Waterfalls are commonly formed in t

Waterfalls are commonly formed in the upper course of the river.[1] At these times the channel is often narrow and deep. When the river courses over resistant bedrock, erosion happens slowly, while downstream the erosion occurs more rapidly.[1][2] As the watercourse increases its velocity at the edge of the waterfall, it plucks material from the riverbed. Whirlpools created in the turbulence as well as sand and stones carried by the watercourse increase the erosion capacity.[1] This causes the waterfall to carve deeper into the bed and to recede upstream. Often over time, the waterfall will recede back to form a canyon or gorge downstream as it recedes upstream, and it will carve deeper into the ridge above it.[3] The rate of retreat for a waterfall can be as high as one and half meters per year.[1]

Often, the rock stratum just below the more resistant shelf will be of a softer type, meaning that undercutting due to splashback will occur here to form a shallow cave-like formation known as a rock shelter under and behind the waterfall. Eventually, the outcropping, more resistant cap rock will collapse under pressure to add blocks of rock to the base of the waterfall. These blocks of rock are then broken down into smaller boulders by attrition as they collide with each other, and they also erode the base of the waterfall by abrasion, creating a deep plunge pool or gorge.

Streams become wider and shallower just above waterfalls due to flowing over the rock shelf, and there is usually a deep area just below the waterfall because of the kinetic energy of the water hitting the bottom. Waterfalls normally form in a rocky area due to erosion. After a long period of being fully formed, the water falling off the ledge will retreat, causing a horizontal pit parallel to the waterfall wall. Eventually, as the pit grows deeper, the waterfall collapses to be replaced by a steeply sloping stretch of river bed.[1] In addition to gradual processes such as erosion, earth movement caused by earthquakes or landslides or volcanoes can cause a differential in land heights which interfere with the natural course of a water flow, and result in waterfalls.

A river sometimes flows over a large step in the rocks that may have been formed by a fault line. Waterfalls can occur along the edge of a glacial trough, where a stream or river flowing into a glacier continues to flow into a valley after the glacier has receded or melted. The large waterfalls in Yosemite Valley are examples of this phenomenon, which is referred to as a hanging valley. Another reason hanging valleys may form is where two rivers join and one is flowing faster than the other.[1] Waterfalls can be grouped into ten broad classes based on the average volume of water present on the fall (which depends on both the waterfall's average flow and its height) using a logarithmic scale. Class 10 waterfalls include Niagara Falls, Paulo Afonso Falls and Khone Falls.

Classes of other well-known waterfalls include Victoria Falls and Kaieteur Falls (Class 9); Rhine Falls and Gullfoss (Class 8); Angel Falls and Dettifoss (Class 7); Yosemite Falls, Lower Yellowstone Falls and Umphang Thee Lor Sue Waterfall (Class 6); Sutherland Falls (Class 5)

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

น้ำตกมักเกิดขึ้นในหลักสูตรด้านบนของแม่น้ำ [1] ในเวลาดังกล่าว สถานีได้มักจะแคบ และลึก เมื่อหลักสูตรแม่น้ำผ่านหินทน กัดเซาะเกิดขึ้นช้า น้ำกัดเซาะที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว [1] [2] เป็น watercourse เพิ่มความเร็วที่ขอบของน้ำตก plucks วัสดุจากก้น Whirlpools ที่สร้างความวุ่นวายรวมทั้งทรายและหินที่ดำเนินการ โดย watercourse เพิ่มกำลังพังทลาย [1] ซึ่งทำให้เกิดน้ำตกที่แกะสลักลึกเป็นนอน และร่นต้นน้ำ บ่อยช่วงเวลา น้ำตกจะน้ำกลับไปยังแบบฟอร์มเป็นแคนยอน หรือโดดน้ำมันถอยห่างไปต้นน้ำ และมันจะแกะสลักลึกเป็นสันเขาดังกล่าวข้างต้น [3] อัตราสำหรับน้ำตกได้สูงที่หนึ่ง และครึ่งเมตรต่อปี [1]มักจะ stratum หินด้านล่างชั้นทนมากขึ้นจะมีชนิดนุ่ม หมายความ ว่า undercutting เนื่องจาก splashback จะเกิดขึ้นที่นี่เพื่อก่อตัวเหมือนถ้ำตื้นเป็นพักอาศัยร็อคใต้ และด้าน หลังน้ำตก ในที่สุด หินหมวก outcropping ทนมากขึ้นจะยุบภายใต้ความดันจะเพิ่มบล็อกของหินฐานของน้ำตก บล็อกของหินเหล่านี้อยู่แล้วแบ่งออกเป็นหินขนาดเล็ก โดย attrition จะชนกันกับแต่ละอื่น ๆ และก็กัดกร่อนยังฐานของน้ำตก โดยขัดถู สร้างสระว่ายน้ำลึกหรือโดดกลายเป็นกระแสข้อมูลกว้าง และเด็กเล็ก ๆ สามารถเหนือน้ำตกเนื่องจากไหลผ่านชั้นหิน และมีมักจะตั้งลึกใต้น้ำตกเนื่องจากพลังงานจลน์ของน้ำที่กดปุ่มด้านล่าง น้ำตกแบบฟอร์มปกติในพื้นที่เนื่องจากการพังทลายของหิน หลังจากระยะเวลาที่ยาวนานของการเต็มรูปแบบ น้ำตกหิ้งจะถอย หลุมแนวนอนขนานกับผนังน้ำตกที่ทำให้เกิดการ ในที่สุด เป็นหลุมลึกขึ้น น้ำตกยุบถูกแทนที่ โดยการยืดอย่างสูงลาดเตียงแม่ [1] ในนอกสมดุลกระบวนการเช่นการกัดเซาะ เคลื่อนย้ายดินที่เกิดจากแผ่นดินไหว หรือแผ่นดินถล่ม หรือภูเขาสามารถทำให้ความแตกต่างกันในไฮท์แลนด์ซึ่งรบกวนหลักสูตรธรรมชาติของกระแสน้ำ และผลลัพธ์ในน้ำตกบางครั้งแม่น้ำไหลผ่านขั้นตอนขนาดใหญ่ในหินที่อาจมีการเกิดขึ้น โดยบรรทัดข้อบกพร่อง น้ำตกอาจเกิดขึ้นตามแนวขอบของรางน้ำแข็ง ที่ลำธารหรือแม่น้ำที่ไหลลงสู่แม่น้ำยังไหลเข้าไปในหุบเขาหลังจากธารน้ำแข็ง receded หรือหลอม น้ำตกขนาดใหญ่ในหุบเขาโยเซมิตีเป็นตัวอย่างของปรากฏการณ์นี้ ซึ่งจะเรียกว่าหุบเขาแขวน อีกเหตุผลหนึ่งอาจเป็นหุบเขาแขวนเป็นที่รวมของแม่น้ำสอง และหนึ่งไหลเร็วกว่าอื่น ๆ [1] น้ำตกสามารถจัดกลุ่มเป็น 10 ชั้นกว้างตามปริมาณเฉลี่ยของน้ำที่อยู่ในฤดูใบไม้ร่วง (ซึ่งขึ้นอยู่กับกระแสเฉลี่ยของน้ำตกและความสูง) โดยใช้มาตราส่วนลอการิทึมได้ น้ำตกชั้นที่ 10 รวมไน เปา Afonso น้ำตก และ น้ำตกโขนชั้นของน้ำตกอื่น ๆ รู้จักได้แก่น้ำตกวิกตอเรียและตก Kaieteur (ชั้น 9); น้ำตกไรน์และ Gullfoss (ชั้น 8); น้ำตกเอนเจลและ Dettifoss (ชั้น 7); น้ำตกโยเซมิตี ลดตกเยลโลว์สโตนและอุ้มผางน้ำตกซูหล่อน้ำตก (ชั้น 6); ซุทเธอร์แลนด์ฟอลส์ (ชั้น 5)

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

น้ำตกที่เกิดขึ้นทั่วไปในหลักสูตรบนของแม่น้ำ. [1] ช่วงเวลาเหล่านี้ช่องทางที่มักจะแคบและลึก เมื่อหลักสูตรแม่น้ำมากกว่าข้อเท็จจริงที่ทนต่อการกัดเซาะที่เกิดขึ้นอย่างช้าๆในขณะที่ล่องกัดเซาะเกิดขึ้นมากขึ้นอย่างรวดเร็ว. [1] [2] ในฐานะที่เป็นสายน้ำเพิ่มความเร็วที่ขอบของน้ำตกก็กระตุกวัสดุจากแม่น้ำ อ่างน้ำวนสร้างขึ้นในความวุ่นวายเช่นเดียวกับทรายและหินที่ดำเนินการโดยสายธารเพิ่มขีดความสามารถการกัดเซาะ. [1] นี้ทำให้เกิดน้ำตกที่จะแกะสลักลึกลงไปในเตียงและลดลงต้นน้ำ บ่อยครั้งที่เมื่อเวลาผ่านไปน้ำตกจะลดกลับมาในรูปแบบแคนยอนหรือกินต่อเนื่องขณะที่มันจมต้นน้ำและมันจะแกะสลักลึกเข้าไปในแนวข้างต้นนั้น. [3] อัตราการถอยสำหรับน้ำตกสามารถจะสูงถึงและครึ่งหนึ่ง เมตรต่อปี. [1] บ่อยครั้งที่ชั้นหินด้านล่างชั้นทนจะเป็นชนิดนุ่มหมายความว่า undercutting เนื่องจากการ splashback จะเกิดขึ้นที่นี่ในรูปแบบตื้นก่อเหมือนถ้ำที่รู้จักกันเป็นเพิงผาหินใต้และด้านหลัง น้ำตก ในที่สุดชะง่อนหินหมวกทนจะยุบภายใต้ความกดดันที่จะเพิ่มบล็อกของหินที่ฐานของน้ำตก บล็อกเหล่านี้ของหินแล้วแบ่งออกเป็นก้อนหินที่มีขนาดเล็กโดยการขัดสีเช่นที่พวกเขาชนกันและพวกเขายังกัดเซาะฐานของน้ำตกโดยการขัดถู, การสร้างสระว่ายน้ำลึกหรือกิน. กระแสกลายเป็นที่กว้างขึ้นและตื้นขึ้นเหนือน้ำตกที่เกิดจากการ ไหลผ่านชั้นหินและมักจะมีพื้นที่ลึกเพียงด้านล่างน้ำตกเพราะพลังงานจลน์ของน้ำกดปุ่มด้านล่าง น้ำตกปกติรูปแบบในพื้นที่ที่หินเนื่องจากการกัดเซาะ หลังจากระยะเวลาที่ยาวนานของการถูกเกิดขึ้นอย่างเต็มที่น้ำที่ตกลงมาจากหิ้งจะหนีก่อให้เกิดหลุมแนวนอนขนานไปกับผนังน้ำตก ในที่สุดเป็นหลุมเติบโตลึกน้ำตกพังทลายลงมาจะถูกแทนที่ด้วยการยืดลาดชันของแม่น้ำเตียง. [1] นอกจากกระบวนการค่อยเป็นค่อยไปเช่นการพังทลายของการเคลื่อนไหวของโลกที่เกิดจากแผ่นดินไหวหรือดินถล่มหรือภูเขาไฟที่สามารถก่อให้เกิดความแตกต่างในที่ดิน ความสูงที่ยุ่งเกี่ยวกับธรรมชาติของการไหลของน้ำและส่งผลให้เกิดน้ำตก. แม่น้ำบางครั้งไหลผ่านขั้นตอนที่มีขนาดใหญ่ในหินที่อาจได้รับการจัดตั้งขึ้นตามสายความผิด น้ำตกสามารถเกิดขึ้นได้ตามขอบของรางน้ำแข็งที่ลำธารหรือแม่น้ำไหลลงสู่ธารน้ำแข็งยังคงไหลเข้ามาในหุบเขาหลังจากธารน้ำแข็งได้ลดหรือละลาย น้ำตกที่มีขนาดใหญ่ในหุบเขาโยเซมิตีเป็นตัวอย่างของปรากฏการณ์นี้ซึ่งจะเรียกว่าเป็นหุบเขาที่แขวนอยู่ เหตุผลหุบเขาที่แขวนอยู่อาจเป็นอีกอย่างหนึ่งคือที่แม่น้ำสองสายที่เข้าร่วมและเป็นหนึ่งไหลได้เร็วขึ้นกว่าที่อื่น ๆ . [1] น้ำตกสามารถแบ่งออกเป็นสิบชั้นเรียนในวงกว้างขึ้นอยู่กับปริมาณเฉลี่ยในปัจจุบันน้ำในฤดูใบไม้ร่วง (ซึ่งขึ้นอยู่กับค่าเฉลี่ยของทั้งน้ำตกที่ การไหลและความสูงของมัน) โดยใช้มาตราส่วนลอการิทึม รุ่นที่ 10 รวมถึงน้ำตกไนแอการาฟอลส์เปาโล Afonso ฟอลส์และน้ำตกคอนพะเพ็ง. ชั้นเรียนของน้ำตกที่รู้จักกันดีอื่น ๆ รวมถึงน้ำตกวิกตอเรียและ Kaieteur Falls (รุ่นที่ 9); น้ำตก Rhine และ Gullfoss (ชั้น 8); แองเจิลฟอลส์และ Dettifoss (ชั้น 7); โยเซมิตีฟอลโลว์ฟอลส์เยลโลว์สโตนและอุ้มผางน้ำตกทีลอซูน้ำตก (รุ่นที่ 6); ซัทฟอลส์ (ชั้น 5)

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

น้ำตกที่มักเกิดขึ้นในหลักสูตรส่วนบนของแม่น้ำ [ 1 ] ในช่วงเวลาเหล่านี้ช่องมักจะแคบและลึก เมื่อแม่น้ำหลักสูตรมากกว่าการป้องกันการกัดเซาะเกิดขึ้นอย่างช้าๆ ในขณะที่เกิดการกัดเซาะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว [ 1 ] [ 2 ] เป็นทางน้ำไหลเพิ่มความเร็วที่ขอบของน้ำตก plucks วัสดุจากแม่น้ำ .วังวนสร้างความวุ่นวาย รวมทั้งทรายและหินถูกกัดเซาะทางน้ำเพิ่มความจุ [ 1 ] ซึ่งทำให้เกิดน้ำตกแกะสลักลึกเข้าไปในเตียงและลดน้ำ มักจะตลอดเวลา น้ำตกจะลดลงกลับสู่ฟอร์ม แคนยอน หรือ จอร์จตามน้ำมัน recedes ขึ้นและจะกรีดลึกเข้าไปในแนวเหนือ[ 3 ] อัตรา รีทรีทสำหรับน้ำตกสามารถสูงเป็นหนึ่งและครึ่งเมตรต่อปี [ 1 ]

มักจะหินชั้นด้านล่างชั้นทนมากขึ้นจะเป็นชนิดนุ่ม หมายความว่าตัดราคาเนื่องจาก splashback จะเกิดขึ้นที่นี่เพื่อรูปแบบถ้ำตื้น เช่น การพัฒนาที่รู้จักกันเป็น หลบอยู่ใต้หิน หลังน้ำตก ในที่สุด outcropping ,หมวกหินทนต่อจะยุบภายใต้ความดันเพื่อเพิ่มบล็อกของหินฐานของน้ำตก บล็อกของหินเหล่านี้จะแบ่งออกเป็นหินขนาดเล็กโดยการเป็นพวกเขาชนกันกับแต่ละอื่น ๆและพวกเขายังกร่อนฐานของน้ำตกโดยการขัดถู , การสร้างสระลึกสระว่ายน้ำ

หรือช่องเขาลำธารกลายเป็นมากขึ้นและตื้นขึ้นเหนือน้ำตก เนื่องจากไหลผ่านชั้นหิน และมักจะมีพื้นที่ลึกด้านล่างน้ำตกเนื่องจากพลังงานจลน์ของน้ำการกดปุ่มด้านล่าง น้ำตกปกติแบบฟอร์มในพื้นที่หินเนื่องจากการกัดเซาะ หลังจากช่วงเวลาที่ยาวนานของการเกิดขึ้นอย่างเต็มที่ น้ำตกผาจะล่าถอยก่อให้เกิดหลุมแนวนอนขนานไปกับน้ำตกผนัง ในที่สุด เช่นหลุมปลูกลึก น้ำตกถล่มถูกแทนที่ด้วยสูงชันลาดเตียงยืดของแม่น้ำ [ 1 ] นอกจากนี้กระบวนการทีละน้อย เช่น การชะล้างพังทลายของดินที่เกิดจากแผ่นดินไหว หรือดินถล่ม หรือการเคลื่อนไหวของภูเขาไฟที่สามารถทำให้เกิดความแตกต่างในความสูงของที่ดินซึ่งรบกวนกับหลักสูตรธรรมชาติของการไหลของน้ำและผลในน้ำตก . . .

บางครั้งไหลผ่านแม่น้ำขนาดใหญ่เหยียบหิน ที่อาจเกิดขึ้นโดยผิดบรรทัด น้ำตกสามารถเกิดขึ้นตามแนวขอบของ trough glacial ที่ลำธารหรือแม่น้ำที่ไหลเป็นธารยังคงไหลเข้าไปในหุบเขาหลังธารน้ำแข็งที่มี receded หรือละลาย น้ำตกขนาดใหญ่ใน Yosemite Valley เป็นตัวอย่างของปรากฏการณ์นี้ซึ่งจะเรียกว่าเป็นหุบเขาแขวน . อีกเหตุผลที่แขวน หุบเขาอาจฟอร์มที่แม่น้ำสองสายไหลรวม และเร็วกว่าอื่น ๆ [ 1 ] น้ำตกสามารถจัดกลุ่ม 10 กว้างชั้นเรียนตามปริมาณเฉลี่ยของน้ำที่มีอยู่ในฤดูใบไม้ร่วง ( ซึ่งขึ้นอยู่กับการไหลของน้ำตก และความสูงเฉลี่ยของ ) โดยใช้มาตราส่วนลอการิทึม ชั้น 10 น้ำตก ได้แก่ น้ำตกไนแองการ่าเปาโล โซ อยู่โคนตก

เรียนอื่น ๆที่รู้จักกันดีได้แก่น้ำตกวิกตอเรียน้ำตก และ kaieteur ตก ( ชั้น 9 ) ; ไรน์ฟอล และกูลล์ฟอส ( ชั้น 8 ) ; เทวดาตกและ dettifoss ( ชั้น 7 ) ; Yosemite Falls , ลดเยลโลว์สโตนตกและน้ำตกทีลอซู ( ชั้น 6 ) ; Sutherland Falls ( คลาส 5 )