3. Before reading the article, you

3. Before reading the article, you must read the assignment question. Ask yourself: “What is my essay supposed to be on?” Problems & solutions, advantages & disadvantages, etc.

4. Then read the article and extract the relevant information that is needed for your essay. The article may contain some other ideas which are not important to you. You should learn how to be selective.

5. Use your notes to plan your outline. Your outline should include only notes. Never write full sentences. You may use arrows, abbreviations, etc.

6. Identify the thesis statement (what the essay will discuss: problems & solutions, advantages &disadvantages, causes & effects, etc). Refer to the assignment question to help you decide on the thesis.

7. Think of a general sentence(s) to start your essay with which will take the reader into the topic. (steps 6 & 7 are the introduction).

8. Decide on the topics of the middle paragraphs (body). Include a topic sentence for each paragraph in your outline, again in notes form.

9. Think of a good link between the two body paragraphs. The link can be in a question form, e.g., But are there any solutions to these problems? On the other hand, are there any advantages?

10. Now to the conclusion. Two points here:

(a) Restate the thesis, e.g., “It is clear from the above that….” OR “As can be seen, there are …”
(b) A concluding comment to close your essay or perhaps a question that leaves the reader thinking about the topic.

11. When you start writing the essay, always refer to the outline and follow the same order because it is the plan of your essay so you don’t forget the order of ideas, the topic sentences and the links.
12. Within the same paragraph, use appropriate linking words (transitionals) to link your sentences.

13. Finally don’t forget to give your essay an appropriate title which indicates to the reader the issue your essay discusses.

14. Leave spaces between paragraphs and indent or leave a space when you start a new paragraph.

15. Always check and proofread your essays before submission for marking. Spelling and verb errors affect your grade negatively. You may use an English-English dictionary.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

3. ก่อนอ่านบทความ คุณต้องอ่านคำถามที่กำหนด ถามตัวคุณเอง: "อะไรของฉันเรียงความควรจะเป็น" ปัญหา และวิธีแก้ปัญหา ข้อดี และข้อเสีย ฯลฯ 4. แล้วอ่านบทความ และดึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องที่จำเป็นสำหรับเรียงความของคุณ บทความอาจประกอบด้วยอื่น ๆ ความคิดบางอย่างที่ไม่สำคัญสำหรับคุณ คุณควรเรียนรู้วิธีที่จะเลือก5. ใช้บันทึกย่อของคุณเพื่อวางแผนการเค้าร่างของคุณ เค้าร่างของคุณควรรวมการบันทึกเท่านั้น ไม่เขียนเต็มประโยค คุณอาจใช้ลูกศร คำย่อ เป็นต้น6. ระบุยอดวิทยานิพนธ์ (สิ่งเรียงจะหารือ: สาเหตุปัญหาและวิธีแก้ปัญหา ข้อดีและข้อเสีย และผลกระทบ ฯลฯ) หมายถึงการกำหนดคำถามเพื่อช่วยคุณตัดสินใจเกี่ยวกับวิทยานิพนธ์ 7. คิดว่า sentence(s) ทั่วไปการเริ่มต้นของเรียงความที่จะอ่านในหัวข้อนี้ (ขั้นตอนที่ 6 และ 7 ได้แนะนำ)8. เลือกหัวข้อย่อหน้ากลาง (ร่างกาย) รวมประโยคหัวข้อสำหรับแต่ละย่อหน้าในเค้าร่างของคุณ ในแบบฟอร์มการบันทึกอีกครั้ง 9. คิดเชื่อมโยงที่ดีระหว่างย่อหน้าสองตัว การเชื่อมโยงได้ในแบบคำถาม เช่น แต่มีการแก้ไขปัญหาเหล่านี้ บนมืออื่น ๆ มีประโยชน์ใด ๆ หรือไม่10. ตอนนี้จะสรุป จุดที่สองที่นี่: (ก) restate เสนอวิทยานิพนธ์ เช่น, "เป็นที่ชัดเจนจากข้างบนว่า" หรือ "สามารถมองเห็น ..." (ข) การสรุปความคิดเห็นเพื่อปิดบางทีคำถามที่ทิ้งความคิดเกี่ยวกับหัวข้ออ่านเรียงความของคุณ11. เมื่อคุณเริ่มเขียนเรียงความการ เสมอถึงเค้าร่าง และทำตามใบสั่งเดียวกัน เพราะเป็นแผนของเรียงของคุณเพื่อให้คุณไม่ลืมสั่งของความคิด ประโยคหัวข้อ และการเชื่อมโยง 12. ภายในย่อหน้าเดียวกัน ใช้คำเชื่อมโยงที่เหมาะสม (transitionals) เพื่อเชื่อมโยงประโยคของคุณ13. สุดท้าย อย่าลืมให้คุณเรียงเป็นชื่อที่เหมาะสมซึ่งบ่งชี้การอ่านเรียงความของคุณกล่าวถึงปัญหา14. เว้นช่องว่างระหว่างย่อหน้าและย่อหน้า หรือเว้นวรรคเมื่อคุณเริ่มย่อหน้าใหม่15. จะตรวจสอบ และอ่านตรวจทานรายงานของคุณก่อนส่งสำหรับทำเครื่องหมาย ข้อผิดพลาดการสะกดและกริยามีผลต่อเกรดของคุณส่ง คุณอาจใช้เป็นพจนานุกรมอังกฤษอังกฤษ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

3. ก่อนที่จะอ่านบทความที่คุณจะต้องอ่านคำถามที่ได้รับมอบหมาย ถามตัวเองว่า "อะไรคือการเขียนเรียงความของฉันควรจะเป็นหรือไม่" ปัญหาและการแก้ปัญหาข้อดีและข้อเสีย ฯลฯ4 จากนั้นอ่านบทความและดึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องที่จำเป็นสำหรับการเขียนเรียงความของคุณ บทความนี้อาจจะมีบางความคิดอื่น ๆ ที่ไม่ได้สำคัญกับคุณ คุณควรจะเรียนรู้วิธีการที่จะเลือก. 5 ใช้บันทึกย่อของคุณในการวางแผนเค้าร่างของคุณ เค้าร่างของคุณควรรวมถึงการบันทึกเพียง ไม่เคยเขียนประโยคเต็มรูปแบบ คุณอาจจะใช้ลูกศรตัวย่อ ฯลฯ6 ระบุคำสั่งวิทยานิพนธ์ (สิ่งเรียงความที่จะหารือเกี่ยวกับปัญหาและการแก้ปัญหาและข้อเสียข้อดีสาเหตุและผลกระทบอื่น ๆ ) อ้างถึงคำถามที่ได้รับมอบหมายเพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจในวิทยานิพนธ์. 7 คิดว่าประโยคทั่วไป (s) ที่จะเริ่มต้นการเขียนเรียงความของคุณด้วยซึ่งจะนำผู้อ่านเข้ามาในหัวข้อ (ขั้นตอนที่ 6 และ 7 มีการแนะนำ). 8 ตัดสินใจเกี่ยวกับหัวข้อของวรรคกลาง (ร่าง) รวมประโยคหัวข้อสำหรับแต่ละย่อหน้าในเค้าร่างของคุณอีกครั้งในรูปแบบบันทึก. 9 คิดว่าการเชื่อมโยงที่ดีระหว่างสองย่อหน้าร่างกาย การเชื่อมโยงสามารถในรูปแบบคำถามเช่น แต่จะมีการแก้ปัญหาใด ๆ ในการแก้ไขปัญหาเหล่านี้หรือไม่ ในทางกลับกันจะมีข้อได้เปรียบใด ๆ10 ตอนนี้สรุป สองจุดที่นี่: (ก) ย้ำวิทยานิพนธ์, เช่น ". มันเป็นที่ชัดเจนจากข้างต้นที่ ... " หรือ "ที่สามารถเห็นได้มี ... " (ข) ความคิดเห็นสุดท้ายที่จะปิดการเขียนเรียงความของคุณหรือบางทีอาจจะเป็นคำถามที่ ใบผู้อ่านคิดเกี่ยวกับหัวข้อ. 11 เมื่อคุณเริ่มต้นการเขียนเรียงความที่มักจะอ้างถึงร่างและปฏิบัติตามคำสั่งเดียวกันเพราะมันเป็นแผนของบทความของคุณเพื่อให้คุณไม่ลืมคำสั่งของความคิดประโยคหัวข้อและการเชื่อมโยง. 12 ภายในวรรคเดียวกันใช้คำเชื่อมโยงที่เหมาะสม (transitionals) ที่จะเชื่อมโยงประโยคของคุณ. 13 ในที่สุดก็ไม่ลืมที่จะให้เขียนเรียงความของคุณชื่อที่เหมาะสมซึ่งบ่งชี้ในการอ่านการเขียนเรียงความปัญหาของคุณกล่าวถึง. 14 ออกจากช่องว่างระหว่างย่อหน้าและเยื้องหรือออกจากพื้นที่เมื่อคุณเริ่มย่อหน้าใหม่. 15 โปรดตรวจสอบและพิสูจน์อักษรบทความของคุณก่อนที่จะส่งสำหรับการทำเครื่องหมาย การสะกดคำกริยาและข้อผิดพลาดส่งผลกระทบในเชิงลบเกรดของคุณ คุณอาจจะใช้พจนานุกรมภาษาอังกฤษเป็นภาษาอังกฤษ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

3 . ก่อนที่จะอ่านบทความที่คุณต้องอ่านโจทย์คำถาม ถามตัวเอง : " อะไรคือเรียงความอยู่ ? " ปัญหา& โซลูชั่น ข้อดี ข้อเสีย & ฯลฯ

4 . อ่านบทความและสารสกัดจากข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการเขียนเรียงความของคุณ บทความอาจจะมีความคิดอื่น ๆ ซึ่งไม่ได้สำคัญกับคุณ คุณควรเรียนรู้วิธีการเลือก

5ใช้บันทึกย่อของคุณแผนเค้าร่างของคุณ ร่างของคุณควรรวมถึงการบันทึกเท่านั้น เคยเขียนประโยคเต็ม คุณอาจจะใช้ลูกศร , คำย่อฯลฯ

6 ระบุงบวิทยานิพนธ์ ( อะไรเรียงความจะหารือปัญหา& โซลูชั่น ข้อดี ข้อเสีย & สาเหตุ&ผล , ฯลฯ ) ดูโจทย์คำถามที่จะช่วยให้คุณตัดสินใจเกี่ยวกับวิทยานิพนธ์

7คิดว่าประโยคทั่วไป ( s ) เพื่อเริ่มการเขียนเรียงความของคุณซึ่งจะนำผู้อ่านในหัวข้อ ( ขั้นตอนที่ 6 & 7 เป็นเบื้องต้น )

8 ตัดสินใจในหัวข้อย่อหน้ากลาง ( ร่างกาย ) รวมถึงหัวข้อประโยคสำหรับแต่ละย่อหน้าในเค้าร่างของคุณ อีกครั้งในรูปแบบการบันทึก

9 คิดเชื่อมโยงที่ดีระหว่างสองร่างกาย ย่อหน้า ลิงค์ที่สามารถอยู่ในรูปแบบคำถาม เช่นแต่ก็มีวิธีการแก้ไขปัญหาเหล่านี้ บนมืออื่น ๆมีข้อดี ?

10 ตอนนี้ข้อสรุป สองจุดนี้ :

( ) ย้ำนี้ เช่น " มันเป็นที่ชัดเจนจากข้างบนนั้น . . . " หรือ " ที่สามารถเห็นได้ มี . . . . . . . "
( b ) สรุปข้อคิดเห็นปิดเรียงความของคุณ หรือบางที คำถามที่ทิ้งให้ผู้อ่านคิดหัวข้อ

11เมื่อคุณเริ่มเขียนเรียงความ ที่มักจะอ้างถึงร่างและปฏิบัติตามคำสั่งเดียวกันเพราะมันเป็นแผนของบทความของคุณเพื่อให้คุณไม่ลืมคำสั่งของความคิด เรื่อง ประโยค และการเชื่อมโยง
12 ภายในย่อหน้าเดียวกัน เหมาะสมใช้เชื่อมคำ ( transitionals ) เพื่อเชื่อมโยงประโยคของคุณ

13สุดท้ายอย่าลืมที่จะให้บทความของคุณชื่อที่เหมาะสมซึ่งบ่งชี้ถึงผู้อ่านปัญหาเรียงความกล่าวถึง

14 ทิ้งช่องว่างระหว่างย่อหน้า และย่อหน้าหรือเว้นวรรคเมื่อคุณเริ่มต้นย่อหน้าใหม่

15 เสมอตรวจสอบและตรวจทานบทความของคุณก่อนที่จะส่งเครื่องหมาย การสะกดและข้อผิดพลาดกริยามีผลต่อเกรดของคุณไปทางซ้าย คุณอาจใช้พจนานุกรมภาษาอังกฤษภาษาอังกฤษ