Chapter ThreeThe Boston tea partyOn December 16, 1773, three grand Bri การแปล - Chapter ThreeThe Boston tea partyOn December 16, 1773, three grand Bri ไทย วิธีการพูด

Chapter ThreeThe Boston tea partyOn

Chapter Three
The Boston tea party
On December 16, 1773, three grand British ship with tall white sails waited in the cold water of Boston Harbour. Everything looked calm and peaceful, but not for long! Trouble was coming.
The people of Boston were angry about the British tea that filled the ships. They didn’t like the new British tea tax. And Britain said that British tea was the only kind of tea that American colonists could buy. These trade laws didn’t seem fair. Although they loved British tea, Americans refuse to drink it. Some of them tried to make their own tea from wild plants.
That night in Boston, here was a noisy town meeting with thousands of colonists. ‘These taxes are unfair! Send the tea back to Britain!’ they shouted. The King’s representative in Boston refused to listen to them. ‘These ships will not leave Boston until they’re empty.’ He said
Then Samuel Adams stood up. He was a troublemaker and one of the leaders of the Sons of Liberty, together with John Hancock. ‘This meeting can do nothing more to save the country!’ shouted Samuel Adams angrily to the crowd.
Later that night, Samuel Adams, John Hancock, and about a hundred Sons of Liberty did something unforgettable and a little crazy to show how much they hated King George’s new trade laws and taxes. They dressed as Mohawk Indians, blackening their faces and putting feathers in their hast. Then they picked up axes and marched two by two towards Boston Harbour. The moon was bright in the night sky. The men took small boats out to the British ships. When they boarded the ship, no one tried to stop them. With their axes the ‘Indians’ destroyed 324 boxes of valuable British tea and threw everything into the black water of the harbour. Three hours later, the men left the ship and disappeared quietly into the night.
The next morning when the sun came up, the people of Boston saw tea leaves all over their beaches and broken tea boxes in the harbour. They called it a party – the Boston Tea Party. Many colonists were pleased. They sang this song in the bars of Boston:
Mohawks! Bring out you axes,
And tell King George we’ll pay no taxes.

When he heard the news, Benjamin Franklin was ashamed. He called the Boston Tea Party ‘violent and unfair’, and he argued that Boston should pay Britain for damage.
When the news finally reached King George, he exploded. Things had gone too far. ‘Close Boston Harbour,’ he ordered, ‘until the colonists pay for the lost tea!’ The King wanted to punish the colonies were like a dangerous snake, with Boston as its head. ‘The whole snake will die if I cut off its head,’ he said to himself.
It was a mistake for the King to close Boston Harbour. But to make thing worse, he also sent British soldiers back into Boston. The crowds of redcoats who now filled the streets of Boston frightened the colonists and made them feel like second-class citizens. And because no ship could enter or leave Boston Harbour, people could not trade or fish. ‘Will we have enough food to eat?’ they worried.
Boston wanted the other twelve colonies to know what was happening. Riders on fast horses hurried out of the city with letters in their bags asking for help. When the other colonies heard the news, they were angry, too. ‘Will we be next? Will the King punish us, too?’ they wondered. If the King took away Boston’s rights, then no colony was safe. So they decided to help Boston. New York sent sheep, South Carolina sent rice, and Maryland sent dread. Money came from Connecticut and Delaware. ‘If you attack Boston, you attack all thirteen colonies,’ they said.
The colonies were standing together, which surprised King George and everyone in Britain. Before this, the colonies had never been able to agree with each other. They had argued and fought about everything. New Jersey didn’t like New York. The northern colonies didn’t like the southern ones. But now they were like one big family, uniting around Boston’s troubles. It was extraordinary!

The united colonists wanted to tell the King how they felt. So in September 1774, all the colonies except Georgia sent their leaders to a meeting in Philadelphia. Most of the men had never met before. They were teachers, lawyers, Farmers, business people, and doctors. They called themselves the First Congress. ‘What are we going to do next?’ they asked each other. They were very worried. They knew that they had to do something. They could not just let King George order them around. But still, most of them wanted peace with Britain. The idea of a bloody war frightened them. The First Congress spent seven weeks together. They discussed the colonies’ problems and made a list of their rights. Then they wrote a polite letter to the King that explained exactly what they wanted. ‘Let us be as free as yourselves,’ they wrote.
The First Congress also decided to stop all trade with Britain. The colonists shouldn’t buy or even use anything that came from Britain. No more fine, fashionable British clothes. No more lovely British candles. And of course, no more tea. Congress asked Americans to live simply and to make things for themselves.
At the end of meeting, the men were satisfied with their work. They felt that they had left the door open for peace with Britain. But something was different. The colonists were beginning to change; they were becoming Americans.
At the end of the First Congress, in October 1774, the leaders sent off their letter to the King and they decided to meet again if things became worse. And indeed they did. The first battle of the American Revolution was just around the corner.
0/5000
จาก: -
เป็น: -
ผลลัพธ์ (ไทย) 1: [สำเนา]
คัดลอก!
บทที่ 3ฝ่ายชาบอสตันบน 16 ธันวาคม เมืองพะเยา แกรนด์อังกฤษสามเรือกับเซลส์สีขาวสูงรอน้ำเย็นของบอสตันฮาร์เบอร์ ทุกอย่างดูสงบ และเงียบ สงบ แต่ไม่นาน ปัญหามาชาวบอสตันได้โกรธเกี่ยวกับชาอังกฤษที่เติมเรือ พวกเขาไม่ต้องการภาษีชาอังกฤษใหม่ และสหราชอาณาจักรกล่าวว่า ชาอังกฤษเป็นเพียงชนิดของชาที่ colonists อเมริกันสามารถซื้อ กฎหมายทางการค้าเหล่านี้ไม่ได้ดูเหมือนเป็นธรรม ถึงแม้ว่าพวกเขารักชาอังกฤษ อเมริกันปฏิเสธการดื่ม บางส่วนของพวกเขาพยายามทำตัวเองชาจากพืชป่าคืนในบอสตัน ที่นี่คือเมืองคะประชุมพัน colonists ' ภาษีเหล่านี้จะไม่เป็นธรรม ส่งน้ำชากลับไปอังกฤษ!' พวกเขาตะโกน ตัวแทนของพระมหากษัตริย์ในบอสตันปฏิเสธที่จะฟังพวกเขา 'เรือเหล่านี้จะไม่ปล่อยบอสตันจนกว่าพวกเขากำลังว่างงาน' เขากล่าวว่าแล้ว Adams Samuel ยืนขึ้น เขาเป็น troublemaker และหนึ่งในผู้นำของบุตรของเสรีภาพ ร่วมกับจอห์นแฮนค็อค การประชุมนี้ทำอะไรเพิ่มเติมเพื่อบันทึกประเทศ ' ตะโกน Adams Samuel angrily ฝูงชนหลังจากคืนนั้น Samuel Adams จอห์นแฮนค็อค และบุตรประมาณร้อยของลิเบอร์ตี้ไม่สิ่งที่น่าจดจำ และบ้าเล็กน้อยเพื่อแสดงว่าพวกเขาเกลียดชังกษัตริย์จอร์จกฎหมายใหม่ทางการค้าและภาษี พวกเขาแต่งตัวเป็นอินเดียโมฮอก blackening หน้า และวางขนนกในของพวกเขาเพราะ แล้วก็เลือกแกน และเดินสองด้วยสองต่อบอสตันฮาร์เบอร์ ดวงจันทร์สว่างในท้องฟ้ากลางคืน คนเอาเรือเล็กออกไปเรืออังกฤษ เมื่อผู้โดยสารเรือ ไม่พยายามหยุดพวกเขา กับแกนของพวกเขา 'อินเดีย' ทำลายกล่อง 324 ชาอังกฤษมีคุณค่า และโยนทุกอย่างลงไปในน้ำสีดำเล็ก สามชั่วโมงต่อมา คนซ้ายเรือ และหายไปอย่างเงียบ ๆ ในยามค่ำคืนในเช้าวันถัดมาเมื่อดวงอาทิตย์ขึ้น ชาวบอสตันเห็นใบชาทั่วกล่องชาเสียที่อ่าวและชายหาดของ พวกเขาเรียกว่าฝ่ายฝ่ายชาบอสตัน Colonists หลายมีความยินดี พวกเขาร้องเพลงนี้ในแถบของบอสตัน:Mohawks นำออกคุณแกนและบอกสปริงเราจะจ่ายภาษีไม่เมื่อเขาได้ยินข่าว เบนจามินแฟรงคลินไม่ละอาย เขาเรียกว่าฝ่ายชาบอสตัน "รุนแรง และไม่เป็นธรรม" และเขาโต้เถียงที่ บอสตันควรจ่ายราชอาณาจักรสำหรับความเสียหาย เมื่อข่าวจนถึงกษัตริย์จอร์จ เขาขยาย กิจกรรมเดินทางไกล 'ปิดบอสตันฮาร์เบอร์ เขาสั่ง 'จนกว่า colonists ที่จ่ายชาหายไป' กษัตริย์ต้องการลงโทษอาณานิคมเช่นงูอันตราย กับบอสตันเป็นใหญ่ได้ เขา 'งูทั้งหมดจะตายถ้าผมตัดใหญ่ กล่าวว่า ตนเอง มันผิดพระปิดบอสตันฮาร์เบอร์ แต่ทำสิ่งที่แย่ลง เขายังส่งทหารอังกฤษกลับเข้าไปในบอสตัน ฝูงชนของ redcoats ที่ตอนนี้ เติมของบอสตัน colonists ที่กลัว และทำให้พวกเขารู้สึกเหมือนพลเมือง second-class และเนื่องจากเรือไม่สามารถป้อน หรือปล่อยบอสตันฮาร์เบอร์ คนไม่สามารถทำค้า หรือปลา 'เราจะกินอาหารเพียงพอหรือไม่' ที่พวกเขากังวล บอสตันต้องการอื่น ๆ อาณานิคมสิบสองรู้เกิดอะไรขึ้น ผู้ขับขี่บนม้าเร็วรีบออกจากเมืองด้วยตัวอักษรในถุงของขอความช่วยเหลือ เมื่ออาณานิคมได้ยินข่าว พวกเขาโกรธ เกินไป ' เราจะถัดไป จะพระราชาลงโทษเรา เกินไปหรือไม่ ' พวกเขาสงสัยว่า ถ้ากษัตริย์เอาสิทธิของบอสตัน โคโลนีไม่มีเซฟ ดังนั้น พวกเขาตัดสินใจช่วยบอสตัน นิวยอร์กส่งแกะ เซาท์แคโรไลนาส่งข้าว และแมริแลนด์ความกลัวต่าง ๆ เงินมาจากคอนเนตทิคัตและเดลาแวร์ 'ถ้าคุณโจมตีบอสตัน คุณโจมตีอาณานิคมทั้งสิบสามทั้งหมด พวกเขากล่าวว่า อาณานิคมได้ยืนเคียงข้างกัน ซึ่งแปลกคิงจอร์จและทุกคนในสหราชอาณาจักร ก่อนนี้ อาณานิคมไม่เคยยอมรับกัน พวกเขาได้โต้เถียง และสู้ทุกอย่างเกี่ยวกับ นิวเจอร์ซี่ไม่ชอบนิวยอร์ก อาณานิคมเหนือไม่ชอบคนใต้ แต่ตอนนี้ พวกเขาเหมือนครอบครัวใหญ่หนึ่ง ทุกสถานปัญหาของบอสตัน มันเป็นพิเศษColonists สหรัฐอยากบอกพระราชาว่าพวกเขารู้สึก ดังนั้นในเดือน 1774 กันยายน อาณานิคมทั้งหมดยกเว้นจอร์เจียส่งผู้นำการประชุมในฟิลาเดลเฟีย ส่วนใหญ่คนที่ได้มาไม่เคยพบก่อน พวกครู ทนายความ เกษตรกร นักธุรกิจ และแพทย์ พวกเขาเรียกตัวเองสภาแรก 'อะไรเรากำลังจะทำต่อไปใช่ไหม"เขาก็ถามกัน พวกเขาก็เป็นห่วง พวกเขารู้ว่า พวกเขาจะทำ พวกเขาอาจไม่เพียงให้สปริงจัดลำดับสถาน แต่ยังคง ส่วนใหญ่ของพวกเขาต้องการสันติภาพกับสหราชอาณาจักร ความคิดของสงครามเลือดกลัวพวกเขา สภาแรกใช้เวลาเจ็ดสัปดาห์ด้วยกัน พวกเขากล่าวถึงปัญหาของอาณานิคม และทำรายการของสิทธิ แล้ว จะเขียนจดหมายสุภาพคิงที่อธิบายสิ่งที่พวกเขาต้อง 'เราจะเป็นอิสระเป็นตัวคุณเอง พวกเขาเขียน สภาแรกยังตัดสินใจที่จะหยุดการค้าทั้งหมดกับสหราชอาณาจักร Colonists ที่ไม่ควรซื้อ หรือแม้แต่ใช้สิ่งที่มาจากสหราชอาณาจักร ไม่ดี แฟชั่นอังกฤษเสื้อผ้า เทียนดีภาษาอังกฤษไม่ และแน่นอน ไม่ชาอีก รัฐสภาถามชาวอเมริกันอยู่เพียง การทำสิ่งต่าง ๆ ด้วยตนเอง คนก็ไม่พอใจกับงานเมื่อสิ้นสุดการประชุม พวกเขารู้สึกว่า พวกเขาได้ทิ้งประตูเปิดเพื่อสันติภาพกับสหราชอาณาจักร แต่สิ่งแตกต่างกัน Colonists ที่ได้เริ่มต้นการเปลี่ยนแปลง พวกเขาได้กลายเป็นชาวอเมริกัน ที่สุดของสภาแรก ใน 1774 ตุลาคม ผู้นำส่งออกจดหมายของพระมหากษัตริย์ และพวกเขาตัดสินใจที่จะตอบสนองอีกครั้งถ้าสิ่งที่กลายเป็นแย่ และแน่นอนไม่ การต่อสู้ครั้งแรกของการปฏิวัติอเมริกันเป็นเพียงรอบมุม
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 2:[สำเนา]
คัดลอก!
Chapter Three
The Boston tea party
On December 16, 1773, three grand British ship with tall white sails waited in the cold water of Boston Harbour. Everything looked calm and peaceful, but not for long! Trouble was coming.
The people of Boston were angry about the British tea that filled the ships. They didn’t like the new British tea tax. And Britain said that British tea was the only kind of tea that American colonists could buy. These trade laws didn’t seem fair. Although they loved British tea, Americans refuse to drink it. Some of them tried to make their own tea from wild plants.
That night in Boston, here was a noisy town meeting with thousands of colonists. ‘These taxes are unfair! Send the tea back to Britain!’ they shouted. The King’s representative in Boston refused to listen to them. ‘These ships will not leave Boston until they’re empty.’ He said
Then Samuel Adams stood up. He was a troublemaker and one of the leaders of the Sons of Liberty, together with John Hancock. ‘This meeting can do nothing more to save the country!’ shouted Samuel Adams angrily to the crowd.
Later that night, Samuel Adams, John Hancock, and about a hundred Sons of Liberty did something unforgettable and a little crazy to show how much they hated King George’s new trade laws and taxes. They dressed as Mohawk Indians, blackening their faces and putting feathers in their hast. Then they picked up axes and marched two by two towards Boston Harbour. The moon was bright in the night sky. The men took small boats out to the British ships. When they boarded the ship, no one tried to stop them. With their axes the ‘Indians’ destroyed 324 boxes of valuable British tea and threw everything into the black water of the harbour. Three hours later, the men left the ship and disappeared quietly into the night.
The next morning when the sun came up, the people of Boston saw tea leaves all over their beaches and broken tea boxes in the harbour. They called it a party – the Boston Tea Party. Many colonists were pleased. They sang this song in the bars of Boston:
Mohawks! Bring out you axes,
And tell King George we’ll pay no taxes.

When he heard the news, Benjamin Franklin was ashamed. He called the Boston Tea Party ‘violent and unfair’, and he argued that Boston should pay Britain for damage.
When the news finally reached King George, he exploded. Things had gone too far. ‘Close Boston Harbour,’ he ordered, ‘until the colonists pay for the lost tea!’ The King wanted to punish the colonies were like a dangerous snake, with Boston as its head. ‘The whole snake will die if I cut off its head,’ he said to himself.
It was a mistake for the King to close Boston Harbour. But to make thing worse, he also sent British soldiers back into Boston. The crowds of redcoats who now filled the streets of Boston frightened the colonists and made them feel like second-class citizens. And because no ship could enter or leave Boston Harbour, people could not trade or fish. ‘Will we have enough food to eat?’ they worried.
Boston wanted the other twelve colonies to know what was happening. Riders on fast horses hurried out of the city with letters in their bags asking for help. When the other colonies heard the news, they were angry, too. ‘Will we be next? Will the King punish us, too?’ they wondered. If the King took away Boston’s rights, then no colony was safe. So they decided to help Boston. New York sent sheep, South Carolina sent rice, and Maryland sent dread. Money came from Connecticut and Delaware. ‘If you attack Boston, you attack all thirteen colonies,’ they said.
The colonies were standing together, which surprised King George and everyone in Britain. Before this, the colonies had never been able to agree with each other. They had argued and fought about everything. New Jersey didn’t like New York. The northern colonies didn’t like the southern ones. But now they were like one big family, uniting around Boston’s troubles. It was extraordinary!

The united colonists wanted to tell the King how they felt. So in September 1774, all the colonies except Georgia sent their leaders to a meeting in Philadelphia. Most of the men had never met before. They were teachers, lawyers, Farmers, business people, and doctors. They called themselves the First Congress. ‘What are we going to do next?’ they asked each other. They were very worried. They knew that they had to do something. They could not just let King George order them around. But still, most of them wanted peace with Britain. The idea of a bloody war frightened them. The First Congress spent seven weeks together. They discussed the colonies’ problems and made a list of their rights. Then they wrote a polite letter to the King that explained exactly what they wanted. ‘Let us be as free as yourselves,’ they wrote.
The First Congress also decided to stop all trade with Britain. The colonists shouldn’t buy or even use anything that came from Britain. No more fine, fashionable British clothes. No more lovely British candles. And of course, no more tea. Congress asked Americans to live simply and to make things for themselves.
At the end of meeting, the men were satisfied with their work. They felt that they had left the door open for peace with Britain. But something was different. The colonists were beginning to change; they were becoming Americans.
At the end of the First Congress, in October 1774, the leaders sent off their letter to the King and they decided to meet again if things became worse. And indeed they did. The first battle of the American Revolution was just around the corner.
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 3:[สำเนา]
คัดลอก!
บทที่ 3 งานเลี้ยงน้ำชาที่บอสตัน

ที่ 16 ธันวาคม 2316 , สามแกรนด์อังกฤษเรือที่มีใบเรือสีขาวสูงรอในน้ำเย็นของท่าเรือบอสตัน ทุกอย่างดูเงียบและสงบ แต่ไม่นาน ปัญหามา .
คนบอสตันโกรธเกี่ยวกับชาอังกฤษ ที่เต็มไปด้วยเรือ พวกเขาไม่เหมือนใหม่ภาษีชาอังกฤษและอังกฤษกล่าวว่า อังกฤษเป็นอุปกรณ์ชนิดเดียวของชาที่อาณานิคมอเมริกัน สามารถซื้อ กฎหมายการค้าเหล่านี้ดูไม่ยุติธรรม แม้ว่าพวกเขาจะรักชาอังกฤษ , ชาวอเมริกันปฏิเสธที่จะดื่มมัน บางส่วนของพวกเขาพยายามที่จะทำให้ชาของตัวเองจากพืชป่า
คืนนั้นในบอสตัน ที่นี่เป็นที่ประชุมเมืองหนวกหูกับหลักพันของอาณานิคม ' ภาษีนี่ ไม่ยุติธรรมเลย ส่งชากลับไปอังกฤษ !' พวกเขาตะโกน ตัวแทนของกษัตริย์ในบอสตันปฏิเสธที่จะฟังพวกเขา ' เรือเหล่านี้จะไม่ปล่อยให้ บอสตัน จนกว่าพวกเขาจะว่างเปล่า เขาบอกว่า
ซามูเอลอดัมส์ ลุกขึ้นยืน เขาเป็นผู้ก่อเหตุและเป็นหนึ่งในผู้นำของบุตรแห่งเสรีภาพ ร่วมกับ จอห์น แฮนค็อก การประชุมนี้สามารถทำอะไรเพื่อช่วยประเทศ ซามูเอลอดัมส์ ' ตะโกนด้วยความโกรธกับฝูงชน .
ในคืนนั้นซามูเอลแอดัมส์จอห์นแฮนค็อกและประมาณร้อยบุตรแห่งเสรีภาพทำบางอย่างที่ยากจะลืมและบ้าเล็กน้อยเพื่อแสดงวิธีการมากที่พวกเขาเกลียดกษัตริย์จอร์จใหม่กฎหมายการค้าและภาษี พวกเขาแต่งตัวเป็นอินเดียนแดง Indians blackening ใบหน้าของพวกเขาและใส่ขนนกในทรงของตนเอง จากนั้นก็หยิบขวานและเดินสองสองข้างท่าเรือบอสตัน พระจันทร์ก็สว่างในยามค่ำคืน
การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2024 I Love Translation. All reserved.

E-mail: