The sequence of events that take pl

The sequence of events that take place during the progression of the establishment of a urinary-tract infection (UTI). The infection is cyclical in nature and the events that occur in one cycle of the acute infection are depicted. Uropathogenic Escherichia coli (UPEC) bind to, and invade, superficial bladder epithelial cells. At 'early' stages, the average bacterial length is 3 mum and the community doubles in size every 30 minutes10. Transition to the 'middle' intracellular bacterial-community stage is hallmarked by a decrease in the average bacterial length to 1 mum and a doubling time of 45 minutes. In 'late' stages, the bacteria return to the typical rod shape (3 mum)10. Filamentous and late-stage rod-shaped bacteria detach from the community, 'escape' from epithelial cells and either attach to naive epithelial cells or exit the host during micturition. Filamentous UPEC are induced intracellularly in the urothelial cells that are capable of recognizing bacterial lipopolysaccharide11. The acute infection can progress through additional cycles (indicated by arrows). This figure is modified, with permission, from Ref. 10 © (2004) National Academy of Sciences.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ลำดับของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างความก้าวหน้าของการก่อตั้งของการติดเชื้อระบบทางเดินท่อปัสสาวะ (UTI) เชื้อเป็นวัฏจักรในธรรมชาติ และมีแสดงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในหนึ่งรอบของการติดเชื้อเฉียบพลัน ผูกกับ Uropathogenic Escherichia coli (UPEC) และ บุก กระเพาะปัสสาวะผิวเผิน epithelial เซลล์ ในขั้นตอน 'ต้น' ยาวแบคทีเรียเฉลี่ยเป็นสี่มุม 3 และชุมชนคู่ขนาด minutes10 ทุก 30 เปลี่ยนระยะแบคทีเรียชุมชน intracellular 'กลาง' คือ hallmarked โดยลดลงในความยาวแบคทีเรียเฉลี่ยให้มัม 1 และ doubling เวลา 45 นาที ในขั้นตอน 'สาย' แบคทีเรียกลับไปร่างร็อดปกติ (3 มัม) 10 Filamentous และ ขั้นปลายแกนรูปแบคทีเรียที่แยกออกจากชุมชน 'หนี' จาก epithelial เซลล์และทั้งกับขำน่า epithelial เซลล์หรือออกจากโฮสต์ระหว่าง micturition Filamentous UPEC จะเกิด intracellularly ในเซลล์ urothelial ที่สามารถจดจำ lipopolysaccharide11 แบคทีเรีย การติดเชื้อเฉียบพลันสามารถดำเนินการผ่านวงจรเพิ่มเติม (ตามลูกศร) รูปนี้มีการปรับเปลี่ยน มีสิทธิ์ อ้างอิง 10 © (2004) แห่งชาติสถาบันของวิทยาศาสตร์

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ลำดับของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงการพัฒนาของสถ​​านประกอบการของการติดเชื้อระบบทางเดินปัสสาวะ-ที่ (UTI) การติดเชื้อเป็นวัฏจักรในธรรมชาติและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในหนึ่งรอบของการติดเชื้อเฉียบพลันเป็นภาพ Uropathogenic เชื้อ Escherichia coli (UPEC) ผูกไว้กับและบุกกระเพาะปัสสาวะตื้นเซลล์เยื่อบุผิว ในขั้นตอน 'ต้น' ความยาวของเชื้อแบคทีเรียโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 3 แม่และชุมชนคู่ในทุกขนาด 30 minutes10 การเปลี่ยนไปใช้ 'กลาง' เวทีชุมชนแบคทีเรียเซลล์เป็น hallmarked โดยการลดลงของความยาวของแบคทีเรียเฉลี่ย 1 แม่และเวลาเป็นสองเท่าของ 45 นาที ในขั้นตอน 'ปลาย' แบคทีเรียกลับไปที่รูปทรงแท่งทั่วไป (3 แม่) 10 ใยและขั้นปลายรูปแท่งเ​​ชื้อแบคทีเรียที่แยกออกจากชุมชน 'หลบหนีจากเซลล์เยื่อบุผิวและทั้งแนบไปกับเซลล์เยื่อบุผิวไร้เดียงสาหรือออกจากโฮสต์ในช่วงฉี่ ใย UPEC จะเหนี่ยวนำให้เกิดภายในเซลล์ในเซลล์กระเพาะปัสสาวะที่มีความสามารถในการรับรู้ lipopolysaccharide11 แบคทีเรีย การติดเชื้อเฉียบพลันสามารถก้าวผ่านรอบเพิ่มเติม (แสดงโดยลูกศร) ตัวเลขนี้มีการแก้ไขที่ได้รับอนุญาตจาก Ref © 10 (2004) สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์แห่งชาติ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ลำดับของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างความก้าวหน้าของสถานประกอบการของระบบทางเดินปัสสาวะ ( UTI ) การติดเชื้อเป็นวัฏจักรในธรรมชาติ และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในหนึ่งรอบของการติดเชื้อเฉียบพลันเป็นภาพ . uropathogenic Escherichia coli ( upec ) ผูก และบุก ผิวเผินกระเพาะปัสสาวะเยื่อบุเซลล์ ที่ ' เร็ว ' ขั้นตอนความยาวของแบคทีเรียเฉลี่ย 3 แม่และชุมชนทุกคู่ในขนาด 30 minutes10 . เปลี่ยนเวที ' กลาง ' ในเซลล์แบคทีเรียชุมชนเป็น hallmarked โดยลดความยาวของแบคทีเรียเฉลี่ย 1 แม่และเป็นเวลา 45 นาที ใน ' ช้า ' ขั้นตอน , แบคทีเรียกลับไปรูปร่างแท่งทั่วไป ( 3 มุม ) 10 .และ rod-shaped แบคทีเรียที่มีระยะสายแยกออกจากชุมชน ' หนี ' จากเซลล์เยื่อ และให้แนบกับไร้เดียงสาเซลล์เยื่อหรือออกจากโฮสต์ในอย่างรวดเร็ว เป็น upec จะชักนำ intracellularly ใน urothelial เซลล์ที่มีความสามารถในการ lipopolysaccharide11 แบคทีเรีย .การติดเชื้อเฉียบพลันสามารถความคืบหน้าผ่านวงจรเพิ่มเติม ( แสดงโดยลูกศร ) รูปนี้คือการได้รับอนุญาตจากกรรมการ 10 สงวนลิขสิทธิ์ ( 2004 ) สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์แห่งชาติ