IntroductionThe 1960s and 1970s wer

Introduction
The 1960s and 1970s were marked by the mass death of wild bird populations in various parts of the world. The reason for this
phenomenon turned out to be the use of organochlorine pesticides (OCPs). As a result of endrin intoxication, partridges and pheasants
died; dieldrin killed bald eagles and geese. DDT (dichlorodiphenyltrichloroethane) caused the death of cormorants, pelicans, and
seagulls; lindane caused the death of starlings (Tanabe et al., 1984; Rovinskii et al., 1990).
After the ban on the use of pesticides was imposed, bird deaths decreased significantly, but deaths caused by OCPs poisoning
continued. It is important that in areas contaminated by OCPs, birds are particularly sensitive to other groups of chemical toxicants.
Thus, the presence of DDE (dichlorodiphenyldichloroethylene) disguises the effect of the negative effects ofmercury on reproduction
of birds (Rovinskii et al., 1990; Jorundsdottir et al., 2010).
A number of experimentsmanaged to identify critical concentrations of OCPs in the brain of birds. Lethal doses of pesticides are specific
for each species and fall within the range from4 (for the Japanese quail and yellowcres) to 65 mg/kg (for sparrows) (Tanabe, 2007).
For the first time, a correlation between eggshell thinning and the deterioration of breeding populations of peregrine falcons and
sparrow hawk in the field of persistent organochlorine insecticides was revealed in the UK.
Comparedwith the eggshell thickness in 1940, by the end of 1960s, the eggshell thickness of nine out of the 17 studied specieswas
found to decrease by 5 to 19%. Studies in the U.S. and Canada also revealed a certain degree of thinning of the shell; the shell thickness
and the weight of many bird species decreased by 20% (Kunisue et al., 2003; Tanabe and Subramanian, 2006; Tanabe, 2007).

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

แนะนำช่วงปี 1960 และทศวรรษ 1970 ถูกทำเครื่องหมาย โดยการตายโดยรวมของประชากรนกในส่วนต่าง ๆ ของโลก เหตุผลสำหรับการนี้ปรากฏการณ์ให้ ใช้สารกำจัดศัตรูพืช organochlorine (OCPs) จาก endrin intoxication, partridges และ pheasantsตาย dieldrin ฆ่าหัวโล้นอีเกิลแลนดิงและห่าน DDT (dichlorodiphenyltrichloroethane) เกิดจากการตายของตู้ pelicans และนกนางนวล ลินเดนสาเหตุการตายของ starlings (Tanabe et al., 1984 Rovinskii และ al., 1990)หลังจากถูกบังคับห้ามการใช้สารกำจัดศัตรูพืช นกตายลดลงอย่างมาก แต่เสียชีวิตเกิดจาก OCPs พิษอย่างต่อเนื่อง สำคัญในพื้นที่ปนเปื้อน โดย OCPs นกสำคัญอย่างยิ่งของ toxicants เคมีกลุ่มอื่น ๆ ได้ดังนั้น สถานะของ DDE (dichlorodiphenyldichloroethylene) disguises ผล ofmercury ผลกระทบเชิงลบของการสืบพันธุ์นก (Rovinskii และ al., 1990 Jorundsdottir et al., 2010)ตัวเลขของ experimentsmanaged ระบุความเข้มข้นวิกฤตของ OCPs ในสมองของนก ยุทธภัณฑ์ปริมาณสารกำจัดศัตรูพืชมีการสำหรับแต่ละชนิดและอยู่ภายใน from4 ช่วง (สำหรับนกกระทาญี่ปุ่นและ yellowcres) ถึง 65 มิลลิกรัม/กิโลกรัม (สำหรับนกกระจอก) (Tanabe, 2007)สำหรับครั้งแรก ความสัมพันธ์ระหว่างเปลือกไข่บางและเสื่อมสภาพของพันธุ์ประชากรของ peregrine falcons และสแปร์โรว์ฮอว์กในยาฆ่าแมลง organochlorine แบบถูกเปิดเผยใน UKComparedwith ความหนาของเปลือกไข่ใน ๒๔๘๓ โดย 1960s ความหนาของเปลือกไข่เก้าจาก 17 studied specieswasพบการลด% 5-19 การศึกษาในสหรัฐอเมริกาและแคนาดายังเปิดเผยองศาของผอมบางของเปลือก ความหนาเปลือกและน้ำหนักของนกหลายชนิดลดลง 20% (Kunisue et al., 2003 Tanabe และ Subramanian, 2006 Tanabe, 2007)

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

บทนำ
ปี 1960 และ 1970 ถูกทำเครื่องหมายโดยการตายของมวลของประชากรนกป่าในส่วนต่างๆของโลก เหตุผลนี้
ปรากฏการณ์ที่เปิดออกมาเป็นการใช้สารกำจัดศัตรูพืช organochlorine (OCPs) อันเป็นผลมาจากความมึนเมาเอนดริน, นกกระทาและไก่ฟ้า
ตาย ดีลดรินฆ่านกอินทรีหัวล้านและห่าน ดีดีที (ดีดีที) ทำให้เกิดการตายของนกกาน้ำนกกระยางและ
นกนางนวล; lindane สาเหตุการตายของนกกิ้งโครง (ทานาเบะ, et al, 1984;.. Rovinskii, et al, 1990).
หลังจากที่ห้ามเกี่ยวกับการใช้สารกำจัดศัตรูพืชที่ถูกกำหนดตายนกลดลงอย่างมาก แต่การเสียชีวิตที่เกิดจากพิษ OCPs
อย่างต่อเนื่อง มันเป็นสิ่งสำคัญว่าในพื้นที่ปนเปื้อนด้วย OCPs นกมีความสำคัญโดยเฉพาะการกลุ่มอื่น ๆ ของสารเคมีสารพิษ.
ดังนั้นการปรากฏตัวของ DDE (dichlorodiphenyldichloroethylene) ปลอมผลของผลกระทบเชิงลบ ofmercury การสืบพันธุ์
ของนก (Rovinskii et al, 1990. Jorundsdottir et al., 2010).
จำนวน experimentsmanaged เพื่อระบุความเข้มข้นที่สำคัญของ OCPs ในสมองของนก ปริมาณตายของสารกำจัดศัตรูพืชมีความเฉพาะเจาะจง
สำหรับแต่ละสายพันธุ์และอยู่ในช่วง from4 (สำหรับนกกระทาญี่ปุ่นและ yellowcres) ถึง 65 mg / kg (สำหรับนกกระจอก) (Tanabe 2007).
เป็นครั้งแรกที่ความสัมพันธ์ระหว่างการทำให้ผอมบางและเปลือกไข่ การเสื่อมสภาพของประชากรการผสมพันธุ์ของเหยี่ยวเพเรกรินและ
เหยี่ยวนกกระจอกในด้านการใช้ยาฆ่าแมลง organochlorine ถาวรถูกเปิดเผยในสหราชอาณาจักร.
เทียบกับความหนาของเปลือกไข่ในปี 1940 โดยในตอนท้ายของทศวรรษที่ 1960, ความหนาของเปลือกไข่เก้าออกจาก 17 specieswas ศึกษา
พบว่าลดลง โดย 5-19% การศึกษาในสหรัฐอเมริกาและแคนาดายังเผยให้เห็นในระดับหนึ่งของการทำให้ผอมบางของเปลือก; ความหนาของเปลือก
และน้ำหนักของนกหลายชนิดลดลง 20% (Kunisue et al, 2003;. ทานาเบะและ Subramanian 2006; Tanabe 2007)

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

บทนำ
ทศวรรษที่ 1960 และ 1970 มีการทำเครื่องหมายโดยการเสียชีวิตของนกป่าประชากรในส่วนต่างๆของโลก เหตุผลสำหรับปรากฏการณ์นี้
กลับกลายเป็นประโยชน์ของการใช้ ( ชุดฝึกทักษะ ) ผลของพิษและเอนดริน , ไก่ฟ้านกกระทา
ตาย ; ดีฆ่านกอินทรีหัวล้าน และห่าน ดีดีที ( dichlorodiphenyltrichloroethane ) สาเหตุการตายของนกกาน้ำนกกระยาง , ,นกนางนวลและ
; ลินเดนสาเหตุการตายของนกสตาร์ลิ่ง ( ทานาเบะ et al . , 1984 ; rovinskii et al . , 1990 ) .
หลังจากการห้ามใช้ยาฆ่าแมลงที่ถูกเก็บตาย นกลดลงอย่างมีนัยสำคัญ แต่เสียชีวิตจากพิษ
โดยชุดฝึกทักษะอย่างต่อเนื่อง มันเป็นสิ่งสำคัญในพื้นที่ปนเปื้อนโดยชุดฝึกทักษะ นกเป็นสําคัญโดยเฉพาะกลุ่มอื่น ๆของสารเคมีเป็นพิษ .
ดังนั้นการปรากฏตัวของ DDE ( dichlorodiphenyldichloroethylene ) ปลอมตัวผลของระดับความสูงผลกระทบเชิงลบต่อการสืบพันธุ์ของนก (
rovinskii et al . , 1990 ; jorundsdottir et al . , 2010 ) .
จำนวน experimentsmanaged ระบุวิกฤติความเข้มข้นของชุดฝึกทักษะในสมองของนก ปริมาณของสารกำจัดศัตรูพืชที่เฉพาะเจาะจง
แต่ละชนิด และอยู่ในช่วง from4 ( สำหรับนกกระทาญี่ปุ่น และ yellowcres ) 65 มิลลิกรัม / กิโลกรัม ( นกกระจอก ) ( ( 2550 ) .
ครั้งแรก ความสัมพันธ์ระหว่างเปลือกไข่บางและการเสื่อมสภาพของพันธุ์ประชากรของเหยี่ยวเพเรกรีนและ
นกกระจอกเหยี่ยวในฟิลด์ของยาฆ่าแมลงกลุ่มถาวร คือ พบใน UK .
กับเปลือกไข่หนาปี 1940โดยจุดสิ้นสุดของยุค 60 , เปลือกไข่หนา เก้าออกจาก 17 เรียน specieswas
พบลดลงโดย 5 ถึง 19% การศึกษาในสหรัฐอเมริกาและแคนาดายังได้เปิดเผยบางอย่างของบางของเปลือก ; เปลือกหนา
และ น้ำหนักของหลายชนิดนกลดลง 20 % ( kunisue et al . , 2003 ; ทานาเบะ และ subramanian , 2006 ; ( 2007 )