พูดง่ายๆ คือ Customer Value คุณค่าที่ลูกค้าได้รับจากผลงานหรือผลิตภัณฑ์ของเราซึ่งในที่นี้คือซอฟแวร์นั่นเอง
หลายคนสับสนระหว่างแรงงานที่ใช้ในการทำ ความยากหรือความซับซ้อนของการทำ เวลาที่ใช้ หรือไม่ก็จำนวนคนที่ทำ สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เกี่ยวข้องทั้งหมดหรือเกี่ยวข้องกับคุณค่าที่ลูกค้าเพียงเล็กน้อยจนนับไม่ได้เลย ลองคิดถึงคนที่กำลังหิวน้ำมากๆ ระหว่างน้ำเปล่ากับเหล้าไวน์ชั้นดี อะไรจะมีค่ากับเค้า คือเค้าพร้อมจะจ่ายเงินซื้อมากกว่ากัน จะเห็นได้ว่า คุณค่าต่อลูกค้านั้น มาจากความต้องการของลูกค้าเป็นสำคัญ ไม่ได้เกี่ยวกับต้นทุน ความยากง่ายในการทำ หรือ ความลึกล้ำซับซ้อนของตัวโปรดักส์เลย
สำหรับการพัฒนาแบบ waterfall ที่ทุกงานต้องทำให้เสร็จจึงจะส่งมอบได้นั้น ลำดับความสำคัญดูจะไม่สำคัญเพราะทุกอันต้องเสร็จก่อนส่ง แต่สำหรับอไจล์ลำดับการพัฒนาถือเป็นหัวใจเลยก็ว่าได้ เพราะลูกค้ามีสิทธิที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ ได้ตลอดเวลา การที่เราไม่สามารถส่งมอบส่วนที่มีมูลค่าสูงให้กับเขาได้ก่อนนั้น ย่อมจะกระทบถึงรายได้และผลกำไรของเขา อย่าคิดว่าเป็นเงินเขาไม่เกี่ยวกับเราเพราะ เงินเขาก็คือเงินที่จะจ่ายให้เรา ถ้าเขาไม่มีเงินจ่าย เราก็ไม่ได้เงิน แล้วถ้าเค้าเจ๊งเราก็เจ๊ง ไม่ใช่ว่าเขาเจ๊งเราก็ไปหาลูกค้าใหม่ อันนี้อาจจะทำได้ชั่วคราวแต่ในระยะยาวแล้ว ใครล่ะจะอยากจ้าง บริษัทหรือทีมที่ทำไปก็เจ๊ง
แถมให้ว่าวิธีการหามูลค่าต่อลูกค้านั้นทำได้โดย หลังจากที่เราแบ่งฟีเจอร์ออกเป็นส่วนๆ แล้ว ให้สมมติว่าลูกค้ามีเงิน เอาเป็นสัก 100 บาท แล้วให้เค้าเลือกว่า แต่ละอันเค้ายินดีจ่ายเงินเท่าไหร่เพื่อซื้อแต่ละฟีเจอร์ ถ้าอันไหนเค้ายินดีจ่ายแพง และเราใช้เรงงานทำถูก แสดงว่าเราเอา ราคาขาย(เงินที่ลูกค้ายินดีจ่าย)หักด้วยต้นทุน(estimate ของเรา) ก็คือกำไรที่เราจะได้เมื่อเราทำฟีเจอร์นั้นเสร็จ ถ้าเราทำอย่างนี้ก่อน โอกาสที่เราจะเก็บเงินได้ก็มีสูงขึ้นเพราะ ลูกค้าได้ของที่มูลค่ามากสำหรับเขาแ้ล้ว