การกระจายอำนาจการปกครองท้องถิ่นของประเทศไทย1. หลักการจัดระเบียบการปกคร การแปล - การกระจายอำนาจการปกครองท้องถิ่นของประเทศไทย1. หลักการจัดระเบียบการปกคร ไทย วิธีการพูด

การกระจายอำนาจการปกครองท้องถิ่นของป

การกระจายอำนาจการปกครองท้องถิ่นของประเทศไทย

1. หลักการจัดระเบียบการปกครอง

หลักการพื้นฐานของการจัดระเบียบการปกครอง/บริหารราชการแผ่นดินของนานาประเทศ แบ่งได้เป็น

(1) การรวมอำนาจปกครอง ( Centralization ) เป็นการรวมอำนาจการตัดสินใจและการดำเนินการต่างๆไว้ที่ ราชการส่วนกลาง ได้แก่ คณะรัฐมนตรี กระทรวง ทบวง กรม และเจ้าหน้าที่ของรัฐที่สังกัดราชการส่วนกลาง ที่สามารถใช้อำนาจบริหารครอบคลุมทั่วประเทศ เป็นหลักที่ถือเอาสิทธิขาดในการปกครองเป็นที่ตั้ง

(2) การกระจายอำนาจ (Decentralization ) เป็นวิธีการที่รัฐ / ราชการส่วนกลาง โอนอำนาจการปกครอง หรือ บริหารบางส่วนบางเรื่อง ที่เกี่ยวกับการจัดบริการสาธารณะให้องค์กรหรือนิติบุคคลอื่นรับไปดำเนินการแทน ภายใน อาณาเขตของแต่ละท้องถิ่น ด้วยงบประมาณและเจ้าหน้าที่ของท้องถิ่น โดยมีอิสระพอสมควร ราชการส่วนกลางเพียงกำกับดูแล (มิใช่บังคับบัญชา) เป็นหลักที่ถือเอาเสรีภาพของประชาชนที่จะปกครองตนเองเป็นที่ตั้ง

(3) การแบ่งอำนาจ (Deconcentration ) เกิดจากข้อจำกัดของการรวมอำนาจในเรื่องของความล่าช้าและไม่ ทั่วถึงทุกท้องที่พร้อมๆกัน ราชการส่วนกลางจึงแบ่งมอบอำนาจการตัดสินใจทางการบริหารในบางเรื่องให้เจ้าหน้าที่ของราชการส่วนกลางที่ส่งไปประจำปฏิบัติหน้าที่ในภูมิภาค/ เขตการปกครองต่างๆ (Field office) สามารถปฏิบัติงานได้บรรลุ นโยบายและวัตถุประสงค์ของราชการส่วนกลาง



2. รูปแบบและความสัมพันธ์ของการจัดระเบียบการปกครอง

จากหลักการพื้นฐานข้างต้น ประเทศต่างๆทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทย ต่างก็จัดรูปแบบการปกครองบนหลักการ ดังกล่าวแต่จะแตกต่างกันไปตามประวัติการปกครอง / การจัดตั้ง / ความเป็นประเทศ โดยอาจแบ่งได้เป็น 3 ประเภท ใหญ่ ๆ ได้ดังนี้

(1) แบบที่ส่วนกลางมีอำนาจมาก หรือ เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า เป็นการปกครองโดยรัฐบาลกลาง / ส่วนกลาง ส่วนท้องถิ่นมีอำนาจหน้าที่ดำเนินงานตามที่ได้รับมอบหมายจากส่วนกลางในรูปของเงินอุดหนุนเฉพาะกิจให้ท้องถิ่นดำเนินการตามที่ส่วนกลางเห็นสมควรภายใต้การดูแลของส่วนกลางทั้งก่อนและหลังดำเนินการผ่านทางกระบวนการทางการเงิน อาทิ ญี่ปุ่น ไทย และอังกฤษ(ในยุคนายกรัฐมนตรี มากาเรต แทชเชอร์)

(2) แบบที่ท้องถิ่นมีอำนาจมาก เป็นรูปแบบที่พบในประเทศเกิดใหม่ที่ท้องถิ่นเกิดก่อนรัฐบาลกลาง อำนาจ รัฐบาลกลางคือ อำนาจที่ท้องถิ่นต่างๆมอบให้ ดังนั้น ท้องถิ่นจะรับผิดชอบจัดทำกิจกรรมสาธารณะต่างๆ ยกเว้น กิจกรรมระดับชาติ / ระดับประเทศ อาทิ สหรัฐอเมริกา สวีเดน แคนาดา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์

(3) แบบที่พยายามหาดุลยภาพระหว่างส่วนกลางและท้องถิ่น อาทิ ฝรั่งเศส มีการปรับปรุงรูปแบบความสัมพันธ์ ระหว่างส่วนกลาง - ท้องถิ่น เพื่อให้ท้องถิ่นมีความคล่องตัวมากขึ้น โดยปรับบทบาทในการควบคุมของ "ผู้ว่าฯ" ที่รัฐบาลแต่งตั้งที่เคยมีอำนาจมากให้ทำหน้าที่เป็นเพียง "ผู้ประสานงาน" และดูแลงบประมาณจากส่วนกลาง ขณะเดียวกันก็มีการจัดการดูแลในระดับ "มณฑล" (Region) โดยดูแลเฉพาะเรื่องการวางแผนพัฒนาในเขตพื้นที่นั้นๆเป็นสำคัญ



3. รูปแบบของหน่วยงานปกครองท้องถิ่น

แม้จะมีความหลากหลายในการจัดองค์กร / รูปแบบของหน่วยการปกครองท้องถิ่น แต่โดยทั่วไปอาจสรุปได้ว่า มีหน่วยการปกครองท้องถิ่น 3 รูปแบบ คือ

(1) หน่วยการปกครองท้องถิ่นประเภทมหานคร ได้แก่การบริหารมหานครต่างๆ อาทิ โตเกียว นิวยอร์ก ลอนดอน กทม. ฯลฯ

(2) หน่วยการปกครองท้องถิ่นของชุมชนที่เป็นเมือง อาทิ เทศบาล หรือ County

(3) หน่วยการปกครองท้องถิ่นของชุมชนขนาดเล็ก / ชุมชนชนบท อาทิ Villege ของสหรัฐอเมริกา หรือ อบต.ของ ไทย



4. การปกครองท้องถิ่นของไทย

ประเทศไทยได้ใช้หลักการจัดระเบียบการปกครองทั้ง 3 รูปแบบ ในที่นี้จะขอสรุปลักษณะการกระจายอำนาจให้การปกครองท้องถิ่นของไทย ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 มาจนถึงปัจจุบัน โดยแบ่งออกเป็น 3 ช่วง ดังนี้

ช่วงแรก ตั้งแต่การปฏิรูประบบราชการสมัย ร.5 จนถึงการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 ช่วงนี้รัฐยังรวมศูนย์อำนาจการปกครองไว้ที่ส่วนกลางเป็นส่วนใหญ่ การแบ่งอำนาจให้ภูมิภาค และกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นยังมีน้อย ในส่วนกลางมีการจัดตั้งกระทรวง ทบวง กรม ต่างๆ ส่วนภูมิภาคมีการจัดตั้งแขวง อำเภอ เมือง ส่วนท้องถิ่นมีการจัดตั้งสุขาภิบาลกรุงเทพฯ กับสุขาภิบาลหัวเมือง โดยได้ตรา พระราชบัญญัติจัดการสุขาภิบาลตามหัวเมือง ร.ศ. 127 ขึ้น รองรับการจัดตั้งสุขาภิบาลในพื้นที่ที่พร้อม ซึ่งมีการจัดตั้งน้อยมาก ไม่ได้ขยายไปทั่วราชอาณาจักร

ช่วงที่สอง ตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 จนถึง พ.ศ. 2540 เป็นช่วง 65 ปีที่มีวิวัฒนาการของการปกครองท้องถิ่น หรือการกระจายอำนาจมาก เริ่มจากการจัดตั้งเทศบาลในปี 2476 สภาจังหวัดในปี 2481 สุขาภิบาลในปี 2495 องค์การบริหารส่วนตำบลในปี2499 เป็นการเริ่มให้มีรูปแบบการปกครองท้องถิ่นในเขตเมืองก่อน แม้จะมีการเลือกตั้งสภาท้องถิ่น แต่ผู้บริหารของสุขาภิบาลและองค์การบริหารส่วนจังหวัดยังมาจากข้าราชการและ ผู้บริหาร อบต. มาจากกำนัน ไม่ใช่มาจากการเลือกตั้งของราษฎร การมีส่วนร่วมของประชาชนจึงไม่สามารถทำได้อย่างเต็มที่ นอกจากนั้นเริ่มมีการจัดการปกครองท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ เช่น กรุงเทพมหานครเมื่อปี 2518 เมืองพัทยาเมื่อปี 2521 ต่อมาก็ได้มีการปรับรูปแบบขององค์กร ปกครองท้องถิ่นให้เหมาะสมยิ่งขึ้น เช่น พ.ร.บ. กรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2528 พ.ร.บ.สภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. 2537

ช่วงที่สาม ปี 2540 - ปัจจุบัน เมื่อมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 จึงได้กำหนดเรื่องการกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นไว้ชัดเจนขึ้น โดยให้ท้องถิ่นมีอำนาจอิสระในการบริหารงานของตนเองมากขึ้น ผู้บริหารและสภาท้องถิ่นมาจากการเลือกตั้ง เพิ่มเติมหน้าที่เกี่ยวกับการทำนุบำรุง ศิลปวัฒนธรรม จารีตประเพณีท้องถิ่น และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดยมีกฎหมายรองรับให้มีเป้าหมายในการกระจายอำนาจที่ชัดเจน เช่น ให้ท้องถิ่นมี รายได้เป็น 20 % ของรายได้รัฐบาลภายในปี 2544 และ 35 % ภายในปี 2549 ดำเนินการถ่ายโอนภารกิจหน้าที่ที่มีความซ้ำซ้อนระหว่างส่วนกลาง ภูมิภาค กับท้องถิ่นให้แล้วเสร็จภายใน 4 ปี ทำให้ต้องมีการปรับปรุงกฎหมายของ ท้องถิ่นรูปแบบต่างๆ เพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ และจัดตั้งองค์กรรองรับเพื่อให้การกระจายอำนาจการปกครองแก่ท้องถิ่นเกิดขึ้นอย่างจริงจัง เป็นรูปธรรม ภายใต้กรอบเวลาและเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในร
0/5000
จาก: -
เป็น: -
ผลลัพธ์ (ไทย) 1: [สำเนา]
คัดลอก!
การกระจายอำนาจการปกครองท้องถิ่นของประเทศไทย1. หลักการจัดระเบียบการปกครองหลักการพื้นฐานของการจัดระเบียบการปกครอง/บริหารราชการแผ่นดินของนานาประเทศแบ่งได้เป็น(1) การรวมอำนาจปกครอง (ชอบรวมศูนย์) เป็นการรวมอำนาจการตัดสินใจและการดำเนินการต่างๆไว้ที่ราชการส่วนกลางได้แก่คณะรัฐมนตรีกระทรวงทบวงกรมและเจ้าหน้าที่ของรัฐที่สังกัดราชการส่วนกลางที่สามารถใช้อำนาจบริหารครอบคลุมทั่วประเทศเป็นหลักที่ถือเอาสิทธิขาดในการปกครองเป็นที่ตั้ง(2) การกระจายอำนาจ (กระจายอำนาจการแพร่กระจาย) เป็นวิธีการที่รัฐ / ราชการส่วนกลางโอนอำนาจการปกครองหรือบริหารบางส่วนบางเรื่องที่เกี่ยวกับการจัดบริการสาธารณะให้องค์กรหรือนิติบุคคลอื่นรับไปดำเนินการแทนภายในอาณาเขตของแต่ละท้องถิ่นด้วยงบประมาณและเจ้าหน้าที่ของท้องถิ่นโดยมีอิสระพอสมควรราชการส่วนกลางเพียงกำกับดูแล (มิใช่บังคับบัญชา) เป็นหลักที่ถือเอาเสรีภาพของประชาชนที่จะปกครองตนเองเป็นที่ตั้ง(3) การแบ่งอำนาจ (Deconcentration) เกิดจากข้อจำกัดของการรวมอำนาจในเรื่องของความล่าช้าและไม่ทั่วถึงทุกท้องที่พร้อมๆกันราชการส่วนกลางจึงแบ่งมอบอำนาจการตัดสินใจทางการบริหารในบางเรื่องให้เจ้าหน้าที่ของราชการส่วนกลางที่ส่งไปประจำปฏิบัติหน้าที่ในภูมิภาค / เขตการปกครองต่าง ๆ (สำนักงาน) สามารถปฏิบัติงานได้บรรลุนโยบายและวัตถุประสงค์ของราชการส่วนกลาง 2. รูปแบบและความสัมพันธ์ของการจัดระเบียบการปกครองจากหลักการพื้นฐานข้างต้นประเทศต่างๆทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทยต่างก็จัดรูปแบบการปกครองบนหลักการดังกล่าวแต่จะแตกต่างกันไปตามประวัติการปกครอง / การจัดตั้ง / ความเป็นประเทศโดยอาจแบ่งได้เป็น 3 ประเภทใหญ่ๆ ได้ดังนี้(1) แบบที่ส่วนกลางมีอำนาจมาก หรือ เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า เป็นการปกครองโดยรัฐบาลกลาง / ส่วนกลาง ส่วนท้องถิ่นมีอำนาจหน้าที่ดำเนินงานตามที่ได้รับมอบหมายจากส่วนกลางในรูปของเงินอุดหนุนเฉพาะกิจให้ท้องถิ่นดำเนินการตามที่ส่วนกลางเห็นสมควรภายใต้การดูแลของส่วนกลางทั้งก่อนและหลังดำเนินการผ่านทางกระบวนการทางการเงิน อาทิ ญี่ปุ่น ไทย และอังกฤษ(ในยุคนายกรัฐมนตรี มากาเรต แทชเชอร์)(2) แบบที่ท้องถิ่นมีอำนาจมากเป็นรูปแบบที่พบในประเทศเกิดใหม่ที่ท้องถิ่นเกิดก่อนรัฐบาลกลางอำนาจรัฐบาลกลางคืออำนาจที่ท้องถิ่นต่างๆมอบให้ดังนั้นท้องถิ่นจะรับผิดชอบจัดทำกิจกรรมสาธารณะต่าง ๆ ยกเว้นกิจกรรมระดับชาติ / ระดับประเทศอาทิสหรัฐอเมริกาสวีเดนแคนาดาออสเตรเลียนิวซีแลนด์(3) แบบที่พยายามหาดุลยภาพระหว่างส่วนกลางและท้องถิ่นอาทิฝรั่งเศสมีการปรับปรุงรูปแบบความสัมพันธ์ระหว่างส่วนกลาง - ท้องถิ่นเพื่อให้ท้องถิ่นมีความคล่องตัวมากขึ้นโดยปรับบทบาทในการควบคุมของ "ผู้ว่าฯ" ที่รัฐบาลแต่งตั้งที่เคยมีอำนาจมากให้ทำหน้าที่เป็นเพียง "ผู้ประสานงาน" และดูแลงบประมาณจากส่วนกลางขณะเดียวกันก็มีการจัดการดูแลในระดับ "มณฑล" (ภูมิภาค) โดยดูแลเฉพาะเรื่องการวางแผนพัฒนาในเขตพื้นที่นั้นๆเป็นสำคัญ 3. รูปแบบของหน่วยงานปกครองท้องถิ่นแม้จะมีความหลากหลายในการจัดองค์กร / รูปแบบของหน่วยการปกครองท้องถิ่นแต่โดยทั่วไปอาจสรุปได้ว่ามีหน่วยการปกครองท้องถิ่น 3 รูปแบบคือ(1) หน่วยการปกครองท้องถิ่นประเภทมหานครได้แก่การบริหารมหานครต่าง ๆ อาทิโตเกียวนิวยอร์กลอนดอนกทม ฯลฯ(2) หน่วยการปกครองท้องถิ่นของชุมชนที่เป็นเมืองอาทิเทศบาลหรือเขต(3) หน่วยการปกครองท้องถิ่นของชุมชนขนาดเล็ก / ชุมชนชนบทอาทิ Villege ของสหรัฐอเมริกาหรืออบต.ของไทย 4. การปกครองท้องถิ่นของไทยประเทศไทยได้ใช้หลักการจัดระเบียบการปกครองทั้ง 3 รูปแบบในที่นี้จะขอสรุปลักษณะการกระจายอำนาจให้การปกครองท้องถิ่นของไทยตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 มาจนถึงปัจจุบันโดยแบ่งออกเป็น 3 ช่วงดังนี้ช่วงแรกตั้งแต่การปฏิรูประบบราชการสมัย ร.5 จนถึงการเปลี่ยนแปลงการปกครองพ.ศ. 2475 ช่วงนี้รัฐยังรวมศูนย์อำนาจการปกครองไว้ที่ส่วนกลางเป็นส่วนใหญ่การแบ่งอำนาจให้ภูมิภาคและกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นยังมีน้อยในส่วนกลางมีการจัดตั้งกระทรวงทบวงกรมต่าง ๆ ส่วนภูมิภาคมีการจัดตั้งแขวงตำบลเมืองส่วนท้องถิ่นมีการจัดตั้งสุขาภิบาลกรุงเทพฯ กับสุขาภิบาลหัวเมืองโดยได้ตราพระราชบัญญัติจัดการสุขาภิบาลตามหัวเมืองร.ศ. 127 ขึ้นรองรับการจัดตั้งสุขาภิบาลในพื้นที่ที่พร้อมซึ่งมีการจัดตั้งน้อยมากไม่ได้ขยายไปทั่วราชอาณาจักรช่วงที่สองตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงการปกครองพ.ศ. 2475 จนถึงพ.ศ. 2540 เป็นช่วง 65 ปีที่มีวิวัฒนาการของการปกครองท้องถิ่นหรือการกระจายอำนาจมากเริ่มจากการจัดตั้งเทศบาลในปี 2476 สภาจังหวัดในปี 2481 สุขาภิบาลในปี 2495 องค์การบริหารส่วนตำบลในปี2499 เป็นการเริ่มให้มีรูปแบบการปกครองท้องถิ่นในเขตเมืองก่อนแม้จะมีการเลือกตั้งสภาท้องถิ่นแต่ผู้บริหารของสุขาภิบาลและองค์การบริหารส่วนจังหวัดยังมาจากข้าราชการและผู้บริหารอบต มาจากกำนันไม่ใช่มาจากการเลือกตั้งของราษฎรการมีส่วนร่วมของประชาชนจึงไม่สามารถทำได้อย่างเต็มที่นอกจากนั้นเริ่มมีการจัดการปกครองท้องถิ่นรูปแบบพิเศษเช่นกรุงเทพมหานครเมื่อปี 2518 เมืองพัทยาเมื่อปี 2521 ต่อมาก็ได้มีการปรับรูปแบบขององค์กรปกครองท้องถิ่นให้เหมาะสมยิ่งขึ้นเช่นพ.ร.บ. กรุงเทพมหานครพ.ศ. 2528 พ.ร.บ.สภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบลพ.ศ. ๒๕๓๗ช่วงที่สาม ปี 2540 - ปัจจุบัน เมื่อมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 จึงได้กำหนดเรื่องการกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นไว้ชัดเจนขึ้น โดยให้ท้องถิ่นมีอำนาจอิสระในการบริหารงานของตนเองมากขึ้น ผู้บริหารและสภาท้องถิ่นมาจากการเลือกตั้ง เพิ่มเติมหน้าที่เกี่ยวกับการทำนุบำรุง ศิลปวัฒนธรรม จารีตประเพณีท้องถิ่น และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดยมีกฎหมายรองรับให้มีเป้าหมายในการกระจายอำนาจที่ชัดเจน เช่น ให้ท้องถิ่นมี รายได้เป็น 20 % ของรายได้รัฐบาลภายในปี 2544 และ 35 % ภายในปี 2549 ดำเนินการถ่ายโอนภารกิจหน้าที่ที่มีความซ้ำซ้อนระหว่างส่วนกลาง ภูมิภาค กับท้องถิ่นให้แล้วเสร็จภายใน 4 ปี ทำให้ต้องมีการปรับปรุงกฎหมายของ ท้องถิ่นรูปแบบต่างๆ เพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ และจัดตั้งองค์กรรองรับเพื่อให้การกระจายอำนาจการปกครองแก่ท้องถิ่นเกิดขึ้นอย่างจริงจัง เป็นรูปธรรม ภายใต้กรอบเวลาและเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในร
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 2:[สำเนา]
คัดลอก!
แบ่งได้เป็น(1) การรวมอำนาจปกครอง (รวบอำนาจ) ราชการส่วนกลาง ได้แก่ คณะรัฐมนตรีกระทรวงทบวงกรม การกระจายอำนาจ (การกระจายอำนาจ) เป็นวิธีการที่รัฐ / ราชการส่วนกลางโอนอำนาจการปกครองหรือบริหารบางส่วนบางเรื่อง ภายในอาณาเขตของแต่ละท้องถิ่น โดยมีอิสระพอสมควรราชการส่วนกลางเพียงกำกับดูแล (มิใช่บังคับบัญชา) การแบ่งอำนาจ (Deconcentration) ทั่วถึงทุกท้องที่พร้อม ๆ กัน เขตการปกครองต่างๆ (สำนักงานภาคสนาม) สามารถปฏิบัติงานได้บรรลุ ประเทศต่างๆทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทยต่างก็จัดรูปแบบการปกครองบนหลักการ / การจัดตั้ง / ความเป็นประเทศโดยอาจแบ่งได้เป็น 3 ประเภทใหญ่ ๆ ได้ดังนี้(1) แบบที่ส่วนกลางมีอำนาจมากหรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าเป็นการปกครองโดยรัฐบาลกลาง / ส่วนกลาง อาทิญี่ปุ่นไทยและอังกฤษ (ในยุคนายกรัฐมนตรีมากาเรตแทชเชอร์) (2) แบบที่ท้องถิ่นมีอำนาจมาก อำนาจรัฐบาลกลางคืออำนาจที่ท้องถิ่นต่างๆมอบให้ดังนั้น ยกเว้นกิจกรรมระดับชาติ / ระดับประเทศอาทิสหรัฐอเมริกาสวีเดนแคนาดาออสเตรเลียนิวซีแลนด์(3) อาทิฝรั่งเศสมีการปรับปรุงรูปแบบความสัมพันธ์ระหว่างส่วนกลาง - ท้องถิ่น โดยปรับบทบาทในการควบคุมของ "ผู้ว่าฯ " "ผู้ประสานงาน" และดูแลงบประมาณจากส่วนกลาง "มณฑล" (ภูมิภาค) / รูปแบบของหน่วยการปกครองท้องถิ่น แต่โดยทั่วไปอาจสรุปได้ว่ามีหน่วยการปกครองท้องถิ่น 3 รูปแบบคือ(1) ได้แก่ การบริหารมหานครต่างๆอาทิโตเกียวนิวยอร์กลอนดอนกทม ฯลฯ(2) อาทิเทศบาลหรือเคาน์ตี้(3) / ชุมชนชนบทอาทิ Villege ของสหรัฐอเมริกาหรืออบต. ของไทย4 3 รูปแบบ ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 มาจนถึงปัจจุบันโดยแบ่งออกเป็น 3 ช่วงดังนี้ช่วงแรกตั้งแต่การปฏิรูประบบราชการสมัยร. 5 จนถึงการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 การแบ่งอำนาจให้ภูมิภาค ในส่วนกลางมีการจัดตั้งกระทรวงทบวงกรมต่างๆส่วนภูมิภาคมีการจัดตั้งแขวงอำเภอเมือง กับสุขาภิบาลหัวเมืองโดยได้ตรา ร.ศ. 127 ขึ้น ซึ่งมีการจัดตั้งน้อยมาก ตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 จนถึง พ.ศ. 2540 เป็นช่วง 65 หรือการกระจายอำนาจมากเริ่มจากการจัดตั้งเทศบาลในปี 2476 สภาจังหวัดในปี 2481 สุขาภิบาลในปี 2495 องค์การบริหารส่วนตำบลในปี 2499 แม้จะมีการเลือกตั้งสภาท้องถิ่น ผู้บริหารอบต มาจากกำนันไม่ใช่มาจากการเลือกตั้งของราษฎร เช่นกรุงเทพมหานครเมื่อปี 2518 เมืองพัทยาเมื่อปี 2521 ปกครองท้องถิ่นให้เหมาะสมยิ่งขึ้นเช่น พ.ร.บ. กรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2528 พ.ศ. 2537 ช่วงที่สามปี 2540 - ปัจจุบัน พ.ศ. 2540 ศิลปวัฒนธรรมจารีตประเพณีท้องถิ่นและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมมากขึ้น เช่นให้ท้องถิ่นมีรายได้เป็น 20% ของรายได้รัฐบาลภายในปี 2544 และ 35% ภายในปี 2549 ภูมิภาคกับท้องถิ่นให้แล้วเสร็จภายใน 4 ปีทำให้ต้องมีการปรับปรุงกฎหมายของท้องถิ่นรูปแบบต่างๆเพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ เป็นรูปธรรม













































การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 3:[สำเนา]
คัดลอก!
การกระจายอำนาจการปกครองท้องถิ่นของประเทศไทย

1 หลักการจัดระเบียบการปกครอง

หลักการพื้นฐานของการจัดระเบียบการปกครอง / บริหารราชการแผ่นดินของนานาประเทศแบ่งได้เป็น

( 1 ) การรวมอำนาจปกครอง ( รวมอำนาจ ) เป็นการรวมอำนาจการตัดสินใจและการดำเนินการต่างๆไว้ที่ราชการส่วนกลางได้แก่คณะรัฐมนตรีกระทรวงทบวงกรมและเจ้าหน้าที่ของรัฐที่สังกัดราชการส่วนกลางเป็นหลักที่ถือเอาสิทธิขาดในการปกครองเป็นที่ตั้ง

( 2 ) การกระจายอำนาจ ( กระจายอำนาจ ) เป็นวิธีการที่รัฐ / ราชการส่วนกลางโอนอำนาจการปกครองค็อคบริหารบางส่วนบางเรื่องที่เกี่ยวกับการจัดบริการสาธารณะให้องค์กรหรือนิติบุคคลอื่นรับไปดำเนินการแทนภายในด้วยงบประมาณและเจ้าหน้าที่ของท้องถิ่นโดยมีอิสระพอสมควรราชการส่วนกลางเพียงกำกับดูแล ( มิใช่บังคับบัญชา ) เป็นหลักที่ถือเอาเสรีภาพของประชาชนที่จะปกครองตนเองเป็นที่ตั้ง

( 3 ) การแบ่งอำนาจ ( deconcentration ) เกิดจากข้อจำกัดของการรวมอำนาจในเรื่องของความล่าช้าและไม่ทั่วถึงทุกท้องที่พร้อมๆกันเขตการปกครองต่างๆ ( สำนักงานเขต ) สามารถปฏิบัติงานได้บรรลุนโยบายและวัตถุประสงค์ของราชการส่วนกลาง



2 รูปแบบและความสัมพันธ์ของการจัดระเบียบการปกครอง

จากหลักการพื้นฐานข้างต้นประเทศต่างๆทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทยต่างก็จัดรูปแบบการปกครองบนหลักการดังกล่าวแต่จะแตกต่างกันไปตามประวัติการปกครอง / การจัดตั้ง / ความเป็นประเทศโดยอาจแบ่งได้เป็น 3 ประเภทใหญ่ไม่มี
( 1 ) แบบที่ส่วนกลางมีอำนาจมากค็อคเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าเป็นการปกครองโดยรัฐบาลกลาง / ส่วนกลางส่วนท้องถิ่นมีอำนาจหน้าที่ดำเนินงานตามที่ได้รับมอบหมายจากส่วนกลางในรูปของเงินอุดหนุนเฉพาะกิจให้ท้องถิ่นดำเนินการตามที่ส่วนกลางเห็นสมควรภายใต้การดูแลของส่วนกลางทั้งก่อนและหลังดำเนินการผ่านทางกระบวนการทางการเงินอาทิญี่ปุ่นไทยและอังกฤษ ( ในยุคนายกรัฐมนตรีมากาเรตแทชเชอร์ )

( 2 ) แบบที่ท้องถิ่นมีอำนาจมากเป็นรูปแบบที่พบในประเทศเกิดใหม่ที่ท้องถิ่นเกิดก่อนรัฐบาลกลางอำนาจรัฐบาลกลางคืออำนาจที่ท้องถิ่นต่างๆมอบให้ดังนั้นท้องถิ่นจะรับผิดชอบจัดทำกิจกรรมสาธารณะต่างๆยกเว้น/ ระดับประเทศอาทิสหรัฐอเมริกาสวีเดนแคนาดาออสเตรเลียนิวซีแลนด์

การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2024 I Love Translation. All reserved.

E-mail: