is a sales technique whereby a sell

is a sales technique whereby a seller induces the customer to purchase more expensive items, upgrades, or other add-ons in an attempt to make a more profitable sale. Upselling usually involves marketing more profitable services or products but can be simply exposing the customer to other options that were perhaps not considered. Upselling implies selling something that is more profitable or otherwise preferable for the seller instead of, or in addition to,[1] the original sale. A different technique is cross-selling in which a seller tries to sell something else. In practice, large businesses usually combine upselling and cross-selling techniques to enhance the value that the client or clients get from the organization in addition to maximizing the business's profit. In doing so, the organization must ensure that the relationship with the client is not disrupted. In restaurants and other similar settings, upselling is commonplace and an accepted form of business. In other businesses (e.g. car sales), the customer’s perception of the attempted upsell can be viewed negatively and impact the desired result.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เป็นเทคนิคการขายโดยผู้ขายเจือจางลูกค้าที่จะซื้อสินค้าที่มีราคาแพงกว่าการอัพเกรดหรืออื่น ๆ ที่ add-on ในความพยายามที่จะทำให้การขายทำกำไรได้มากกว่า upselling มักจะเกี่ยวข้องกับการตลาดบริการมีกำไรมากขึ้นหรือผลิตภัณฑ์ แต่สามารถที่จะเผยให้เห็นเพียงแค่ลูกค้าเพื่อตัวเลือกอื่น ๆ ที่ได้รับอาจจะไม่พิจารณาupselling หมายถึงการขายสิ่งที่เป็นผลกำไรมากขึ้นหรืออย่างอื่นที่ดีกว่าสำหรับผู้ขายแทนหรือนอกเหนือไปจาก [1] ขายเดิม เทคนิคที่แตกต่างกันคือการขายข้ามในการที่ผู้ขายพยายามที่จะขายอย่างอื่น ในทางปฏิบัติธุรกิจขนาดใหญ่มักจะรวมเทคนิค upselling และการขายข้ามเพื่อเพิ่มมูลค่าให้ลูกค้าหรือลูกค้าได้รับจากองค์กรในนอกจากนี้เพื่อเพิ่มกำไรของธุรกิจ ในการทำเช่นนั้นองค์กรจะต้องให้แน่ใจว่ามีความสัมพันธ์กับลูกค้าจะไม่หยุดชะงัก ในร้านอาหารและการตั้งค่าอื่นที่คล้ายคลึงกัน, upselling เป็นเรื่องธรรมดาและรูปแบบที่เป็นที่ยอมรับของธุรกิจในธุรกิจอื่น ๆ (เช่นยอดขายรถยนต์), การรับรู้ของลูกค้าจากความพยายามที่จะเพิ่มยอดขายสามารถดูได้ในเชิงลบและส่งผลกระทบต่อผลลัพธ์ที่ต้องการ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เป็นเทคนิคการขายโดยผู้ขายก่อให้เกิดลูกค้าซื้อสินค้าราคาแพงมาก การอัพเกรด หรือ add-on อื่น ๆ ในความพยายามที่จะขายมีกำไรมากขึ้น Upselling มักจะเกี่ยวข้องการตลาดบริการที่มีกำไรมากขึ้น หรือผลิตภัณฑ์แต่อาจจะเพียงแค่เปิดเผยให้ตัวเลือกอื่น ๆ อาจจะไม่ถือว่าเป็นลูกค้า Upselling หมายถึงการขายการขายเดิมที่มีกำไรมากขึ้น หรือมิฉะนั้นโมเดิร์นผู้แทน หรือ นอก, [1] เทคนิคแตกต่างกันคือขนขายที่ผู้ขายพยายามจะขายอย่างอื่น ในทางปฏิบัติ ธุรกิจขนาดใหญ่มักจะรวม upselling และเทคนิคการขายข้ามเพื่อเพิ่มค่าที่ไคลเอ็นต์หรือไคลเอนต์ที่ได้รับจากองค์กรที่นอกจากเพิ่มกำไรของธุรกิจ ในการทำเช่นนั้น องค์กรต้องแน่ใจว่า ความสัมพันธ์กับลูกค้าไม่ระหว่างสองวัน ในร้านอาหารและการตั้งค่าอื่น ๆ คล้าย upselling จะดาด ๆ ธรรมดาและแบบที่ยอมรับของธุรกิจ ในธุรกิจอื่น ๆ (เช่นขายรถยนต์), การรับรู้ของลูกค้าของ upsell พยายามสามารถดูในเชิงลบ และส่งผลกระทบผลต้อง

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เป็นเทคนิคการขายที่ผู้ขายนำลูกค้าที่จะซื้อสินค้าราคาแพงมากกว่าการอัพเกรดหรืออื่นๆเพิ่มอุปกรณ์เสริมในความพยายามที่จะทำให้มากขึ้นจากการขายได้กำไร upselling โดยปกติแล้วจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับทางการตลาดมากขึ้นบริการทำกำไรหรือ ผลิตภัณฑ์ แต่สามารถเลือกสำหรับผู้เริ่มใช้งานของลูกค้าไปให้กับทางเลือกอื่นที่ได้รับการพิจารณาว่าอาจจะไม่ใช่upselling หมายถึงการขายบางสิ่งบางอย่างที่มีผลกำไรที่มากขึ้นหรืออย่างอื่นดีกว่าสำหรับผู้ขายแทนที่ของหรือรวมถึง[ 1 ]การขายที่เดิม เทคนิคที่แตกต่างคือการขายที่ผู้ขายจะพยายามขายบางสิ่งบางอย่างอื่น ในการปฏิบัติธุรกิจขนาดใหญ่โดยปกติแล้วรวมเทคนิค upselling และการขายเพื่อเพิ่มมูลค่าที่ลูกค้าหรือเครื่องลูกข่ายที่ได้รับจากองค์กรที่รวมถึงการเพิ่มกำไรของธุรกิจ ในการทำเช่นนั้นองค์กรที่จะต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าความสัมพันธ์ที่ดีกับเครื่องลูกข่ายไม่ได้ขัดข้อง ในร้านอาหารและการตั้งค่าอื่นๆที่คล้ายคลึงกัน upselling เป็นธรรมดาและได้รับการยอมรับของธุรกิจในการดำเนินธุรกิจอื่นๆ(เช่นการขายรถ)การรับรู้ของลูกค้าที่เพิ่มการขายของความพยายามที่จะสามารถดูได้ส่งผลกระทบในทางลบและส่งผลกระทบต่อผลที่ต้องการ