In relation to the issue of permiss

In relation to the issue of permission and trust the findings from this study are largely consistent with findings from earlier studies. For example, respondents were highly suspicious of how companies handle their personal information and worry about trusting a company with their personal data in case it is passed on to third parties. Research by Yousafzai, Pallister, & Foxall (2003) and Jaya wardhena (2009) provides evidence to suggest that a lack of institutional trust is a key barrier to consumers giving their personal information to companies. Furthermore, some studies have shown that perceived trust in mobile marketing also influences perceived control. For example, Blomq vist et al. (2005) emphasised that con-sumer control over the frequency and type of message was a key factor in increasing feelings of trust and loyalty towards a brand.Respondents in this study also appreciated control over the textmessages that they received.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เกี่ยวกับเรื่องสิทธิและความน่าเชื่อถือ ที่พบจากการศึกษาเป็นส่วนใหญ่สอดคล้องกับผลการวิจัยจากการศึกษาก่อนหน้านี้ ตัวอย่าง ผู้ตอบถูกสงสัยอย่างมากของวิธีการที่บริษัทจัดการข้อมูลส่วนบุคคล และกังวลโดยบริษัทที่ มีข้อมูลส่วนบุคคลในกรณีที่เรื่องที่ผ่านไปยังบุคคลที่สาม วิจัย โดยยูซาฟไซ Pallister และ Foxall (2003) และจา wardhena (2009) แสดงหลักฐานแนะนำว่า การขาดความน่าเชื่อถือสถาบันเป็นอุปสรรคสำคัญของผู้บริโภคให้ข้อมูลส่วนบุคคลกับบริษัท นอกจากนี้ บางการศึกษาได้แสดงว่า บริษัทรับรู้ในตลาดโทรศัพท์มือถือยังมีผลต่อควบคุมการรับรู้ ตัวอย่าง Blomq ดู et al. (2005) emphasised ที่กงสุควบคุมความถี่ และชนิดของข่าวสารเป็นปัจจัยสำคัญในการเพิ่มความรู้สึกไว้วางใจและความภักดีต่อแบรนด์ตอบในการศึกษานี้ยังนิยมควบคุม textmessages ที่ได้รับ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ในความสัมพันธ์กับปัญหาของการได้รับอนุญาตและความไว้วางใจการค้นพบจากการศึกษานี้ส่วนใหญ่จะสอดคล้องกับผลการวิจัยจากการศึกษาก่อนหน้านี้ ตัวอย่างเช่นผู้ตอบแบบสอบถามที่น่าสงสัยอย่างมากของวิธีการที่ บริษัท จัดการข้อมูลส่วนบุคคลของพวกเขาและกังวลเกี่ยวกับการไว้วางใจ บริษัท ที่มีข้อมูลส่วนบุคคลของพวกเขาในกรณีที่มีการส่งต่อไปยังบุคคลที่สาม การวิจัยโดย Yousafzai, Pallister และ Foxall (2003) และ Jaya wardhena (2009) มีหลักฐานที่จะชี้ให้เห็นว่าขาดความไว้วางใจสถาบันเป็นอุปสรรคที่สำคัญให้กับผู้บริโภคให้ข้อมูลส่วนบุคคลของพวกเขาให้กับ บริษัท นอกจากนี้บางการศึกษาแสดงให้เห็นว่าการรับรู้ความไว้วางใจในการทำตลาดมือถือยังมีอิทธิพลต่อการควบคุมการรับรู้ ตัวอย่างเช่น Blomq vist และคณะ (2005) เน้นย้ำว่าการควบคุมนักโทษ-บริโภคในช่วงความถี่และประเภทของข้อความเป็นปัจจัยสำคัญในการเพิ่มความรู้สึกของความไว้วางใจและความจงรักภักดีที่มีต่อ brand.Respondents ในการศึกษานี้ยังชื่นชมการควบคุม textmessages ที่พวกเขาได้รับ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ในความสัมพันธ์กับปัญหาการขออนุญาตและความไว้วางใจจากการศึกษานี้สอดคล้องกับผลการศึกษาก่อนหน้านี้ที่ส่วนใหญ่ . ตัวอย่างเช่น ผู้ตอบแบบสอบถามมีสงสัยว่า บริษัท จัดการกับข้อมูลส่วนบุคคลของพวกเขาและกังวลเกี่ยวกับการไว้วางใจ บริษัท ที่มีข้อมูลส่วนบุคคลของพวกเขาในกรณีที่ถูกส่งผ่านไปยังบุคคลที่สาม การวิจัยโดย yousafzai พอลลิสเตอร์ , ,& foxall ( 2003 ) และ จายา wardhena ( 2009 ) มีหลักฐานเพื่อแสดงให้เห็นว่าขาดความไว้วางใจสถาบันคืออุปสรรคสำคัญต่อผู้บริโภคให้ข้อมูลส่วนบุคคลของพวกเขาให้กับ บริษัท . นอกจากนี้บางการศึกษาแสดงให้เห็นว่าการเชื่อในตลาดมือถือยังมีอิทธิพลต่อการรับรู้การควบคุม ตัวอย่างเช่น blomq vist et al .( 2005 ) เน้นว่า คอนซูเมอร์ควบคุมความถี่และประเภทของข้อความที่เป็นปัจจัยสำคัญในการเพิ่มความรู้สึกของความไว้วางใจและความจงรักภักดีต่อแบรนด์ กลุ่มตัวอย่างในการศึกษานี้ยังนิยมควบคุม textmessages ที่พวกเขาได้รับ