The sales-value-at-split-off method

The sales-value-at-split-off method can be approximated through the use of weighting factors based on price. The advantage is that the price-based weights do not change as market prices do. An example of this method is found in the glue industry. Material is put into process in the Cooking Department. The products resulting from the cooking operations are the several "runs of glue."The first run is of the highest grade, has the highest market value, and costs the least. Successive runs require higher temperatures, cost more, and produce lower grades of products. Glue factories do not attempt to determine the actual cost of each skimming because the effect would be to show the lowest cost on the first grade of product and the highest cost on the lowest grade. Instead, the cost of all glue produced is determined, and this total cost is spread over the various grades on the basis of their respective tests of purity. The relative degree of purity is an indicator of the quality and, therfore, of the market value of each run or grade produced. Hence, multiplying the yield for each run by its relative purity is equivalent to multiplying it by the market value. The amounts weighted by purity are used to allocate the joint costs to each run. Additional runs would be undertaken, of course, only as long as the incremental costs incurred.
The weighting factor based on market value at split-off is conceptually the same as the weighting factor method under physical units. However, in the case, the weighting factor is based on sales value, while the weighting factor described in the physical units section could be based on other considerations such as processing difficulty, size, and so on that may or may not be related to market value.

Net Realizable Value Method

When market value is used to allocate joint costs, we are talking about market value at the split-off point. However, on occasion, there is no ready market price for the individual products at the split-off point. In this case, the net realizable value method can be used. First, we obtain a hypothetical sales value for each joint product by subtracting all separable processing costs from the eventual market value. This approximates the sales value at split-off. Then, The net realizable value method can be used to prorate the joint costs based on each products's share of hypothetical sales value. Cornerstone7.10 shows how and why to use the net realizable value method to allocate joint costs.
The net realizable value method is particularly useful when one or more products cannot be sold at the split-off point but must be processed further.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

วิธีการขายค่าที่แยกปิดสามารถประมาณได้โดยใช้น้ำหนักตามราคาปัจจัย ข้อดีคือ ว่า น้ำหนักตามราคาไม่เปลี่ยนแปลงเช่นราคาตลาด ตัวอย่างของวิธีการนี้จะพบในอุตสาหกรรมกาว วัสดุที่อยู่ในกระบวนการในแผนกประกอบอาหาร ผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากการปรุงอาหารมีในหลาย "ทำกาว" การเรียกใช้ครั้งแรกเป็นของเกรดสูง มีมูลค่าตลาดสูงที่สุด และค่าใช้จ่ายน้อย ทำต่อ ๆ มาต้องการอุณหภูมิสูง ค่าใช้จ่าย และผลิตเกรดต่ำกว่าของผลิตภัณฑ์ โรงงานกาวไม่ได้พยายามที่จะกำหนดต้นทุนจริงตามแต่ละเนื่องจากผลจะแสดงต้นทุนต่ำในชั้นแรกของผลิตภัณฑ์และต้นทุนสูงสุดในระดับต่ำสุด แทน กำหนดต้นทุนของกาวทั้งหมดที่ผลิต และต้นทุนทั้งหมดนี้มีกว่าเกรดต่าง ๆ ตามทดสอบความบริสุทธิ์ของพวกเขาเกี่ยวข้อง ระดับสัมพัทธ์ของความบริสุทธิ์เป็นตัวบ่งชี้มีคุณภาพและ ซึ่ง มูลค่าตลาดของแต่ละรัน หรือเกรดที่ผลิต ดังนั้น คูณผลสำหรับการรันแต่ละความสัมพันธ์บริสุทธิ์จะเท่ากับการคูณด้วยมูลค่าตลาด จำนวนที่ถ่วงน้ำหนักตามความบริสุทธิ์จะใช้การปันส่วนต้นทุนร่วมให้แต่ละเรียกใช้ ทำงานเพิ่มเติมจะปฏิบัติ แน่นอน เพียง ตามการเพิ่มค่าใช้จ่ายตัวคูณน้ำหนักตามมูลค่าตลาดที่แยกออกเป็นทางแนวคิดเดียวกับน้ำหนักปัจจัยวิธีการภายใต้หน่วยทางกายภาพ อย่างไรก็ตาม ในกรณี ปัจจัยถ่วงอิงตามยอดขาย ในขณะที่ปัจจัยถ่วงที่อธิบายไว้ในส่วนหน่วยทางกายภาพอาจจะอิงข้อควรพิจารณาอื่น ๆ เช่นการประมวลผลยาก ขนาด และอื่น ๆ ที่อาจ หรืออาจไม่เกี่ยวข้องกับมูลค่าตลาดวิธีมูลค่าสุทธิเมื่อมูลค่าตลาดเพื่อปันส่วนต้นทุนร่วม เรากำลังพูดถึงมูลค่าตลาด ณจุดแยกออก อย่างไรก็ตาม ในโอกาส มีไม่พร้อมตลาดราคาสำหรับแต่ละผลิตภัณฑ์ ณจุดแยกออก ในกรณีนี้ สามารถใช้วิธีการมูลค่าสุทธิ ขั้นแรก เรารับค่าขายสมมุติสำหรับแต่ละผลิตภัณฑ์ร่วม โดยลบ separable ประมวลผลต้นทุนทั้งหมดจากค่าการตลาดราคา นี้สใกล้เคียงกับทองคำค่าขายที่แยกออก นั้น สามารถใช้วิธีการมูลค่าสุทธิเพื่อทาตามส่วนแบ่งของผลิตภัณฑ์แต่ละค่าขายสมมุติต้นทุนร่วม Cornerstone7.10 แสดงวิธีการ และเหตุผลการใช้วิธีมูลค่าสุทธิเพื่อปันส่วนต้นทุนร่วมกันวิธีมูลค่าสุทธิเป็นประโยชน์อย่างยิ่งเมื่อผลิตภัณฑ์ หนึ่งไม่ขาย ณจุดแยกออก แต่ต้องดำเนินการต่อไป

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ขายมูลค่าที่แยกออกวิธีสามารถประมาณผ่านการใช้ปัจจัยถ่วงน้ำหนักตามราคา ข้อดีคือน้ำหนักราคาตามไม่เปลี่ยนเป็นราคาในตลาดทำ ตัวอย่างของวิธีการนี้จะพบในอุตสาหกรรมกาว วัสดุที่นำเข้าสู่กระบวนการในกรมทำอาหาร ผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากการดำเนินการปรุงอาหารที่มีหลาย "วิ่งของกาว." การทำงานครั้งแรกเป็นชั้นสูงสุดมีมูลค่าตลาดสูงสุดและค่าใช้จ่ายน้อยที่สุด วิ่งต่อเนื่องต้องใช้อุณหภูมิสูงกว่าค่าใช้จ่ายมากขึ้นและผลิตเกรดที่ต่ำกว่าของผลิตภัณฑ์ โรงงานกาวไม่พยายามที่จะกำหนดค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงของแต่ละ skimming เพราะผลที่ออกมาจะแสดงค่าใช้จ่ายที่ต่ำสุดในชั้นแรกของผลิตภัณฑ์และค่าใช้จ่ายที่สูงที่สุดในเกรดที่ต่ำที่สุด แต่ค่าใช้จ่ายของกาวทั้งหมดที่ผลิตจะถูกกำหนดและค่าใช้จ่ายทั้งหมดนี้จะแผ่กระจายไปทั่วเกรดต่างๆบนพื้นฐานของการทดสอบของตนของความบริสุทธิ์ การศึกษาระดับปริญญาญาติของความบริสุทธิ์เป็นตัวบ่งชี้คุณภาพและ therfore ของมูลค่าตลาดของการทำงานในแต่ละหรือชั้นประถมศึกษาปีที่ผลิต ดังนั้นคูณอัตราผลตอบแทนสำหรับแต่ละดำเนินการโดยความบริสุทธิ์ของญาติจะเทียบเท่ากับการคูณโดยมูลค่าตลาด จำนวนเงินที่ถ่วงน้ำหนักด้วยความบริสุทธิ์ที่ใช้ในการจัดสรรค่าใช้จ่ายร่วมกันเพื่อทำงานในแต่ละ วิ่งเพิ่มเติมจะได้รับการดำเนินการของหลักสูตรเฉพาะตราบใดที่ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นเกิดขึ้น.
ปัจจัยที่น้ำหนักขึ้นอยู่กับมูลค่าตลาดที่แยกออกเป็นแนวคิดเดียวกับวิธีการที่ปัจจัยถ่วงภายใต้หน่วยทางกายภาพ อย่างไรก็ตามในกรณีที่ปัจจัยน้ำหนักจะขึ้นอยู่กับมูลค่ายอดขายในขณะที่ปัจจัยถ่วงที่อธิบายไว้ในหน่วยส่วนทางกายภาพอาจจะขึ้นอยู่กับการพิจารณาอื่น ๆ เช่นความยากลำบากในการประมวลผลขนาดและอื่น ๆ ที่อาจจะหรืออาจจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับการตลาด คุ้มค่า. วิธีมูลค่าสุทธิเมื่อค่าการตลาดจะใช้ในการจัดสรรค่าใช้จ่ายร่วมกันเรากำลังพูดถึงมูลค่าตลาดที่จุดแยกออก อย่างไรก็ตามในโอกาสที่ไม่มีราคาในตลาดพร้อมสำหรับแต่ละผลิตภัณฑ์ที่จุดแยกออก ในกรณีนี้สุทธิวิธีมูลค่าสามารถนำมาใช้ ครั้งแรกที่เราได้รับมูลค่าการขายสมมุติสำหรับแต่ละผลิตภัณฑ์ร่วมโดยการหักค่าใช้จ่ายในการประมวลผลแยกกันไม่ออกทั้งหมดจากมูลค่าตลาดในที่สุด นี้ใกล้เคียงกับมูลค่ายอดขายที่แยกออก จากนั้นวิธีมูลค่าสุทธิที่สามารถใช้ในการแบ่งสันปันส่วนค่าใช้จ่ายร่วมกันบนพื้นฐานของหุ้นผลิตภัณฑ์ของแต่ละมูลค่าการขายสมมุติ Cornerstone7.10 แสดงให้เห็นถึงวิธีการและเหตุผลที่จะใช้วิธีการสุทธิมูลค่าที่คาดว่าจะจัดสรรค่าใช้จ่ายร่วมกัน. วิธีมูลค่าสุทธิที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่งเมื่อหนึ่งหรือมากกว่าผลิตภัณฑ์ที่ไม่สามารถขายที่จุดแยกออก แต่ต้องดำเนินการต่อไป

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ค่าขายที่แบ่งออกวิธีที่สามารถคำนวณโดยใช้น้ำหนักปัจจัยราคาตาม ข้อดี คือ ราคาตาม น้ำหนัก ไม่ได้เปลี่ยนเป็นตลาดที่ทำ ตัวอย่างของวิธีการนี้พบในอุตสาหกรรมกาว วัสดุที่ใส่ลงไปในกระบวนการปรุงอาหาร แผนก ผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากการดำเนินงานมีหลาย " วิ่งกาว " แรกเรียกเป็นเกรดสูงสุด มีมูลค่าตลาดสูง และค่าใช้จ่ายน้อย ต่อเนื่องจะต้องอุณหภูมิ ต้นทุนที่สูงขึ้น และสร้างระดับของผลิตภัณฑ์ โรงงานกาว ไม่พยายามที่จะหาต้นทุนที่แท้จริงของแต่ละคนมาดู เพราะผลจะแสดงต้นทุนต่ําสุดในชั้นแรกของผลิตภัณฑ์และสูงสุดในระดับต้นทุนที่ถูกที่สุด แต่ต้นทุนของกาวทั้งหมดที่ผลิตจะถูกกำหนดและค่าใช้จ่ายทั้งหมดนี้จะถูกกระจายไปกว่าเกรดต่าง ๆบนพื้นฐานของการทดสอบแต่ละแห่งความบริสุทธิ์ ระดับญาติของความบริสุทธิ์เป็นตัวบ่งชี้คุณภาพและ therfore ของมูลค่าตลาดของแต่ละคนวิ่ง หรือปีที่ผลิต ดังนั้น การนำผลผลิตแต่ละรัน โดยญาติความบริสุทธิ์เทียบเท่ากับคูณด้วยมูลค่าตลาด ปริมาณน้ำหนักโดยความบริสุทธิ์ที่ใช้จัดสรรค่าใช้จ่ายร่วมกันแต่ละคนวิ่ง วิ่งเพิ่มเติมจะดำเนินการ , แน่นอน , เพียงตราบใดที่เพิ่มขึ้นค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น
การชั่งน้ำหนักปัจจัยตามมูลค่าตลาดที่แบ่งออกเป็นแนวคิดเดียวกันเป็นปัจจัยถ่วงวิธีภายใต้หน่วยทางกายภาพ อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่ปัจจัยถ่วงจะขึ้นอยู่กับค่าขาย ในขณะที่ปัจจัยถ่วงที่อธิบายไว้ในส่วนหน่วยทางกายภาพอาจจะขึ้นอยู่กับการพิจารณาอื่น ๆเช่นการประมวลผลขนาดความยาก และอื่นๆ ที่อาจจะเกี่ยวหรือไม่เกี่ยวกับมูลค่าตลาด
วิธีมูลค่าสุทธิที่จะได้รับ
เมื่อมูลค่าตลาดจะใช้ในการจัดสรรค่าใช้จ่ายร่วมกัน เราจะพูดคุยเกี่ยวกับมูลค่าตลาดที่แยกจากจุด อย่างไรก็ตาม ในโอกาสที่ไม่มีการตลาดพร้อมราคาสำหรับแต่ละผลิตภัณฑ์ที่แยกจากจุด ในกรณีนี้ วิธีมูลค่าสุทธิที่จะได้รับ สามารถใช้ ครั้งแรกที่เราได้รับการสมมุติค่าสำหรับแต่ละผลิตภัณฑ์ โดยหักค่าใช้จ่ายร่วมประมวลผลแยกจากตลาดในที่สุดค่า นี้มีมูลค่าการขายที่แบ่งออก แล้ววิธีมูลค่าสุทธิที่จะได้รับ สามารถใช้เพื่อคำนวณค่าใช้จ่ายร่วมกันตามแต่ละผลิตภัณฑ์ของหุ้นของมูลค่าการขายที่สมมุติ cornerstone7.10 แสดงวิธีการและทำไมต้องใช้วิธีมูลค่าสุทธิที่จะได้รับการปันส่วนต้นทุนร่วม
วิธีมูลค่าสุทธิที่จะได้รับจะเป็นประโยชน์โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อหนึ่งหรือมากกว่าผลิตภัณฑ์ไม่สามารถขายที่แยกออกจากจุด แต่ต้องประมวลผลต่อไป