As an educator, I have reservations

As an educator, I have reservations about the move by the Education Ministry to revive the old system of making students who fail crucial tests repeat their classes. My objection is based on one fact: the move fails to recognise the learning disorder dyslexia in children.
The move, which has drawn a mixed reaction from parents and teachers, is being pushed by Education Minister Dapong Ratanasuwan who ordered the Office of the Basic Education Commission (Obec) to weigh the pros and cons of the old system in primary and secondary schools.
The minister believes the current system which allows students to "fix" their grades and move on to finish their studies cannot ensure basic educational quality.
The Office of the Basic Education Commission has worked out a five-step process to evaluate the children who need to repeat their classes, ie those who fail to get 1.00 GPA. The study mentioned many times a child's inability to read and write properly. Yet it has not had a plan to screen children with dyslexia or provide them with a special education plan that would allow them to better develop.
Dyslexia, which can be found in children with normal intelligence, is associated with the brain's language processing. Those who have this disorder require an alternative way of learning.
I would like to bring to your attention to the work of Kuala Lumpur-based Persatuan Dyslexia, an education centre assisting children with this problem. The organisation found 10% of students in Malaysia have this disorder. Of this, 4% have it so badly it obstructs their studies.
The organisation works with the parents to ensure they are aware of this disorder. This is important. If schools and parents have no understanding of this disorder, they may punish the children for not being able to keep up with their classmates, which is wrong. This will give the children poor self-esteem and could result in their becoming wayward or anti-social.
Persatuan Dyslexia works with parents and educators to find the potential of these children and works out an education plan to accommodate them.
These children can be good in other areas. They can be good story tellers; some are smart, and some close to genius. According to Persetuan Dyslexia, John Lennon, Albert Einstein and Picasso had this disorder.
Yet our Education Ministry does not recognise this issue and in reviving the old system. It has no idea about the need to screen these children and provide them with support.
While I was studying in Denmark many years ago, I met a friend who developed a computer program that accommodates children with dyslexia. Sadly, our Education Ministry only thinks of making them repeat classes as ordered by the minister.
May I humbly ask the minister and the Basic Education Commission how repeating classes will help this group of children? Do you have academic data to support your plan?
We need to learn about this disorder together, so we could go in the right direction. We don't need a policy driven by ignorance that will hamper these students.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ฐานะที่เป็นนักการศึกษา ผมมีจองเกี่ยวกับย้ายตามกระทรวงศึกษาการฟื้นระบบเก่าทำให้นักเรียนล้มเหลวการทดสอบสำคัญซ้ำชั้นเรียน คัดค้านของฉันเป็นไปตามข้อเท็จจริง: การย้ายที่ล้มเหลวในการจดจำการเรียนรู้ผิดปกติดิสในเด็กย้าย ซึ่งวาดผสมปฏิกิริยาจากผู้ปกครองและครู ได้ถูกกด โดยพลรัตนสุวรรณ Dapong ศึกษารัฐมนตรีผู้สั่งสำนักงานคณะกรรมการขั้นพื้นฐานการศึกษา (Obec) ชั่งน้ำหนักข้อดีและข้อเสียของระบบเก่าในประถมและโรงเรียนมัธยมศึกษารัฐมนตรีเชื่อว่า ระบบปัจจุบันซึ่งช่วยให้นักเรียนในการ "แก้ไขปัญหา" เกรดของพวกเขา และย้ายไปจบการศึกษา ไม่ทำให้คุณภาพการศึกษาขั้นพื้นฐานสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานได้ทำงานออกเป็นห้าขั้นตอนการประเมินเด็กที่ต้องทำซ้ำชั้นเรียน ie ผู้ที่ล้มเหลวจะได้รับ 1.00 GPA การศึกษากล่าวถึงหลายครั้งเด็กไม่สามารถอ่าน และเขียนได้อย่างถูกต้อง ยัง มันยังไม่เคยใช้แผนหน้าจอเด็ก มีดิส หรือให้พวกเขา มีแผนการศึกษาพิเศษที่จะช่วยให้เขาพัฒนาดีขึ้นดิ ซึ่งสามารถพบได้ในเด็ก มีสติปัญญาปกติ เกี่ยวข้องกับภาษาของสมองประมวลผล ผู้ที่มีโรคนี้จำเป็นต้องมีทางเลือกของการเรียนรู้อยากจะนำมาสู่ความสนใจของคุณเพื่อการทำงานของกัวลาลัมเปอร์ตาม Persatuan ดิส ศูนย์การศึกษาช่วยเหลือเด็กที่ มีปัญหานี้ องค์กรพบ 10% ของนักเรียนในประเทศมาเลเซียมีความผิดปกตินี้ นี้ 4% มีมันเพื่อไม่ดีมันขวางหลอดศึกษาของพวกเขาองค์กรทำงานร่วมกับผู้ปกครองเพื่อให้ทราบถึงความผิดปกตินี้มี นี้เป็นสิ่งสำคัญ ถ้าโรงเรียนและผู้ปกครองมีความเข้าใจโรคนี้ไม่มี พวกเขาอาจลงโทษเด็กไม่เป็นสามารถรักษาบริบท ซึ่งไม่ถูกต้อง นี้จะให้เด็กภาคภูมิใจในตนเองต่ำ และอาจส่งผลให้พวกเขากลายเป็นวิบไหว หรือต่อต้านสังคมPersatuan ดิสทำงานร่วมกับผู้ปกครองและนักการศึกษาเพื่อค้นหาศักยภาพของเด็กเหล่านี้ และทำงานออกแผนการศึกษาได้เด็กเหล่านี้ได้ดีในพื้นที่อื่น ๆ พวกเขาสามารถดีเคาน์เตอร์ บางส่วนมีสมาร์ท และบางส่วนใกล้อัจฉริยะ ตามดิส Persetuan จอห์นเลนนอน อัลเบิร์ตไอน์สไตน์ และปิกัสโซมีความผิดปกตินี้แต่กระทรวงการศึกษาของเราไม่ตระหนักถึงปัญหานี้ และ ในการฟื้นฟูระบบเก่า มันมีความคิดเกี่ยวกับความต้องการจอเด็กเหล่านี้ และให้ความสนับสนุนในขณะที่ช่วงที่เรียนในเดนมาร์กหลายปี ฉันพบเพื่อนที่พัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่รองรับเด็กที่ มีดิส เศร้า กระทรวงการศึกษาของเราเพียงคิดของการเรียน โดยให้รัฐมนตรีสั่งการทำซ้ำอาจทูลถามรัฐมนตรีว่าการและคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานวิธีเรียนการทำซ้ำจะช่วยให้เด็กกลุ่มนี้ มีข้อมูลทางวิชาการเพื่อสนับสนุนแผนของคุณเราต้องเรียนรู้เกี่ยวกับโรคนี้ด้วยกัน ดังนั้นเราจะไปในทิศทางที่ถูก เราไม่ต้องนโยบายการขับเคลื่อน โดยไม่รู้ที่จะขัดขวางนักเรียนเหล่านี้

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ในฐานะที่เป็นนักการศึกษาที่ฉันมีการจองเกี่ยวกับการย้ายจากกระทรวงศึกษาเพื่อฟื้นฟูระบบเก่าทำให้นักเรียนที่ล้มเหลวในการทดสอบที่สำคัญซ้ำชั้นเรียนของพวกเขา คัดค้านของฉันอยู่บนพื้นฐานของความจริงหนึ่ง:. ย้ายล้มเหลวในการรับรู้ดิสความผิดปกติของการเรียนรู้ในเด็ก
ย้ายซึ่งได้รับปฏิกิริยาผสมจากพ่อแม่และครูจะถูกผลักดันโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษา Dapong รัตนใครเป็นคนสั่งสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน คณะกรรมาธิการ (Obec) ชั่งน้ำหนักข้อดีและข้อเสียของระบบเก่าในโรงเรียนประถมศึกษาและมัธยมศึกษา.
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเชื่อว่าระบบปัจจุบันซึ่งจะช่วยให้นักเรียนที่จะ "แก้ไข" เกรดของพวกเขาและย้ายไปยังเสร็จสิ้นการศึกษาของพวกเขาไม่สามารถมั่นใจได้ว่าคุณภาพการศึกษาขั้นพื้นฐาน.
สำนักงาน ของคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานได้ทำงานออกมาเป็นกระบวนการขั้นตอนที่ห้าในการประเมินเด็กที่จำเป็นต้องทำซ้ำชั้นเรียนของพวกเขาคือผู้ที่ไม่ได้รับเกรดเฉลี่ย 1.00 การศึกษากล่าวถึงหลายครั้งไม่สามารถของเด็กในการอ่านและเขียนได้อย่างถูกต้อง แต่มันไม่ได้มีแผนในการคัดกรองเด็กที่มีดิสหรือให้พวกเขามีแผนศึกษาพิเศษที่จะช่วยให้พวกเขาในการพัฒนาที่ดีขึ้นก.
ดิสซึ่งสามารถพบได้ในเด็กที่มีสติปัญญาปกติมีความเกี่ยวข้องกับการประมวลผลภาษาของสมอง บรรดาผู้ที่มีความผิดปกตินี้จำเป็นต้องมีทางเลือกของการเรียนรู้.
ฉันต้องการที่จะนำไปสู่ความสนใจของคุณกับการทำงานของกัวลาลัมเปอร์ตาม Persatuan ดิสศูนย์การศึกษาการให้ความช่วยเหลือเด็กที่มีปัญหานี้ องค์กรพบว่า 10% ของนักเรียนในประเทศมาเลเซียมีความผิดปกตินี้ นี้ 4% มีมันจึงไม่ดีมันขัดขวางการศึกษาของพวกเขา.
องค์กรทำงานร่วมกับผู้ปกครองเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาตระหนักถึงความผิดปกตินี้ นี้เป็นสิ่งสำคัญ. หากโรงเรียนและผู้ปกครองมีความเข้าใจในโรคนี้ไม่มีพวกเขาอาจลงโทษเด็กที่ไม่สามารถที่จะให้ทันกับเพื่อนร่วมชั้นของพวกเขาซึ่งเป็นสิ่งที่ผิด นี้จะช่วยให้เด็กยากจนภาคภูมิใจในตนเองและอาจส่งผลให้กลายเป็นเอาแต่ใจหรือต่อต้านสังคมของพวกเขา.
Persatuan Dyslexia ทำงานร่วมกับผู้ปกครองและนักการศึกษาเพื่อหาศักยภาพของเด็ก ๆ เหล่านี้และทำงานออกแผนการศึกษาเพื่อรองรับพวกเขา.
เด็กเหล่านี้สามารถที่ดี ในพื้นที่อื่น ๆ พวกเขาสามารถที่ดีนิทานเรื่อง; บางคนมีสมาร์ทและบางส่วนใกล้เคียงกับความเป็นอัจฉริยะ ตามที่ Persetuan ดิสจอห์นเลนนอน, Albert Einstein และ Picasso มีความผิดปกตินี้.
แต่กระทรวงการศึกษาของเราไม่ได้ตระหนักถึงปัญหานี้และในการฟื้นฟูระบบเก่า มันมีความคิดเกี่ยวกับความจำเป็นในการคัดกรองเด็กเหล่านี้และให้พวกเขาด้วยการสนับสนุน no.
ขณะที่ผมกำลังศึกษาอยู่ในเดนมาร์กหลายปีที่ผ่านมาผมได้พบกับเพื่อนคนหนึ่งที่ได้รับการพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่รองรับเด็กที่มีดิส น่าเศร้าที่กระทรวงการศึกษาของเราเท่านั้นที่คิดว่าทำให้พวกเขาทำซ้ำชั้นเรียนตามคำสั่งของรัฐมนตรีว่าการกระทรวง.
ฉันขอเจียมขอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงและคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานวิธีการเรียนซ้ำจะช่วยให้เด็กกลุ่มนี้หรือไม่? คุณมีข้อมูลทางวิชาการเพื่อสนับสนุนแผนของคุณหรือไม่
เราจำเป็นต้องเรียนรู้เกี่ยวกับโรคนี้ร่วมกันเพื่อให้เราสามารถไปในทิศทางที่เหมาะสม เราไม่จำเป็นต้องมีนโยบายผลักดันโดยไม่รู้ว่าจะขัดขวางนักเรียนเหล่านี้

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ในฐานะที่เป็นนักการศึกษา ฉันมีการจองเกี่ยวกับการย้ายโดยกระทรวงศึกษาธิการเพื่อฟื้นระบบเก่า ทำให้นักเรียนที่ล้มเหลวที่สำคัญการทดสอบซ้ำชั้นเรียนของพวกเขา คัดค้านของฉันอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริงหนึ่ง : ย้ายล้มเหลวในการรับรู้ของประเทศอิตาลีในเด็กย้าย ซึ่งได้ดึงปฏิกิริยาผสมจากผู้ปกครองและครู จะถูกผลักดันโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ dapong รัตนสุวรรณใครสั่งสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ( สพฐ. ) ที่จะชั่งน้ำหนักข้อดีและข้อเสียของระบบเก่า ระดับประถมศึกษา และ มัธยมศึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเชื่อว่าระบบปัจจุบันซึ่งจะช่วยให้นักเรียนที่จะ " แก้ไข " คะแนนของตนเอง และไปจบการศึกษาไม่สามารถมั่นใจในคุณภาพการศึกษาขั้นพื้นฐานสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้ทำงานออกกระบวนการห้าขั้นตอนเพื่อประเมินเด็กๆ ที่ต้องย้ำบทเรียนของพวกเขาคือบรรดาผู้ที่ล้มเหลวที่จะได้ 1.00 เกรดเฉลี่ยสะสม การกล่าวถึงหลายครั้งของเด็กไม่สามารถอ่านและเขียนได้อย่างถูกต้อง ยังไม่มีแผนจะหน้าจอเด็กดิสเลคเซียหรือให้พวกเขามีการศึกษาวางแผนที่จะช่วยให้พวกเขาพัฒนา .ดิสเลคเซียซึ่งสามารถพบได้ในเด็กที่มีสติปัญญาปกติ เกี่ยวข้องกับการประมวลผลภาษาและสมอง ผู้ที่มีโรคนี้ต้องใช้ทางเลือกของการเรียนรู้ฉันต้องการที่จะนำความสนใจของคุณเพื่อการทำงานของกัวลาลัมเปอร์ persatuan ดิสเลคเซียตามการศึกษาศูนย์ช่วยเหลือเด็กที่มีปัญหานี้ องค์กรพบว่า 10% ของนักเรียนในมาเลเซียได้โรคนี้ นี้ , 4 % ได้มันมาก มันขัดขวางการศึกษาของพวกเขาองค์กรทำงานร่วมกับผู้ปกครองเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขามีความตระหนักในโรคนี้ สิ่งนี้สำคัญมาก ถ้าโรงเรียนและผู้ปกครองมีความเข้าใจในโรคนี้ , พวกเขาอาจจะ ลงโทษเด็กที่ไม่สามารถให้ทันกับเพื่อนร่วมชั้นของพวกเขา ซึ่งเป็นสิ่งที่ผิด นี้จะช่วยให้เด็กยากจน การเห็นคุณค่าในตนเอง และอาจส่งผลให้พวกเขากลายเป็นเอาแต่ใจหรือต่อต้านสังคมpersatuan ดิสทำงานร่วมกับผู้ปกครองและนักการศึกษาเพื่อค้นหาศักยภาพของเด็กเหล่านี้และทำงานออกแผนการศึกษาเพื่อรองรับพวกเขาเด็กเหล่านี้สามารถที่ดีในพื้นที่อื่น ๆ พวกเขาจะดีเรื่อง tellers บางคนฉลาดและบางใกล้เคียงกับอัจฉริยะ ตาม persetuan ดิส , จอห์น เลนนอน , Albert Einstein และปิกัสโซ่ได้โรคนี้แต่กระทรวงศึกษาธิการของเราไม่ได้รับรู้ปัญหานี้และฟื้นฟูระบบเก่า มันมีความคิดเกี่ยวกับต้องหน้าจอเด็กเหล่านี้และให้พวกเขาด้วยการสนับสนุนขณะที่ผมกำลังเรียนอยู่ที่เดนมาร์ก หลายปีก่อน ผมเจอเพื่อนที่พัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่สามารถรองรับเด็กที่มีภาวะแทรกซ้อนของการตั้งครรภ์ . น่าเศร้าที่กระทรวงศึกษาธิการของเราคิดแต่จะให้ย้ำสอน ตามคำสั่งของรัฐมนตรีผมขอถามรัฐมนตรี และคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน วิธีเรียนซ้ำๆ จะช่วยให้เด็กกลุ่มนี้ ? คุณมีข้อมูลทางวิชาการเพื่อสนับสนุนแผนของคุณ ?เราต้องเรียนรู้เกี่ยวกับโรคนี้ด้วยกัน ดังนั้น เราสามารถไปในทิศทางที่ถูกต้อง เราไม่ต้องมีนโยบายขับเคลื่อนโดยความไม่รู้นั้นจะขัดขวางพวกนักเรียน