CONCLUSIONSThe precise mechanisms t

CONCLUSIONS
The precise mechanisms through which a community with preexisting health and health care disparities may become more susceptible to the deleterious effects of a disaster are unknown. The focus on the context of health and health care disparities before and after a disaster is important because the current literature does not capture the subsequent strain on medical esources imposed by the secondary surge of incident chronic disease in medically underserved communities. Given that chronic disease accounts for the greatest cause of morbidity in the United States, especially in rural areas, it is imperative to address chronic disease management in disaster response and identify ways to mitigate the health and health care disparities associated with populations vulnerable to disaster.

To better facilitate disaster recovery, it is vital that study designs account for effect modification by health and health care disparities for more accurate risk assessment models. Future studies should account for differences in health status and access before and after the disaster to better address the interaction between disparities in health and health care and adverse health outcomes in disaster populations. Disaster preparedness is not often a leading priority for most communities in the United States. Furthermore, lessons learned from Hurricane Katrina regarding existent health and health care disparities and increased morbidity and mortality among poor populations should be more extensively documented so that they can be used to plan for future disaster events.

The Robert T. Stafford Disaster Relief and Emergency Assistance Act (the Stafford Act)153 governs the federal response to disasters within the United States, including provisions for medical care and treatment of injured victims. However, the act does not address health and health care disparities or the specific needs of communities that are medically underserved. Therefore, further research is needed to better understand the most appropriate approaches to addressing health and health care disparities in the context of the Stafford Act. Factors contributing to health and health care disparities must be accounted for in disaster planning and response to ensure that rural and vulnerable populations are equipped to be resilient during the initial and secondary surges and other disaster-related events. We believe that the secondary surge of incident chronic disease after a disaster is an underappreciated phenomenon and needs further study.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

บทสรุปกลไกแม่นยำซึ่งชุมชน มีความแตกต่างเพื่อสุขภาพและการดูแลสุขภาพที่อิงอาจอ่อนแอมากที่สุดผลกระทบของภัยพิบัติจะไม่รู้จัก เน้นบริบทของสุขภาพและการดูแลสุขภาพความแตกต่างก่อน และ หลังภัยพิบัติเป็นสิ่งสำคัญได้เนื่องจากวรรณกรรมปัจจุบันจับสายพันธุ์ต่อมาใน esources ทางการแพทย์ที่กำหนด โดยกระแสรองของปัญหาโรคในชุมชน underserved ทาง ระบุว่าบัญชีโรคสาเหตุของ morbidity ในสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ชนบท ยิ่งมีความจำเป็นการจัดการโรคเรื้อรังในการตอบสนองภัยพิบัติ และระบุวิธีการลดความแตกต่างของสุขภาพและสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับประชากรที่เสี่ยงภัยเพื่อให้ง่ายต่อการแก้ปัญหาดีกว่า มันมีความสำคัญที่ศึกษาออกแบบบัญชีสำหรับการปรับเปลี่ยนลักษณะพิเศษ โดยไม่เสมอภาคสุขภาพและการดูแลสุขภาพสำหรับแบบจำลองการประเมินความเสี่ยงถูกต้องมากขึ้น การศึกษาในอนาคตควรบัญชีสำหรับความแตกต่างของสถานะสุขภาพ และเข้าถึงก่อน และ หลังเกิดเหตุยังดีอยู่การโต้ตอบระหว่างความแตกต่างในสุขภาพและผลลัพธ์สุขภาพ และร้ายภัยพิบัติประชากร ภัยพิบัติไม่ได้มักจะมีความสำคัญผู้นำในชุมชนส่วนใหญ่ในสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ บทเรียนจากพายุเฮอริเคนแคทรีนาเกี่ยวกับสุขภาพที่มีอยู่ และไม่เสมอภาคสุขภาพ และ morbidity เพิ่มขึ้น และตายในหมู่ประชากรที่ยากจนควรจะเพิ่มเติมอย่างกว้างขวางจัดทำเอกสารเพื่อให้สามารถใช้ในการวางแผนสำหรับเหตุการณ์ภัยพิบัติในอนาคตบรรเทาภัยพิบัติโรเบิร์ตต.สตัฟฟอร์ดและพระราชบัญญัติการช่วยเหลือฉุกเฉิน (บัญญัติสตัฟฟอร์ด) 153 ควบคุมการตอบสนองต่อรัฐบาลกลางภัยในสหรัฐอเมริกา รวมถึงบทบัญญัติการพยาบาลและการรักษาของผู้บาดเจ็บ อย่างไรก็ตาม การกระทำไม่ความแตกต่างของสุขภาพและสุขภาพหรือความต้องการเฉพาะของชุมชนที่ทาง underserved ดังนั้น วิจัยเพิ่มเติมจะต้องเข้าใจวิธีที่เหมาะสมเพื่อแก้ปัญหาสุขภาพและการดูแลสุขภาพความแตกต่างในบริบทของพระราชบัญญัติสตัฟฟอร์ด ต้องบัญชีสำหรับปัจจัยที่เอื้อต่อการสุขภาพและการดูแลสุขภาพความแตกต่างในการวางแผนภัยพิบัติและการตอบสนองเพื่อให้แน่ใจว่า ประชากรชนบท และมีความเสี่ยงพร้อมให้ความยืดหยุ่นระหว่างพัดรอง และเริ่มต้นและเหตุการณ์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับภัยพิบัติ เราเชื่อว่า กระแสรองของโรคเหตุการณ์หลังภัยพิบัติเป็นปรากฏการณ์การ underappreciated และต้องการศึกษาต่อ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

สรุปกลไกที่แม่นยำผ่านที่ชุมชนที่มีสุขภาพมาก่อนและความแตกต่างในการดูแลสุขภาพอาจจะกลายเป็นอ่อนแอมากขึ้นเพื่อผลกระทบที่เป็นอันตรายของภัยพิบัติไม่เป็นที่รู้จัก ให้ความสำคัญกับบริบทของสุขภาพและความแตกต่างในการดูแลสุขภาพก่อนและหลังการเกิดภัยพิบัติเป็นสิ่งสำคัญเพราะวรรณกรรมปัจจุบันไม่จับสายพันธุ์ที่ตามมาใน esources ทางการแพทย์กำหนดโดยคลื่นที่สองของเหตุการณ์ที่เกิดโรคเรื้อรังในชุมชนที่ด้อยโอกาสทางการแพทย์ ระบุว่าบัญชีโรคเรื้อรังสำหรับสาเหตุของการเจ็บป่วยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศสหรัฐอเมริกาโดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ชนบทก็มีความจำเป็นที่จะแก้ไขการจัดการโรคเรื้อรังในการตอบสนองภัยพิบัติและระบุวิธีการที่จะบรรเทาสุขภาพและความแตกต่างในการดูแลสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับประชากรที่เสี่ยงต่อการเกิดภัยพิบัติดีกว่าที่จะอำนวยความสะดวกในการกู้คืนภัยพิบัติเป็นสิ่งสำคัญที่การออกแบบการศึกษาบัญชีสำหรับการปรับเปลี่ยนผลกระทบจากความไม่เสมอภาคด้านสุขภาพและการดูแลสุขภาพสำหรับรูปแบบการประเมินความเสี่ยงถูกต้องมากขึ้น การศึกษาในอนาคตควรบัญชีสำหรับความแตกต่างในสถานะสุขภาพและการเข้าถึงก่อนและหลังการเกิดภัยพิบัติที่ดีในการอยู่ร่วมกันระหว่างความแตกต่างในด้านสุขภาพและการดูแลสุขภาพและผลลัพธ์ทางสุขภาพที่ไม่พึงประสงค์ในประชากรที่เกิดภัยพิบัติ การเตรียมความพร้อมรับมือกับภัยพิบัติไม่ได้มักจะมีความสำคัญชั้นนำสำหรับชุมชนส่วนใหญ่ในประเทศสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้บทเรียนจากพายุเฮอริเคนแคทรีนาเกี่ยวกับสุขภาพและความแตกต่างที่มีอยู่ในการดูแลสุขภาพและเพิ่มความเจ็บป่วยและการตายในหมู่ประชากรยากจนควรได้รับการบันทึกอย่างกว้างขวางมากขึ้นเพื่อให้พวกเขาสามารถนำมาใช้ในการวางแผนสำหรับเหตุการณ์ภัยพิบัติในอนาคต. โรเบิร์ตที Stafford บรรเทาภัยพิบัติและให้ความช่วยเหลือฉุกเฉิน พระราชบัญญัติ (พรบ Stafford) 153 ควบคุมการตอบสนองของรัฐบาลกลางที่จะเกิดภัยพิบัติในประเทศสหรัฐอเมริการวมทั้งบทบัญญัติสำหรับการดูแลทางการแพทย์และการรักษาของเหยื่อได้รับบาดเจ็บ แต่การกระทำไม่ได้อยู่ที่ความแตกต่างด้านสุขภาพและการดูแลสุขภาพหรือความต้องการเฉพาะของชุมชนที่ด้อยโอกาสทางการแพทย์ ดังนั้นการวิจัยเพิ่มเติมเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้เข้าใจถึงวิธีการที่เหมาะสมที่สุดเพื่อที่อยู่ด้านสุขภาพและความแตกต่างในการดูแลสุขภาพในบริบทของ Stafford พระราชบัญญัติ ปัจจัยที่มีผลต่อสุขภาพและความแตกต่างในการดูแลสุขภาพจะต้องนำมาใช้ในการวางแผนภัยพิบัติและการตอบสนองเพื่อให้แน่ใจว่าประชากรในชนบทและความเสี่ยงที่มีการติดตั้งจะต้องมีความยืดหยุ่นในช่วงกระชากเริ่มต้นและมัธยมศึกษาและเหตุการณ์ภัยพิบัติอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เราเชื่อว่าคลื่นที่สองของโรคเรื้อรังที่เกิดขึ้นหลังภัยพิบัติเป็นปรากฏการณ์ underappreciated และความต้องการศึกษาต่อ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

สรุป
แม่นยำกลไกผ่านที่ชุมชนที่มีความแตกต่างจากสุขภาพและการดูแลสุขภาพ อาจจะเสี่ยงต่อผลกระทบที่เป็นอันตรายของภัยพิบัติจะไม่รู้จักโฟกัสในบริบทของการดูแลสุขภาพและสุขภาพความแตกต่างก่อนและหลังภัยพิบัติเป็นสิ่งสำคัญเพราะวรรณกรรมปัจจุบันไม่ได้จับเมื่อยตามมาในทางการแพทย์ esources ที่กําหนดโดยกระแสของการเกิดโรคเรื้อรังในระดับชุมชนด้อยโอกาสทางการแพทย์ . ระบุว่าบัญชีโรคเรื้อรังสำหรับสาเหตุของการเจ็บป่วยมากที่สุดในสหรัฐอเมริกาโดยเฉพาะในชนบท มันขวางที่อยู่การจัดการโรคเรื้อรังในการตอบสนองต่อภัยพิบัติและระบุวิธีที่จะลดความแตกต่างของสุขภาพและการดูแลสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับประชากรเสี่ยงต่อหายนะ

ดีกว่าอำนวยความสะดวกการกู้คืนภัยพิบัติมันมีความสำคัญที่ศึกษาการออกแบบบัญชีสำหรับการปรับเปลี่ยนผลด้านสุขภาพและการดูแลสุขภาพความแตกต่างสำหรับแบบจำลองประเมินความเสี่ยงที่ถูกต้องมากขึ้น การศึกษาในอนาคตควรบัญชีสำหรับความแตกต่างในสถานะสุขภาพและการเข้าถึงก่อนและหลังภัยพิบัติดีกว่าที่อยู่ระหว่างความแตกต่างทางสุขภาพและการดูแลสุขภาพ และผลต่อสุขภาพในประชากรภัยพิบัติการเตรียมความพร้อมภัยพิบัติมักเป็นอันดับแรก ผู้นําชุมชนส่วนใหญ่ในสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ บทเรียนจากพายุเฮอริเคนแคทรีนา เกี่ยวกับ สาธารณสุข และการดูแลสุขภาพที่แตกต่างและเพิ่มการเจ็บป่วยและการตายของประชากรยากจนควรจะอย่างกว้างขวางมากขึ้นจากที่พวกเขาสามารถใช้เพื่อวางแผนสำหรับเหตุการณ์ภัยพิบัติในอนาคต

Robert T .การบรรเทาภัยพิบัติและความช่วยเหลือฉุกเฉินกระทั่งพระราชบัญญัติ ( Act ของรัฐบาลกลาง Stafford ) 153 ควบคุมการตอบสนองต่อภัยพิบัติภายในสหรัฐอเมริกา รวมทั้งบทบัญญัติสำหรับการดูแลทางการแพทย์และการรักษาของเหยื่อที่บาดเจ็บ อย่างไรก็ตาม กฎหมายไม่ได้ ที่อยู่ สุขภาพ และการดูแลสุขภาพ หรือความต้องการเฉพาะของชุมชนที่ด้อยโอกาสทางการแพทย์ . ดังนั้นการวิจัยเพิ่มเติมเป็นสิ่งจำเป็นที่จะเข้าใจวิธีการที่เหมาะสมที่สุดในการแก้ไขปัญหาสุขภาพและการดูแลสุขภาพที่แตกต่างในบริบทของกฎหมายสตาฟฟอร์ดปัจจัยที่มีผลต่อสุขภาพและการดูแลสุขภาพความแตกต่างต้องคิดในการวางแผนและการตอบสนองต่อภัยพิบัติเพื่อให้แน่ใจว่า ประชากรในชนบท และเสี่ยงจะพร้อมที่จะยืดหยุ่นในช่วงเริ่มต้นและมัธยมศึกษาจากภัยพิบัติและเหตุการณ์อื่น ๆที่เกี่ยวข้องเราเชื่อว่าการเกิดโรคเรื้อรังกระชากหลังภัยพิบัติเป็น underappreciated ปรากฏการณ์และความต้องการศึกษาต่อ