กันยายน 2556 จะคงอัตรา AD duty เท่าเดิมคือ 3.1-14.3 % โดย All other companies เป็น 14.3% ซึ่งครบกำหนดการใช ้ มาตรการครบ 5 ปี ในปี พ.ศ. 2561
ฉันคิดว่า การกำหนดมาตราการดังกล่าวของยุโรปเป็นการกีดกันทางการค้าของไทย เพราะเกรงว่าประเทศไทยจะส่งออกข้าวโพดหวานได้เยอะกว่าประเทศอื่นเพราะกำลังเป็นที่นิยม และข้าวโพดหวานของไทยมีข้อได้เปรียบตรงที่รสชาติและคุณภาพที่ได้รับการยอมรับจากตลาดโลก เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต ้ อังกฤษ นอกจากนี้ข้าวโพดหวานไทยเป็นพืชที่สามารถปลูกได้ตลอดทั้งปี โดยประเทศไทยมีข้อได้เปรียบในเรื่องของสภาพภูมิประเทศ สภาพดิน และภูมิอากาศเหมาะสมต่อการเพาะปลูกข้าวโพดหวาน และได้เปรียบในเรื่องของการช่วงเวลาการเพาะปลูกที่ประเทศคู่แข่ง เช่น ฮังการี และฝรั่งเศสที่สามารถปลูกข้าวโพดหวานได ้ เพียงปีละ 1 ครั้ง
การปรับปรุงพันธุ์ข้าวโพดหวาน ประเทศไทยสามารถทำงานวิจัยปรับปรุงพันธุ์ขาวโพดหวานได ้ตลอดทั้งปี แต่ทางสหภาพยุโรปหรืออเมริกาสามารถทำการปรับปรุงพันธุ์ข้าวโพดหวานได้เพียงปีละครั้ง ซึ่งทำให้ปัจจุบันพันธุ์ข้าวโพดหวานไทยมีคุณภาพใกล้เคียงกับของสหรัฐ และในอนาคตอันใกล้คาดว่าประเทศไทยจะมีพันธุ์ข้าวโพดหวานที่มีคุณภาพมากกว่าของทางสหรัฐอเมริกา และซึ่งข้าวโพดหวานของไทยมีข้อได้เปรียบตรงที่มีสภาพภูมิประเทศที่เหมาะต่อการปลูกข้าวโพดหวานเป็นอย่างมาก