In 2008, by one estimate, the numbe

In 2008, by one estimate, the number of PCs in use around the world would top 1 billion.44 In
2007, worldwide PC shipments totaled 269 million units.45 The U.S. market and the Asia/Pacific
market (which excluded Japan) each accounted for about 26% of total shipments, Latin America for
9%, and Japan 5%. The largest regional market, EMEA (Europe, Middle East, and Africa), absorbed
34% of worldwide PC shipments.46 Annual PC unit growth had averaged roughly 15% from the mid-
1980s through 2000. After leveling off sharply early in the following decade, growth resumed at a
10% to 15% rate annual over the next several years. A rising share of that growth occurred in Asia
and in other emerging markets. In the United States, where an estimated 60% of households already
owned a PC, the PC market grew by only about 3% per year.47
Revenue growth, meanwhile, did not keep pace with volume growth—largely because of strong downward pricing pressure. By one estimate, the average selling price (ASP) for a PC declined from
$1,699 in 1999 to $1,034 in 2005, or by a compound annual rate of 8% per year.48 During that period, prices for key components (CPUs, memory, and hard disk drives) dropped even faster, by an average annual rate of 30%.49 PC pricing then leveled off somewhat, partly because consumer demand shifted toward powerful machines that could run media and gaming applications, and partly because demand shifted from desktop units to more-expensive notebook models. In 2007, the ASP for notebook PCs was about $1,000, while the desktop ASP ran at roughly $700.50 For PC vendors, the upshot of these pricing trends was persistently low profitability: The average profit margin on a PC in 2007 was less than 5%.51
PC Manufacturing
The PC was a relatively simple device. Using a screwdriver, a person with relatively little technological sophistication could assemble a PC from four widely available types of components: a microprocessor (the brains of the PC), a motherboard (the main circuit board), memory storage, and peripherals (the monitor, keyboard, mouse, and so on). Most manufacturers also bundled their PCs with an operating system. While the first PC was a desktop machine, by 2008 there was a wide range of forms, including laptops, notebooks, sub-notebooks, workstations (more powerful desktops), and servers (computers that acted as the backbone for PC networks).
In 2008, using off-the-shelf components, it cost roughly $400 to produce a mass-market desktop computer that would retail for $500. The largest cost element was the microprocessor, which ranged in price from $50 to more than $500 for the latest CPU. The other main components of a basic machine—motherboard, hard drive, memory, chassis, power, and packaging—together cost between
$120 and $250. A keyboard, mouse, modem, CD-ROM and floppy drives, and speakers totaled $50 to
$140; a basic monitor cost about $75; and Windows Vista and labor added about $70 and $30,
respectively, to the final cost. A PC maker could push its retail price down to $300 by using a less
powerful CPU, cutting back on hard drive capacity and memory, and offering lower-quality
peripherals. Alternatively, by tailoring a machine for computer gaming enthusiasts, a manufacturer
could build a PC whose sale price topped $3,000.52
As components became increasingly standardized, PC makers cut spending on research and development. In the early 1980s, the leading PC companies spent an average of 5% of sales on R&D. By the early 2000s, Dell Computer—then the industry leader—devoted less than 1% of its revenue to that purpose. Rather than invest heavily in R&D, companies such as Dell looked to innovations in manufacturing, distribution, and marketing to give them a competitive edge. Many firms, for example, turned to contract manufacturers to produce both components and entire PCs. At first, these contractors focused on handling simple manufacturing tasks at flexible, high-volume plants in low-cost locations. Over time, they moved into more complex areas, such as design and testing.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ในปี 2008 โดยหนึ่งในการประมาณการจำนวนของชิ้นในการใช้งานทั่วโลกจะด้านบน 1 billion.44
ในปี 2007 การจัดส่งพีซีทั่วโลกรวม 269,000,000 units.45 เรา การตลาดและเอเชีย / แปซิฟิก
ตลาด (ซึ่งไม่รวมญี่ปุ่น) แต่ละคิดเป็นประมาณ 26% ของการขนส่งทั้งหมดละตินอเมริกาเพื่อ
9% และญี่ปุ่น 5% ตลาดที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค EMEA (ยุโรปตะวันออกกลางและแอฟริกา), การดูดซึม
34% ของการเจริญเติบโตประจำปีของหน่วยคอมพิวเตอร์ทั่วโลก shipments.46 คอมพิวเตอร์ได้เฉลี่ยประมาณ 15% จากช่วงกลาง-
1980 ถึง 2000 โดย หลังจาก leveling ปิดอย่างรวดเร็วในช่วงต้นทศวรรษต่อไปนี้การเจริญเติบโตต่อไปในอัตราที่
10% ถึง 15% ต่อปีในช่วงหลายปีข้างหน้า ส่วนแบ่งที่เพิ่มขึ้นของการเจริญเติบโตที่เกิดขึ้นในเอเชีย
และในตลาดเกิดใหม่อื่น ๆ ในประเทศสหรัฐอเมริกาที่มีประมาณ 60% ของผู้ประกอบการอยู่แล้ว
เป็นเจ้าของเครื่องคอมพิวเตอร์ของตลาดคอมพิวเตอร์ขยายตัวเพียงประมาณ 3% ต่อ year.47
รายได้การเจริญเติบโตในขณะเดียวกันไม่ได้ให้ทันกับปริมาณการเติบโตส่วนใหญ่เนื่องจากความดันราคาลดลงที่แข็งแกร่ง โดยหนึ่งประมาณการราคาขายเฉลี่ย (ASP) ในพีซีลดลงจาก
$ 1,699 ในปี 1999 เพื่อ $ 1,034 ในปี 2005 หรือโดยอัตราประจำปีผสมจาก 8% ต่อ year.48 ในช่วงเวลานั้นราคาสำหรับองค์ประกอบหลัก (ซีพียู, หน่วยความจำ ,และฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์) ลดลงได้เร็วขึ้นโดยอัตราการประจำปีเฉลี่ย 30% ราคา 0.49 เครื่องคอมพิวเตอร์แล้วออกแนวบ้างส่วนหนึ่งเป็นเพราะความต้องการของผู้บริโภคเปลี่ยนไปยังเครื่องที่มีประสิทธิภาพที่สามารถใช้สื่อและการใช้งานเล่นเกมและส่วนหนึ่งเป็นเพราะความต้องการเปลี่ยนจากหน่วยเดสก์ทอป กับรุ่นโน๊ตบุ๊คมากขึ้นมีราคาแพง ในปี 2007 เพื่องูเห่าชิ้นโน๊ตบุ๊คประมาณ $ 1,000ในขณะที่สก์ท็อปงูเห่าวิ่งที่ประมาณ $ 700.50 สำหรับผู้ผลิตชิ้นผลที่สุดของแนวโน้มการกำหนดราคาเหล่านี้เป็นความพยายามในการทำกำไรต่ำอัตรากำไรเฉลี่ยในเครื่องคอมพิวเตอร์ในปี 2007 น้อยกว่า 5% .51

ผลิตคอมพิวเตอร์พีซีเป็นอุปกรณ์ที่ค่อนข้างง่าย . โดยใช้ไขควงคนที่มีความซับซ้อนทางเทคโนโลยีค่อนข้างน้อยสามารถรวบรวมคอมพิวเตอร์จากสี่ประเภทใช้ได้อย่างกว้างขวางขององค์ประกอบไมโครโปรเซสเซอร์ (สมองของเครื่องคอมพิวเตอร์) เมนบอร์ด (แผงวงจรหลัก), การจัดเก็บข้อมูลหน่วยความจำและอุปกรณ์ต่อพ่วง (ตรวจสอบแป้นพิมพ์เมาส์ , และอื่น ๆ ) ผู้ผลิตส่วนใหญ่ยังรวมชิ้นของพวกเขาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ ในขณะที่เครื่องคอมพิวเตอร์เป็นครั้งแรกที่เครื่องเดสก์ทอป2008 โดยมีความหลากหลายของรูปแบบรวมทั้งแล็ปท็อปโน๊ตบุ๊คโน๊ตบุ๊คย่อยเวิร์กสเตชัน (เดสก์ท็มีประสิทธิภาพมากขึ้น) และเซิร์ฟเวอร์ (คอมพิวเตอร์ที่ทำหน้าที่เป็นกระดูกสันหลังสำหรับเครือข่ายคอมพิวเตอร์).
ในปี 2008 โดยใช้ปิดชั้นวางของ ส่วนค่าใช้จ่ายประมาณ $ 400 ถึงผลิตคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะมวลตลาดที่จะค้าปลีกสำหรับ $ 500 องค์ประกอบค่าใช้จ่ายที่ใหญ่ที่สุดเป็นไมโครโปรเซสเซอร์ซึ่งอยู่ในช่วงราคาจาก $ 50 ถ​​ึงมากกว่า $ 500 ซีพียูล่าสุด องค์ประกอบหลักอื่น ๆ ของเครื่องเมนบอร์ดพื้นฐานฮาร์ดไดรฟ์หน่วยความจำตัวถังอำนาจและบรรจุภัณฑ์ที่ค่าใช้จ่ายร่วมกันระหว่าง
$ 120 $ 250 แป้นพิมพ์เมาส์, โมเด็ม, CD-ROM ​​และไดรฟ์ฟลอปปี้และลำโพงมีมูลค่ารวม 50
$ 140; การตรวจสอบขั้นพื้นฐานเสียค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับ $ 75; และของ Windows Vista และแรงงานเพิ่มขึ้นประมาณ $ 70 และ $ 30
ตามลำดับเพื่อค่าใช้จ่ายขั้นสุดท้าย ผู้ผลิตพีซีสามารถผลักดันราคาขายปลีกลง $ 300 โดยการใช้ที่มีประสิทธิภาพน้อย
ซีพียูตัดกลับมากับความจุของฮาร์ดไดรฟ์และหน่วยความจำและนำเสนอที่มีคุณภาพต่ำ
อุปกรณ์ต่อพ่วง หรือโดยการตัดเย็บเครื่องสำหรับผู้ชื่นชอบการเล่นเกมคอมพิวเตอร์ที่ผู้ผลิต
สามารถสร้างคอมพิวเตอร์ที่มีราคาขายราด $ 3,000.52
เป็นส่วนประกอบที่เป็นมาตรฐานมากขึ้น,ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ตัดค่าใช้จ่ายในการวิจัยและพัฒนา ในช่วงต้นปี 1980 บริษัท คอมพิวเตอร์ชั้นนำของการใช้จ่ายเฉลี่ย 5% ของยอดขายใน r &ง โดยช่วงต้นยุค 2000 เดลล์คอมพิวเตอร์แล้วอุตสาหกรรมผู้นำอุทิศน้อยกว่า 1% ของรายได้ที่จะวัตถุประสงค์ที่ มากกว่าการลงทุนอย่างมากใน r & D, บริษัท เช่นเดลล์มองไปนวัตกรรมในการผลิต, การกระจายและการตลาดเพื่อให้พวกเขามีการแข่งขัน หลาย บริษัท เช่นหันไปทำสัญญากับผู้ผลิตในการผลิตทั้งชิ้นส่วนและชิ้นทั้งหมด เป็นครั้งแรกที่ผู้รับเหมาเหล่านี้มุ่งเน้นไปที่การจัดการงานผลิตที่มีความยืดหยุ่นง่ายพืชปริมาณสูงในสถานที่ที่มีราคาต่ำ เมื่อเวลาผ่านไปพวกเขาย้ายเข้าไปในพื้นที่ที่ซับซ้อนมากขึ้นเช่นการออกแบบและการทดสอบ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ใน 2008 โดยประเมินหนึ่ง จำนวนชิ้นใช้ทั่วโลกจะอันดับ 1 billion.44 ใน
2007 จัดส่ง PC ทั่วโลกรวม 269 ล้าน units.45 ตลาดสหรัฐอเมริกาและเอเชีย/แปซิฟิก
ตลาด (ซึ่งไม่รวมญี่ปุ่น) แต่ละคิดเป็นประมาณ 26% ของรวมส่ง ละตินสำหรับ
9% และญี่ปุ่น 5% ดูดซึมเอมเมียวิลฮอว์กิ้นส์ (ยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา), ตลาดภูมิภาคที่ใหญ่ที่สุด
34% ของ PC ทั่วโลก shipments.46 PC ประจำปีเติบได้ averaged ประมาณ 15% จากกลาง-
ไฟต์ผ่าน 2000 หลังจากปรับระดับปิดในทศวรรษต่อไปนี้อย่างรวดเร็วช่วงต้น เติบโตดำเนินต่อที่เป็น
10% ถึง 15% อัตราประจำปีหลายปีถัดไป หุ้นเพิ่มขึ้นของการเติบโตที่เกิดขึ้นในเอเชีย
และ ในตลาดเกิดใหม่อื่น ๆ ในสหรัฐอเมริกา ที่ประมาณ 60% ของครัวเรือนแล้ว
เจ้าของพีซี ตลาดพีซีเพิ่มขึ้นเพียงประมาณ 3% ต่อการเติบโตของ year.47
Revenue ในขณะเดียวกัน ทำให้ไม่ทันกับปริมาณเติบโต — ส่วนใหญ่ เพราะแข็งแรงลงราคาดัน โดยประเมินหนึ่ง ขายเฉลี่ย (ASP) สำหรับพีซีที่ลดลงจาก
$1,699 ในปี 1999 เพื่อ $1,034 ในปี 2005 หรือ 8% ต่อ year.48 ประจำปีอัตราผสมช่วง ราคาสำหรับส่วนประกอบที่สำคัญ (Cpu หน่วยความจำ และฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์) กระตุกได้เร็ว โดยมีอัตราเฉลี่ยปี 30% ราคา PC .49 แล้วผ่านปิดค่อนข้าง เนื่อง จากความต้องการผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปยังเครื่องที่มีประสิทธิภาพที่สามารถเรียกใช้โปรแกรมประยุกต์เกมและสื่อ และเนื่อง จากความต้องจากหน่วยเดสก์ท็อปรุ่นโน้ตบุ๊คที่มีราคาแพงมาก ในปี 2007, ASP สำหรับพีซีโน้ตบุ๊กมีราคาประมาณ $1000 ในขณะที่เดสก์ท็อปที่ ASP วิ่งที่ประมาณ $700.50 PC สำหรับผู้จัดจำหน่าย ผลที่สุดของการกำหนดแนวโน้มต่ำสามารถทำกำไร: กำไรเฉลี่ยบนพีซีในปี 2550 ไม่น้อยกว่า 5%.51
PC ผลิต
PC มีอุปกรณ์ค่อนข้างง่าย ใช้ไขควง บุคคลที่ มีความซับซ้อนค่อนข้างน้อยเทคโนโลยีสามารถประกอบพีซีจากส่วนประกอบ 4 ชนิดแพร่: หน่วยประมวลผล (สมองของเครื่องคอมพิวเตอร์), เมนบอร์ด (วงจรกระดานหลัก), เก็บหน่วยความจำ และอุปกรณ์ต่อพ่วง (จอภาพ แป้นพิมพ์ เมาส์ และอื่น ๆ) ผู้ผลิตส่วนใหญ่ยังรวมของพีซีระบบปฏิบัติ ขณะที่ PC ครั้งแรกอยู่ในเครื่องเดสก์ทอป โดย 2008 มีหลากหลายรูปแบบ รวมทั้งแล็ปท็อป โน้ตบุ๊ค โน้ต บุ๊คย่อย เวิร์กสเตชัน (เดสก์ท็อปที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น), และเซิร์ฟเวอร์ (เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ได้ปฏิบัติเป็นหลักสำคัญสำหรับเครือข่าย PC) .
ใน 2008 ใช้ประกอบรูป มันค่าใช้จ่ายประมาณ $400 ผลิตคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อป mass-market ที่จะขายปลีกสำหรับ $500 องค์ประกอบต้นทุนที่ใหญ่ที่สุดมีหน่วยประมวลผล อยู่ในซึ่งช่วงในราคาจาก $50 ถึงกว่า $500 สำหรับ CPU รุ่นล่าสุด ส่วนหลักประกอบอื่น ๆ ของเครื่องจักรพื้นฐาน — เมนบอร์ด ฮาร์ดดิสก์ หน่วยความจำ แชสซี พลังงาน และบรรจุภัณฑ์ซึ่งต้นทุนร่วมกันระหว่าง
$120 และ $250 แป้นพิมพ์ เมาส์ โมเด็ม ซีดีรอม และไดรฟ์ฟลอปปี้ และลำโพงรวม $50 ไป
$140 ตรวจสอบพื้นฐานต้นทุน ประมาณ $75 และ Windows Vista และแรงงานที่เพิ่มเกี่ยวกับ $70 และ $30,
ตามลำดับ การต้นทุนสุดท้าย เครื่อง PC สามารถผลักดันราคาขายปลีกลงไป $300 โดยน้อย
มีประสิทธิภาพ CPU กลับตัดกับความจุของฮาร์ดดิสก์และหน่วยความจำ และบริการมีคุณภาพต่ำกว่า
อุปกรณ์ต่อพ่วงได้ โดยการปรับปรุงเครื่องจักรสำหรับผู้ชื่นชอบการเล่นเกมคอมพิวเตอร์ ผู้ผลิต หรือ
สามารถสร้างพีซีที่มีราคาขายราด $3, 000.52
เป็นส่วนประกอบมากขึ้นกลายเป็นมาตรฐาน ผู้ผลิตพีซีตัดค่าใช้จ่ายในการวิจัยและพัฒนา ในต้นทศวรรษ 1980 บริษัทคอมพิวเตอร์ชั้นนำใช้เวลาโดยเฉลี่ย 5% ของยอดขายใน R&D โดยช่วงต้น 2000s เดลล์คอมพิวเตอร์ — ผู้นำอุตสาหกรรมแล้ว — ทุ่มเทน้อยกว่า 1% ของรายได้ของ แทนที่ลงทุนมากใน R&D บริษัทเช่น Dell มองนวัตกรรมในการผลิต การกระจาย และการตลาดเพื่อให้การแข่งขัน หลายบริษัท เปิดตัว สัญญาผู้ผลิตในการผลิตส่วนประกอบและชิ้นทั้งหมด ตอนแรก ผู้รับเหมาเหล่านี้เน้นการจัดการงานผลิตง่ายที่ยืดหยุ่น ปริมาณพืชในสถานต้นทุนต่ำ ช่วงเวลา พวกเขาย้ายไปยังพื้นที่ที่ซับซ้อน การออกแบบและทดสอบ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ในปี 2008 โดยประมาณการจำนวนหนึ่งของพีซีที่ใช้ทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นเป็น 1 billion. 44
ซึ่งจะช่วยในการจัดส่ง 2007 เครื่องพีซีทั่วโลกมีจำนวน 269 ล้านบาท units. 45 ตลาดประเทศสหรัฐอเมริกาและเอเชีย/แปซิฟิก
ซึ่งจะช่วยตลาด(ซึ่งไม่นับรวมญี่ปุ่น)ที่แต่ละตัวคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 26% ของการส่งออกทั้งหมดละตินอเมริกาสำหรับ
9% และ 5% ญี่ปุ่น ตลาดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดใน ภูมิภาค EMEA (ยุโรป,ตะวันออกกลางและแอฟริกาใต้)ถูกดูดซึม
34% ของอัตราการขยายตัว 46 เครื่องพีซีประจำปีการจัดส่งเครื่องพีซีทั่วโลกได้เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 15% จากขนาดกลาง -
1980 s ผ่าน 2000 หลังจากการยกระดับปิดอย่างรวดเร็วในช่วงเช้าตรู่ทศวรรษต่อไปนี้:การขยายตัวกลับมาให้บริการต่อที่อัตราดอกเบี้ย
10% เป็น 15% ต่อปีในช่วงหลายปีถัดไปที่ ใช้ร่วมกันเพิ่มขึ้นจากการขยายตัวที่เกิดขึ้นใน ภูมิภาค เอเชีย
และในตลาดที่กำลังเติบโตอื่นๆ ในประเทศสหรัฐอเมริกาที่ 60% คาดว่าเป็นของครัวเรือนแล้ว
เป็นเจ้าของเครื่องพีซีที่ตลาดพีซีที่ขยายตัวเพียง 3% ต่อการขยายตัว 47
รายได้ปีที่แล้วในขณะเดียวกันก็ไม่ได้ทำให้ก้าวทันกับการขยายตัวระดับเสียง - เป็นเพราะการตั้งราคาลดลงความดันสูง โดยการประเมินราคาการจำหน่ายโดยเฉลี่ย( ASP )สำหรับพีซีที่ปรับตัวลดลงจาก
$ 1,699 ในปี 1999 เพื่อ$ 1,034 ในปี 2005 หรือโดยอัตราผสมที่ 8% ต่อฎ vPro technology ,เป็น 48 ในระหว่างช่วงเวลาที่ราคาสำหรับส่วนประกอบหลัก( CPU หน่วยความจำและฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟ)ลดลงได้เร็วขึ้นโดยอัตราเฉลี่ยปีละ 30% .49 การตั้งราคาเครื่องพีซีแล้วแฮร์รี่ค่อนข้างบางส่วนเป็นเพราะความต้องการของ ผู้บริโภค หันไปต่อเครื่องที่มี ประสิทธิภาพ สูงสามารถใช้งานแอพพลิเคชันสำหรับการเล่นเกมและสื่อและบางส่วนเป็นเพราะความต้องการย้ายจากชุดเดสก์ทอปโน้ตบุ๊คกับรุ่นมากขึ้นซึ่งมีราคาแพง ในปี 2007 . asp สำหรับคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กมีประมาณ$ 1 , 000ในขณะที่ ASP เดสก์ทอปได้วิ่งเข้ามาประมาณ$ 700.50 สำหรับผู้จำหน่ายเครื่องพีซีผลที่สุดของแนวโน้มการตั้งราคานี้เป็นยืนกรานความสามารถในการทำกำไรส่วนต่างกำไรโดยเฉลี่ยต่ำลงบนเครื่องพีซีที่ในปี 2007 มีจำนวนน้อยกว่า 5% เครื่องพีซีการผลิต

เครื่องพีซีที่ 51 เป็นอุปกรณ์ที่ค่อนข้างเรียบง่าย ใช้ไขควงหัวแฉกผู้ที่มีความงดงามทางด้านเทคโนโลยีเพียงเล็กน้อยไม่สามารถประกอบเครื่องพีซีที่จากสี่ ประเภท :จัดให้บริการอย่างกว้างขวางของส่วนประกอบไมโครโพรเซสเซอร์ที่(สมองของเครื่องพีซี)มาเธอร์บอร์ด(บอร์ดแผงวงจรหลัก)ที่จัดเก็บหน่วยความจำและอุปกรณ์ต่อพ่วง(จอมอนิเตอร์ที่คีย์บอร์ด,เมาส์และอื่นๆ) ผู้ผลิตส่วนมากยังมาพร้อมกับเครื่องพีซีของพวกเขาที่พร้อมด้วยระบบปฏิบัติการ ในขณะที่พีซีเครื่องแรกที่เป็นเครื่องเดสก์ทอปในปี 2008 มีความหลากหลายของรูปแบบรวมถึงแลปทอปโน้ตบุ๊กย่อย - โน้ตบุ๊ค,เวิร์คสเตชัน,(เดสก์ทอปมีพลังมากขึ้น)และเซิร์ฟเวอร์(คอมพิวเตอร์ที่ทำหน้าที่เป็นสื่อกลางสำหรับเครือข่ายพีซี). N ในปี 2008 โดยใช้ส่วนประกอบแบบสำเร็จรูปราคาประมาณ$ 400 ในการผลิตคอมพิวเตอร์เดสก์ทอปแบบตลาดที่จะค้าปลีกในราคา$ 500 ส่วนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดที่มีต้นทุนที่ไมโครโพรเซสเซอร์ซึ่งมีตั้งแต่ในราคาจาก 50 เป็นมากกว่า$ 500 สำหรับซีพียูรุ่นล่าสุด คอมโพเนนต์หลักอื่นๆที่เรียบง่ายของเครื่อง - มาเธอร์บอร์ดที่ฮาร์ดไดร์ฟ์,หน่วยความจำและโครงเครื่องบรรจุ ภัณฑ์ รวมทั้งค่าใช้จ่ายระหว่าง
$ 120 และ$ 250 ลำโพงและโมเด็มคีย์บอร์ด,เมาส์, CD - ROM และไดร์ฟฟลอปปี้ที่มีมูลค่า$ 50 ถึง
$ 140 จอมอนิเตอร์แบบเรียบง่ายประหยัดค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับ$ 75 และ Windows Vista และแรงงานเพิ่มประมาณ$ 70 และ$ 30
ตามลำดับในการประหยัดค่าใช้จ่ายที่ได้รับ เครื่องชงเครื่องพีซีที่ไม่สามารถกดราคาจำหน่ายปลีกลงมาถึง$ 300 โดยการใช้ CPU น้อย
ทรงพลังที่ตัดกลับมาที่หน่วยความจำและฮาร์ดดิสก์ความจุและจัดให้บริการอุปกรณ์ต่อพ่วง คุณภาพ ต่ำกว่า
มีทางเลือกสำหรับการปรับแต่งเครื่องสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการเล่นเกมคอมพิวเตอร์ผู้ผลิต
ไม่สามารถสร้างเครื่องพีซีที่มีราคาสูงกว่า$ 3,000.52
เป็นคอมโพเนนต์กลายเป็นมาตรฐานมากขึ้นเครื่องชงเครื่องพีซีลดการใช้จ่ายในการพัฒนาและวิจัย ในช่วงทศวรรษที่ 1980 s ช่วงต้นที่บริษัทพีซีซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำไปใช้โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 5% ของยอดขายใน r&d คอมพิวเตอร์ของ Dell 2000 S ช่วงต้นแล้วผู้นำในอุตสาหกรรมนี้ - อุทิศน้อยกว่า 1% ของรายได้ในการใช้งานตามวัตถุประสงค์ที่ มากกว่าลงทุนมากใน r&d บริษัทต่างๆเช่น Dell มองไปถึงนวัตกรรมใหม่ในการผลิตการจัดจำหน่ายและการตลาดเพื่อทำให้พวกเขาในการแข่งขันได้. บริษัทจำนวนมากสำหรับตัวอย่างเช่นหันไปทางผู้ผลิตตามสัญญาในการผลิตส่วนประกอบทั้งพีซีและทั้งหมด เป็นครั้งแรกที่ผู้รับเหมาเหล่านี้ให้ความสำคัญกับการจัดการกับงานการผลิตพันธุ์ไม้แบบเรียบง่ายในระดับสูงที่มีความยืดหยุ่นในตำแหน่งต่ำ ในช่วงเวลาที่พวกเขาถูกย้ายเข้าสู่พื้นที่มากความซับซ้อนเช่นการทดสอบและการออกแบบ