Born in rural DeWitt, Nebraska, and

Born in rural DeWitt, Nebraska, and trained first in a local Wesleyan college and then a Nebraska normal school as a teacher, Waldo was eventually educated in political theory at the University of Nebraska (MA) and Yale University (PhD) where he was advised by Francis Coker and others.

He came to shape much of the future of scholarship in the field of Public Administration.[citation needed] His Yale dissertation was reworked after civil service during World War II into a classic work[citation needed] of public administration called The Administrative State, published in 1948. Waldo challenged mainstream scholars' view of public administration as a value-free, non-partisan social science that promised to make government more efficient and effective. Professor Camilla Stivers has observed, "Despite public administration's claim to be a science, Waldo declares, it is a political theory [....] Political theory looks to error in the world and aims to envision new possibilities. It is critical rather than objective, suggestive rather than conclusive."[1] In short, "efficiency" itself is a value, and it can run counter to other values, such as democratic participation in governance.

Waldo also is famous for the debate he had with Herbert A. Simon on the nature of bureaucracy in American Political Science Review just after World War II. Eventually he taught at the University of California, Berkeley and the Maxwell School at Syracuse University where he influenced many future scholars of government. He had profound influence on a number of young academics in the late 1960s by organizing the Minnowbrook Conference.[citation needed] Others deeply indebted to Waldo for guidance and sponsorship include H. George Frederickson and Gary Wamsley.[citation needed]

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เกิดในชนบทวิทท์ รัฐเนแบรสกา และผ่านการฝึกอบรมครั้งแรกในถิ่น Wesleyan วิทยาลัย และโรงเรียนปกติรัฐเนแบรสกาเป็นครู วาลดูได้ศึกษาทฤษฎีการเมืองในมหาวิทยาลัยของรัฐเนแบรสกา (MA) และมหาวิทยาลัยเยล (ปริญญาเอก) ที่เขาถูกแนะนำ โดย Francis โคเกอร์และอื่น ๆ ในที่สุดเขามาพร้อมกับรูปร่างมากในอนาคตการศึกษาในด้านการบริหารราชการ[ต้องการอ้างอิง] วิทยานิพนธ์ปริญญาเอกของเขาเยลได้กโค้ดหลังจากราชการในระหว่างสงครามโลกครั้งที่สองเป็นคลาสสิกทำงาน [ต้องการอ้างอิง] ของราชการเรียกว่ารัฐดูแล ตีพิมพ์ในค.ศ. 1948 วาลดูท้าทายดูจอแจนักวิชาการบริหารสาธารณะเป็นค่าฟรี ไม่ถือเขาถือเราสังคมศาสตร์ที่สัญญาว่า จะทำให้รัฐบาลมีประสิทธิภาพมากขึ้น และมีประสิทธิภาพ ศาสตราจารย์คามิลลา Stivers ได้สังเกต "แม้ มีข้อเรียกร้องของราชการเป็น ศาสตร์ วาลดูประกาศ เป็นทฤษฎีทางการเมือง [...] ทฤษฎีทางการเมืองมีลักษณะที่ผิดพลาดในโลก และมีการวาดภาพใหม่ มันเป็นสำคัญมากกว่าวัตถุประสงค์ ชี้นำ มากกว่าข้อสรุป"[1] ในระยะสั้น "ประสิทธิภาพ" เองค่า และมันจะรันเคาน์เตอร์ค่าอื่น ๆ เช่นประชาธิปไตยการมีส่วนร่วมในการกำกับดูแลกิจการวาลดูยังมีชื่อเสียงในการอภิปรายที่เขามีกับเฮอร์เบิร์ต A. Simon ในลักษณะของระบบราชการในรัฐศาสตร์อเมริกันหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ในที่สุดเขาสอนที่มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ และ โรงเรียนแมกซ์เวลล์มหาวิทยาลัยซีราคิวส์ที่เขามีอิทธิพลต่อนักปราชญ์ในอนาคตหลายรัฐบาล เขามีอิทธิพลอย่างลึกซึ้งในจำนวนนักวิชาการหนุ่มในช่วงปลายปี 1960 โดยการจัดประชุม Minnowbrook[ต้องการอ้างอิง] ผู้อื่นลึกใครจะวาลดูคำแนะนำและสนับสนุนรวม H. จอร์จ Frederickson และ Gary Wamsley[ต้องการอ้างอิง]

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เกิดในชนบท DeWitt, เนบราสก้าและการฝึกอบรมครั้งแรกในวิทยาลัย Wesleyan ท้องถิ่นแล้วเนแบรสกาโรงเรียนปกติเป็นครูวัลโดได้รับการศึกษาในที่สุดในทฤษฎีทางการเมืองที่มหาวิทยาลัยเนบราสก้า (MA) และมหาวิทยาลัยเยล (ปริญญาเอก) ที่ซึ่งเขาได้ให้คำแนะนำ โดยฟรานซิสโคเกอร์และอื่น ๆ . เขามาถึงรูปร่างมากของอนาคตของทุนการศึกษาในด้านการบริหารราชการ. [อ้างจำเป็น] วิทยานิพนธ์ของเขาเยลนําบริการหลังการพลเรือนในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองเป็นงานคลาสสิก [อ้างจำเป็น] ของการบริหารรัฐกิจ เรียกว่าสภาพการบริหารที่ตีพิมพ์ในปี 1948 วอลโดท้าทายมุมมองนักวิชาการกระแสหลักของการบริหารภาครัฐเป็นค่าฟรีสังคมศาสตร์ไม่ใช่พรรคที่สัญญาว่าจะทำให้รัฐบาลมีประสิทธิภาพมากขึ้นและมีประสิทธิภาพ ศาสตราจารย์คามิลล่า Stivers ได้ตั้งข้อสังเกต "แม้จะมีการเรียกร้องการบริหารภาครัฐที่จะเป็นวิทยาศาสตร์, วัลโดประกาศมันเป็นทฤษฎีทางการเมือง [.... ] ทฤษฎีทางการเมืองดูเหมือนจะผิดพลาดในโลกและมีจุดมุ่งหมายที่จะจินตนาการไปได้ใหม่. มันเป็นสิ่งสำคัญมากกว่า วัตถุประสงค์การชี้นำมากกว่าข้อสรุป. "[1] ในระยะสั้น" ประสิทธิภาพ "ตัวเองเป็นมูลค่าและสามารถวิ่งสวนทางกับค่าอื่น ๆ เช่นการมีส่วนร่วมในการปกครองในระบอบประชาธิปไตย. วัลโดยังมีชื่อเสียงสำหรับการอภิปรายเขากับเฮอร์เบิร์ . ไซมอนกับลักษณะของระบบราชการในอเมริกันรัฐศาสตร์ทบทวนหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ในที่สุดเขาก็สอนที่มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียเบิร์กลีย์และโรงเรียนแมกซ์เวลที่มหาวิทยาลัยซีราคิวส์ที่เขามีอิทธิพลต่อนักวิชาการจำนวนมากในอนาคตของรัฐบาล เขามีอิทธิพลอย่างลึกซึ้งต่อจำนวนของนักวิชาการหนุ่มสาวในช่วงปลายทศวรรษที่ 1960 โดยการจัดประชุม Minnowbrook. [อ้างจำเป็น] อื่น ๆ อย่างลึกซึ้งเป็นหนี้บุญคุณวัลโดสำหรับคำแนะนำและการสนับสนุนรวมถึงจอร์จเอช Frederickson และแกรี่ Wamsley. [อ้างจำเป็น]

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เกิดในชนบท เดวิท เนบราสก้า และการฝึกอบรมในวิทยาลัยท้องถิ่นและเนบราสก้า Wesleyan ปกติเรียนเป็นครู วอลโด ในที่สุดการศึกษาในทฤษฎีทางการเมืองที่มหาวิทยาลัยเนบราสกา ( MA ) และมหาวิทยาลัยเยล ( ปริญญาเอก ) ซึ่งเขาได้รับคําแนะนําจาก ฟรานซิส โคเกอร์ และอื่น ๆ .

เขามารูปร่างมาก อนาคตของทุน ในสาขารัฐประศาสนศาสตร์[ อ้างอิงที่จำเป็น ] ของเขาเป็นข้าราชการใหม่เยลวิทยานิพนธ์หลังจากในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองในการอ้างอิงงาน [ คลาสสิก ] รัฐประศาสนศาสตร์ต้องการเรียกว่าการบริหารรัฐ , ตีพิมพ์ในปี 1948 วอลโดท้าทายนักวิชาการ ' หลักมุมมองของการบริหารรัฐกิจเป็นค่าฟรี ไม่ลำเอียง สังคมศาสตร์ ที่สัญญาว่าจะทำให้รัฐบาลมีประสิทธิภาพมากขึ้นและมีประสิทธิภาพศาสตราจารย์คามิลล่าสไตเวิร์สได้พบ " แม้จะมีการเรียกร้องของประชาชน การบริหาร เป็นวิทยาศาสตร์ วอลโด ประกาศ มันเป็นทฤษฎี [ การเมือง ] การเมือง . . . . . . . ทฤษฎีลักษณะข้อผิดพลาดในโลกและมีเป้าหมายที่จะมองเห็นความเป็นไปได้ใหม่ มันสำคัญมากกว่าวัตถุประสงค์ที่หยาบคายมากกว่าข้อสรุป . " [ 1 ] ในระยะสั้น " ประสิทธิภาพ " เองค่า และมันสามารถวิ่งสวนทางกับค่าอื่น ๆเช่นการมีส่วนร่วมในการปกครองประชาธิปไตย

Waldo ยังเป็นที่มีชื่อเสียงสำหรับการอภิปรายที่เขามีกับเฮอร์เบิร์ต ไซมอน ในธรรมชาติของระบบราชการอเมริกันรัฐศาสตร์ทบทวนหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ในที่สุดเขาสอนที่มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ และ แม็กซ์เวลล์ โรงเรียนที่มหาวิทยาลัยซีราคิวส์ที่เขาได้รับอิทธิพลต่างๆในอนาคต นักวิชาการของรัฐบาลเขามีอิทธิพลลึกซึ้งในตัวเลขของหนุ่มนักวิชาการในปลายทศวรรษที่ 1960 โดยจัดประชุมมินเนาบรูค . [ อ้างอิงที่จำเป็น ] ผู้อื่นอย่างลึกซึ้งเป็นหนี้บุญคุณ Waldo สำหรับคำแนะนำและการสนับสนุน ได้แก่ H . จอร์จเฟรเดอริกสัน และ แกรี่ wamsley . [ อ้างอิงที่จำเป็น ]