Aims: The aims of this study were (

Aims: The aims of this study were (1) to estimate what proportion of rural females had received cervical screening, (2) to assess knowledge, beliefs, attitudes, and demographics that influence cervical screening, and (3) to predict cervical screening accessibility based on demographic factors, knowledge, beliefs, and attitudes that influence cervical screening. Methods: The study sample consisted of randomly selected, sexually active, rural females between 12 and 84 years of age. Five hundred fourteen females responded to an individually administered questionnaire. Results: Of the 514 participants, 91% had never had cervical screening and 81% had no previous knowledge of cervical screening tests; 80% of the group expressed positive beliefs about cervical screening tests after an educational intervention. Females who were financially independent were 6.61% more likely to access cervical screening compared with those who were dependent on their husbands. Females in mining villages were 4.47% more likely to access cervical screening than those in traditional rural reserve villages. Females in resettlement villages were 20% less likely to access cervical screening than those in traditional rural reserve villages. Conclusions: Accessibility of screening services could be improved through planning and implementation of screening programs involving community leaders and culturally appropriate messages. The government should incorporate the human papillomavirus (HPV) vaccine in its immunization program for adolescents, and health education should be intensified to encourage women and their partners to comply with diagnostic and treatment regimens.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

มีจุดมุ่งหมาย: จุดมุ่งหมายของการศึกษานี้ (1) ในการประเมินสิ่งที่สัดส่วนของผู้หญิงในชนบทได้รับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก (2) เพื่อประเมินความรู้ความเชื่อทัศนคติและกลุ่มผู้เข้าชมที่มีอิทธิพลต่อการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกและ (3) ในการทำนายการเข้าถึงการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก ขึ้นอยู่กับปัจจัยทางด้านประชากรศาสตร์ความรู้ความเชื่อและทัศนคติที่มีผลต่อการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก วิธีการ:กลุ่มตัวอย่างประกอบด้วยสุ่มเลือกใช้งานทางเพศหญิงในชนบทระหว่างวันที่ 12 และ 84 ปีของอายุ 514 หญิงตอบแบบสอบถามบริหารเป็นรายบุคคล ผลลัพธ์ของผู้เข้าร่วม 514, 91% ไม่เคยมีการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกและ 81% มีความรู้ก่อนหน้าของการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก;80% ของกลุ่มที่แสดงความเชื่อที่เป็นบวกเกี่ยวกับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกหลังจากการแทรกแซงการศึกษา หญิงที่เป็นอิสระทางการเงินเป็น 6.61% มีแนวโน้มที่จะเข้าสู่การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกเมื่อเทียบกับผู้ที่ได้ขึ้นอยู่กับสามีของตน ผู้หญิงในหมู่บ้านเหมืองแร่เป็น 4.47% มีแนวโน้มที่จะเข้าสู่การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกกว่าผู้ที่อยู่ในหมู่บ้านแบบดั้งเดิมสำรองชนบทผู้หญิงในหมู่บ้านที่ตั้งถิ่นฐานอยู่ที่ 20% มีโอกาสน้อยในการเข้าถึงการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกกว่าผู้ที่อยู่ในหมู่บ้านแบบดั้งเดิมสำรองชนบท ข้อสรุป: การเข้าถึงบริการตรวจคัดกรองอาจจะดีขึ้นผ่านการวางแผนและการดำเนินการของโปรแกรมการตรวจคัดกรองที่เกี่ยวข้องกับผู้นำชุมชนและข้อความที่เหมาะสมกับวัฒนธรรมรัฐบาลควรจะรวมมนุษย์ papillomavirus (HPV) วัคซีนในโปรแกรมการฉีดวัคซีนสำหรับเด็กวัยรุ่นและการศึกษาสุขภาพควรจะรุนแรงขึ้นเพื่อส่งเสริมให้ผู้หญิงและคู่ค้าของตนให้สอดคล้องกับสูตรการวินิจฉัยและการรักษา

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

จุดมุ่งหมาย: จุดมุ่งหมายของการศึกษานี้ได้ (1) การ ประเมินสัดส่วนของหญิงชนบทได้รับปากมดลูกตรวจ, (2) เพื่อประเมินความรู้ ความเชื่อ ทัศนคติ และลักษณะประชากรที่มีผลคัดกรองปากมดลูก และ (3) ทำนายถึงคัดกรองปากมดลูกตามปัจจัยทางประชากร ความรู้ ความเชื่อ และทัศนคติที่มีผลคัดกรองปากมดลูก วิธีการ: ตัวอย่างศึกษาประกอบด้วยหญิงโดยการสุ่มเลือก งานทางเพศ ชนบทระหว่าง 12 และ 84 ปีอายุ ห้าร้อยสิบสี่หญิงตอบแบบสอบถามการปกครองแต่ละ ผลลัพธ์: ของผู้เข้าร่วมที่ 514 ซอย 91% ได้เคยคัดกรองปากมดลูก และ 81% มีความรู้ก่อนหน้านี้ทดสอบคัดกรองปากมดลูก 80% ของกลุ่มที่แสดงความเชื่อบวกเกี่ยวกับทดสอบคัดกรองปากมดลูกหลังจากการแทรกแซงทางการศึกษา หญิงที่มีอิสระทางการเงิน 6.61% ยิ่งถึงคัดกรองปากมดลูกเทียบกับที่ขึ้นอยู่กับสามีได้ หญิงในหมู่บ้านทำเหมือง 4.47% ยิ่งถึงคัดกรองปากมดลูกมากกว่าผู้ที่อยู่ในแบบชนบทจองห้องพักที่หมู่บ้านได้ หญิงในหมู่บ้านที่ตั้งถิ่นฐานใหม่มีแนวโน้มน้อยลงถึงคัดกรองปากมดลูกมากกว่าผู้ที่อยู่ในแบบชนบทจองหมู่บ้าน 20% บทสรุป: การเข้าถึงบริการการคัดกรองสามารถมากผ่านการวางแผนและการใช้งานของโปรแกรมที่เกี่ยวข้องกับผู้นำชุมชนและวัฒนธรรมที่เหมาะสมข้อความการตรวจคัดกรอง รัฐบาลควรรวมวัคซีน papillomavirus มนุษย์ (HPV) ในโปรแกรมการรับวัคซีนสำหรับวัยรุ่น และศึกษาสุขภาพควร intensified เพื่อส่งเสริมให้สตรีและพันธมิตรตาม regimens ที่วินิจฉัยและรักษา

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

มีความมุ่งมั่นมีเป้าหมายของการศึกษานี้( 1 )เพื่อประเมินว่ามีสัดส่วนของผู้หญิงในชนบทได้รับคัดเลือกรักษา( 2 )เพื่อประเมินความรู้ความเชื่อและทัศนคติที่มีอิทธิพลต่อการตรวจคัดข้อมูลทั่วไปของปากมดลูกและ( 3 )เพื่อทำนายว่ารักษาความสามารถในการเข้าถึงการตรวจคัดโดยขึ้นอยู่กับปัจจัยทางด้านประชากรและความรู้ทัศนคติความเชื่อที่มีอิทธิพลต่อการตรวจคัดรักษา. วิธีทำตัวอย่างการศึกษาประกอบด้วยของหญิงในชนบทแบบสุ่มที่เลือกใช้งานทางเพศระหว่าง 12 และ 84 ปีของอายุ ห้าร้อยสิบสี่หญิงได้ตอบแบบสอบถามแบบล็อคเข้าระบบของผู้ดูแล ผลการค้นหาของสาย 514 ผู้เข้าร่วมประชุมได้ 91% ก็ไม่เคยมีการตรวจคัดปากมดลูกและ 81% ไม่มีความรู้ก่อนหน้าของการทดสอบการตรวจคัดกรองปากมดลูก80% ของกลุ่มที่แสดงออกถึงความเชื่อในเชิงบวกเกี่ยวกับการทดสอบการตรวจคัดกรองรักษาหลังจากการแทรกแซงการศึกษา เพศหญิงที่มีอิสระทางการเงินเป็นร้อยละ 6.61% มีแนวโน้มมากขึ้นที่จะรักษาการเชื่อมต่อการตรวจคัดเมื่อเทียบกับคนที่ถูกขึ้นอยู่กับสามีของตน ชาย - หญิงในหมู่บ้านการทำเหมืองแร่เป็น 4.47% มีแนวโน้มมากขึ้นที่จะรักษาการเชื่อมต่อตรวจคัดกรองมากกว่าผู้ที่อยู่ในหมู่บ้านในชนบทสำรองแบบดั้งเดิมเพศหญิงในหมู่บ้านจอดรถหรือโกดังรถได้น้อยกว่า 20% มีแนวโน้มที่จะรักษาการเชื่อมต่อตรวจคัดกรองมากกว่าผู้ที่อยู่ในหมู่บ้านในชนบทสำรองแบบดั้งเดิม บทสรุปความสามารถในการเข้าถึงบริการตรวจคัดกรองไม่สามารถที่จะปรับปรุงและการนำไปใช้งานผ่านการวางแผนของโปรแกรมคัดกรองเกี่ยวข้องกับข้อความและผู้นำชุมชนที่เหมาะสมทางวัฒนธรรม.รัฐบาลควรจะรวม papillomavirus ( ภายใ จ)วัคซีนในโปรแกรม immunization สำหรับวัยรุ่นและการศึกษา สุขภาพ จะต้องเข้มข้นขึ้นเพื่อส่งเสริมให้หญิงและคู่ค้าที่จะปฏิบัติตามด้วย regimens การวินิจฉัยและการรักษา