In chemistry, spectrophotometry is

In chemistry, spectrophotometry is the quantitative measurement of the reflection or transmission properties of a material as a function of wavelength.[1] It is more specific than the general term electromagnetic spectroscopy in that spectrophotometry deals with visible light, near-ultraviolet, and near-infrared, but does not cover time-resolved spectroscopic techniques.

Spectrophotometry uses photometers that can measure a light beam's intensity as a function of its color (wavelength) known as spectrophotometers. Important features of spectrophotometers are spectral bandwidth, (the range of colors it can transmit through the test sample), and the percentage of sample-transmission, and the logarithmic range of sample-absorption and sometimes a percentage of reflectance measurement.

A spectrophotometer is commonly used for the measurement of transmittance or reflectance of solutions, transparent or opaque solids, such as polished glass, or gases. However they can also be designed to measure the diffusivity on any of the listed light ranges that usually cover around 200 nm - 2500 nm using different controls and calibrations.[1] Within these ranges of light, calibrations are needed on the machine using standards that vary in type depending on the wavelength of the photometric determination.[2]

An example of an experiment in which spectrophotometry is used is the determination of the equilibrium constant of a solution. A certain chemical reaction within a solution may occur in a forward and reverse direction where reactants form products and products break down into reactants. At some point, this chemical reaction will reach a point of balance called an equilibrium point. In order to determine the respective concentrations of reactants and products at this point, the light transmittance of the solution can be tested using spectrophotometry. The amount of light that passes through the solution is indicative of the concentration of certain chemicals that do not allow light to pass through.

The use of spectrophotometers spans various scientific fields, such as physics, materials science, chemistry, biochemistry, and molecular biology.[3] They are widely used in many industries including semiconductors, laser and optical manufacturing, printing and forensic examination, as well in laboratories for the study of chemical substances. Ultimately, a spectrophotometer is able to determine, depending on the control or calibration, what substances are present in a target and exactly how much through calculations of observed wavelengths.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เคมี spectrophotometry เป็นการประเมินเชิงปริมาณของคุณสมบัติสะท้อนหรือส่งผ่านของวัสดุที่เป็นฟังก์ชันของความยาวคลื่น[1] ได้ระบุเฉพาะเจาะจงมากกว่ากไฟฟ้าทั่วไปที่ spectrophotometry กับแสงที่มองเห็น ใกล้อัลตราไวโอเลต และใกล้อินฟราเรด แต่ไม่ได้ครอบคลุมเวลาแก้ไขด้านเทคนิคSpectrophotometry ใช้ photometers ที่สามารถวัดความเข้มของแสงไฟเป็นฟังก์ชันของสี (ความยาวคลื่น) เป็น spectrophotometers คุณลักษณะที่สำคัญของ spectrophotometers แบนด์วิดท์สเปกตรัม (ช่วงของสีนั้นสามารถส่งผ่านตัวอย่างทดสอบ), และเปอร์เซ็นต์ของตัวอย่างส่ง ดูดซึมอย่างช่วงลอการิทึมและบางครั้งเปอร์เซ็นต์วัดแบบสะท้อนแสงโดยทั่วไปใช้เป็นเครื่องทดสอบกรดด่างวัด transmittance หรือแบบสะท้อนแสงโซลูชั่น โปร่งใส หรือทึบของแข็ง เช่นกระจกเงา หรือก๊าซ อย่างไรก็ตาม พวกเขาสามารถยังออกแบบให้วัด diffusivity บนใด ๆ ของช่วงแสงแสดงที่มักจะครอบคลุมประมาณ 200 nm - 2500 nm ใช้ควบคุมที่แตกต่างและเสริมด้วย[1] ในช่วงนี้ของแสง เสริมจำเป็นเครื่องใช้มาตรฐานที่แตกต่างกันในชนิดขึ้นอยู่กับความยาวคลื่นกำหนด photometric[2]ตัวอย่างของการทดลองที่ใช้ spectrophotometry กำหนดค่าคงที่สมดุลของโซลูชันได้ มีบางปฏิกิริยาเคมีภายในโซลูชันอาจเกิดขึ้นในทิศทางไปข้างหน้า และย้อนกลับที่ reactants รูปแบบผลิตภัณฑ์ และผลิตภัณฑ์แบ่งเป็น reactants ในบางจุด ปฏิกิริยาเคมีนี้จะถึงจุดสมดุลที่เรียกว่าจุดสมดุลการ เพื่อกำหนดความเข้มข้นตามลำดับ reactants และผลิตภัณฑ์ณจุดนี้ transmittance แสงของโซลูชั่นสามารถถูกทดสอบใช้ spectrophotometry จำนวนแสงที่ผ่านการแก้ปัญหาส่อความเข้มข้นของสารเคมีบางอย่างที่ยอมให้แสงผ่านได้ใช้ spectrophotometers ครอบคลุมหลายเขตทางวิทยาศาสตร์ ฟิสิกส์ วัสดุศาสตร์ เคมี ชีวเคมี และชีววิทยาโมเลกุล[3] จะใช้ในหลายอุตสาหกรรมเช่นอิเล็กทรอนิกส์ เลเซอร์ และผลิตแสง พิมพ์ และนิติเวชตรวจ ห้องปฏิบัติการเช่นในการศึกษาสารการ สุด เครื่องทดสอบกรดด่างจะสามารถตรวจสอบ การควบคุม หรือปรับเทียบ สารอะไรอยู่ในเป้าหมาย และตรงมากถึงคำนวณความยาวคลื่นที่สังเกต

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ในเคมี spectrophotometry เป็นวัดเชิงปริมาณของคุณสมบัติการสะท้อนหรือการส่งผ่านของวัสดุเป็นหน้าที่ของความยาวคลื่น. [1] มันเป็นเฉพาะเจาะจงมากขึ้นกว่าคำทั่วไปสเปกโทรสโกแม่เหล็กไฟฟ้าในการที่ข้อเสนอ spectrophotometry กับแสงที่มองเห็นใกล้รังสีอัลตราไวโอเลตและใกล้ -infrared แต่ไม่ครอบคลุมถึงการแก้ไขเวลาเทคนิคสเปกโทรสโก. Spectrophotometry ใช้โฟโตมิเตอร์ที่สามารถวัดความเข้มของแสงไฟเป็นหน้าที่ของสี (ความยาวคลื่น) ที่รู้จักกันเป็นสเปก คุณสมบัติที่สำคัญของสเปกมีแบนด์วิดธ์สเปกตรัม (ช่วงของสีที่จะสามารถส่งผ่านตัวอย่างทดสอบ) และร้อยละของตัวอย่างการส่งและช่วงลอการิทึมของการดูดซึมตัวอย่างและบางครั้งร้อยละของการวัดการสะท้อน. สเปกเป็นปกติ ที่ใช้สำหรับการวัดการส่งผ่านหรือสะท้อนของการแก้ปัญหาของแข็งโปร่งใสหรือทึบแสงเช่นกระจกขัดหรือก๊าซ แต่พวกเขายังสามารถออกแบบมาเพื่อวัดแพร่ใด ๆ ของช่วงแสงจดทะเบียนที่มักจะครอบคลุมประมาณ 200 นาโนเมตร -. 2500 นาโนเมตรโดยใช้การควบคุมที่แตกต่างกันและการสอบเทียบ [1] ในช่วงนี้ของแสงการสอบเทียบที่มีความจำเป็นในเครื่องโดยใช้มาตรฐานที่ แตกต่างกันไปในรูปแบบขึ้นอยู่กับความยาวคลื่นของแสงความมุ่งมั่น. [2] ตัวอย่างของการทดลองที่ spectrophotometry ถูกนำมาใช้เป็นความมุ่งมั่นของสมดุลอย่างต่อเนื่องของการแก้ปัญหา ปฏิกิริยาทางเคมีบางอย่างภายในการแก้ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในทิศทางไปข้างหน้าและย้อนกลับที่สารตั้งต้นผลิตภัณฑ์รูปแบบและผลิตภัณฑ์แบ่งออกเป็นสารตั้งต้น ในบางจุดที่เกิดปฏิกิริยาทางเคมีนี้จะถึงจุดของความสมดุลที่เรียกว่าจุดสมดุล เพื่อตรวจสอบความเข้มข้นตามลำดับของสารตั้งต้นและผลิตภัณฑ์ที่จุดนี้การส่งผ่านแสงของการแก้ปัญหาสามารถทดสอบได้โดยใช้ spectrophotometry ปริมาณของแสงที่ผ่านการแก้ปัญหาที่บ่งบอกถึงความเข้มข้นของสารเคมีบางอย่างที่ไม่อนุญาตให้แสงผ่าน. ใช้สเปกครอบคลุมสาขาวิทยาศาสตร์ต่างๆเช่นฟิสิกส์วัสดุศาสตร์, เคมี, ชีวเคมีและชีววิทยาโมเลกุล [3] พวกเขาจะใช้กันอย่างแพร่หลายในหลาย ๆ อุตสาหกรรมรวมทั้งเซมิคอนดักเตอร์เลเซอร์และการผลิตแสง, การพิมพ์และการตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์รวมทั้งในห้องปฏิบัติการสำหรับการศึกษาของสารเคมี ในที่สุดสเปกสามารถที่จะกำหนดขึ้นอยู่กับการควบคุมหรือการสอบเทียบสิ่งที่สารที่มีอยู่ในเป้าหมายและว่าเท่าไหร่ผ่านการคำนวณของความยาวคลื่นที่สังเกต

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ในเคมี วิธีคือการวัดปริมาณการสะท้อนแสงหรือสมบัติการส่งผ่านของวัสดุที่เป็นฟังก์ชันของความยาวคลื่น . [ 1 ] มันเป็นเฉพาะเจาะจงมากขึ้นกว่าเทอมทั่วไปแม่เหล็กไฟฟ้าสเปกโทรสโกปีในที่วิธีที่เกี่ยวข้องกับแสงใกล้อัลตราไวโอเลตและอินฟราเรดใกล้ แต่ไม่ครอบคลุม time-resolved

เทคนิคทางสเปกโทรสโกปีวิธีใช้เครื่องวัดความสว่างที่สามารถวัดความเข้มของแสงที่เป็นฟังก์ชันของสีของมัน ( ความยาวคลื่น ) เรียกว่า spectrophotometers . คุณสมบัติที่สำคัญของแบนด์วิดธ์ spectrophotometers สเปกตรัม ( ช่วงของสีที่สามารถส่งผ่านการทดสอบตัวอย่าง ) , และเปอร์เซ็นต์การส่งผ่านตัวอย่างและช่วงของการดูดซึมและลอการิทึมตัวอย่างบางครั้งเปอร์เซ็นต์ของการวัดค่า

มีความเป็นที่นิยมใช้ในการวัดแสง หรือ การสะท้อนแสงของสารละลาย ของแข็งโปร่งใสหรือทึบแสง เช่น ขัดแก้ว หรือก๊าซแต่พวกเขายังสามารถได้รับการออกแบบเพื่อวัดค่าสัมประสิทธิ์การแพร่ในช่วงแสดงแสงที่มักจะครอบคลุมประมาณ 200 nm - 2500 นาโนเมตรโดยใช้การควบคุมที่แตกต่างกันและสอบเทียบ . [ 1 ] ในช่วงเหล่านี้ของแสง , สอบเทียบเป็นเครื่องการใช้มาตรฐานที่แตกต่างกันในประเภทขึ้นอยู่กับความยาวคลื่นของปริมาณแสง [ 2

]ตัวอย่างของการทดลอง ซึ่งจะใช้เป็นวิธีในการหาสมดุลของสารละลาย บางปฏิกิริยาทางเคมีภายในโซลูชั่นที่อาจเกิดขึ้นในทิศทางที่ไปข้างหน้าและย้อนกลับจากสารตั้งต้นและผลิตภัณฑ์แบ่งเป็นก๊าซ ในบางจุด ซึ่งปฏิกิริยาทางเคมีจะถึงจุดสมดุล เรียกว่าเป็นจุดสมดุล .เพื่อศึกษาความเข้มข้นของแต่ละสารตั้งต้นและผลิตภัณฑ์ที่จุดนี้ , การส่งผ่านแสงของสารละลายสามารถทดสอบโดยใช้วิธี . ปริมาณแสงที่ผ่านโซลูชั่นที่บ่งบอกถึงความเข้มข้นของสารเคมีบางอย่างที่ไม่อนุญาตให้แสงผ่าน

ใช้ spectrophotometers ครอบคลุมเขตข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ต่าง ๆเช่นฟิสิกส์ , วัสดุศาสตร์ , เคมี , ชีวเคมีและอณูชีววิทยา [ 3 ] พวกเขาจะใช้กันอย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมต่างๆรวมถึงเซมิคอนดักเตอร์เลเซอร์แสงการผลิตและการพิมพ์และการตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์ รวมทั้งในห้องปฏิบัติการเพื่อการศึกษาการใช้สารเคมี สุด , Spectrophotometer สามารถกำหนดขึ้นอยู่กับการควบคุมหรือการสอบเทียบว่า สารที่มีอยู่ในเป้าหมายและตรงตามการคำนวณของเท่าใดพบ wavelengths