During the 1920s and 1930s unemploy

During the 1920s and 1930s unemployment was high in Ireland. Furthermore many people lived in overcrowded conditions. As a result emigration continued. However things slowly improved. In the years 1925-1929 the government created a hydro-electricity scheme called the Shannon scheme. By 1943 all the towns in Ireland had electricity. So did most of the villages. In the 1930s the government tried to help the unemployed with a road-building scheme. Furthermore some industry developed in Ireland at that time.

In 1937 a new constitution made an elected president head of state. Furthermore the name 'Irish Free State' was replaced with either Eire or Ireland. Then in 1948 Ireland was made a republic and the last ties with Britain were cut.

In the 1930s Ireland fought an 'economic war' with Britain. Before 1922 many tenant farmers borrowed money from the British government to buy their farms. As part of the treaty of 1922 the Irish state was to collect this money and pass it on to the British. However in 1932 de Valera stopped paying. In response the British imposed a tariff of 20% on Irish goods. This caused great harm to the Irish cattle trade. However de Valera imposed import duties on British goods such as coal. He hoped Ireland would become economically self-sufficient and Irish industries would develop. In reality the war hurt both sides. In 1935 they made a coal-cattle pact, which made trade in the two commodities easier. In 1938 a general trade treaty brought the economic war to an end.


IRELAND IN THE LATE 20th CENTURY

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ในช่วงปี 1920 และ 1930s ว่างงานสูงในประเทศไอร์แลนด์ นอกจากนี้ คนจำนวนมากอาศัยอยู่ในสภาพที่เหนื่อยเมื่อยล้า ดัง emigration อย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ช้าดีขึ้น ในปี 1925-1929 รัฐบาลสร้าง แบบน้ำ-ไฟฟ้าเรียกว่าโครงร่างของแชนนอน โดย 1943 ทั้งหมดในไอร์แลนด์มีไฟฟ้า เพื่อให้ ได้มากที่สุดของหมู่บ้าน ในช่วงทศวรรษ 1930 รัฐบาลพยายามช่วยผู้ว่างงานที่ มีแผนสร้างถนน นอกจากนี้ อุตสาหกรรมบางพัฒนาในไอร์แลนด์ในขณะนั้นในปี 1937 รัฐธรรมนูญใหม่ได้เป็นประธานรับการแต่งตั้งประมุขแห่งรัฐ นอกจากนี้ ชื่อ 'เสรีรัฐไอร์แลนด์' ถูกแทนที่ ด้วย Eire หรือไอร์แลนด์ แล้ว 1948 ไอร์แลนด์ทำเป็นสาธารณรัฐ และมีตัดความสัมพันธ์สุดท้ายกับสหราชอาณาจักรในช่วงทศวรรษ 1930 ไอร์แลนด์สู้การ 'เศรษฐกิจสงคราม' กับสหราชอาณาจักร ก่อนค.ศ. 1922 ในเกษตรกรผู้เช่ายืมเงินจากรัฐบาลอังกฤษเพื่อซื้อฟาร์มของพวกเขา เป็นส่วนหนึ่งของสนธิสัญญาในค.ศ. 1922 รัฐไอริชถูกเก็บเงินนี้ และผ่านไปยังอังกฤษ อย่างไรก็ตาม ในปี 1932 Valera เดหยุดจ่าย ตอบ อังกฤษกำหนดภาษี 20% สินค้าไอริช นี้ทำให้เกิดอันตรายมากการค้าวัวควายไอริช อย่างไรก็ตาม เด Valera กำหนดภาษีนำเข้าสินค้าอังกฤษเช่นถ่านหิน เขาหวังว่า ไอร์แลนด์จะกลายเป็นบางอย่าง และต้องพัฒนาอุตสาหกรรมไอริช ในความเป็นจริง สงครามทำร้ายทั้งสองด้าน ในปี 1935 พวกเขาทำสนธิสัญญาควายถ่านหิน ที่ทำค้าในสินค้าโภคภัณฑ์สองได้ง่ายขึ้น สนธิสัญญาการค้าทั่วไปนำสงครามเศรษฐกิจจะสิ้นสุดในค.ศ. 1938สาธารณรัฐไอร์แลนด์ในปลายศตวรรษที่ 20

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ในช่วงปี ค.ศ. 1920 และ 1930 การว่างงานที่อยู่ในระดับสูงในไอร์แลนด์ นอกจากนี้หลายคนที่อาศัยอยู่ในสภาพที่แออัด ในฐานะที่เป็นผู้อพยพผลอย่างต่อเนื่อง แต่สิ่งที่ดีขึ้นอย่างช้าๆ ในปี 1925-1929 รัฐบาลสร้างโครงการพลังน้ำผลิตไฟฟ้าที่เรียกว่าโครงการแชนนอน โดย 1943 เมืองทั้งหมดในไอร์แลนด์มีการผลิตไฟฟ้า เพื่อให้ได้มากที่สุดของหมู่บ้าน ในช่วงทศวรรษที่ 1930 รัฐบาลพยายามที่จะช่วยให้ผู้ว่างงานที่มีโครงการสร้างถนน นอกจากนี้บางอุตสาหกรรมการพัฒนาในไอร์แลนด์ในเวลานั้น. ใน 1,937 รัฐธรรมนูญใหม่ทำหัวเลือกตั้งประธานาธิบดีของรัฐ นอกจากนี้ชื่อของรัฐอิสระไอริช 'ถูกแทนที่ด้วยทั้งไอร์แลนด์หรือไอร์แลนด์ จากนั้นในปี 1948 ไอร์แลนด์ถูกสร้างขึ้นมาเป็นสาธารณรัฐและความสัมพันธ์ที่ผ่านมากับอังกฤษถูกตัด. ในช่วงทศวรรษที่ 1930 ไอร์แลนด์ต่อสู้ว่า 'สงครามเศรษฐกิจกับสหราชอาณาจักร ก่อนที่ 1922 เกษตรกรเช่าจำนวนมากที่ยืมเงินจากรัฐบาลอังกฤษที่จะซื้อฟาร์มของพวกเขา ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของสนธิสัญญา 1922 ที่รัฐเป็นชาวไอริชที่จะเก็บเงินนี้และผ่านมันไปยังอังกฤษ อย่างไรก็ตามในปี 1932 เดวาเลร่าหยุดจ่าย ในการตอบสนองของอังกฤษที่เรียกเก็บภาษีจาก 20% ในสินค้าไอริช เรื่องนี้ทำให้เกิดอันตรายที่ดีในการค้าวัวชาวไอริช อย่างไรก็ตามวาเลร่าที่เรียกเก็บอากรขาเข้าสำหรับสินค้าที่อังกฤษเช่นถ่านหิน เขาหวังว่าไอร์แลนด์จะกลายเป็นแบบพอเพียงทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมไอริชจะพัฒนา ในความเป็นจริงสงครามทำร้ายทั้งสองฝ่าย ในปี 1935 พวกเขาทำสัญญาถ่านหินวัวซึ่งทำให้การค้าในสองสินค้าได้ง่ายขึ้น ในปี 1938 สนธิสัญญาการค้าทั่วไปนำสงครามทางเศรษฐกิจถึงจุดสิ้นสุด. ไอร์แลนด์ในปลายศตวรรษที่ 20

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ช่วงปี ค.ศ. 1920 และ 1930 การว่างงานสูงในไอร์แลนด์ นอกจากนี้หลายคนอยู่ในสภาพแออัด . เป็นผลให้อพยพอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างค่อยๆดีขึ้น ใน ปี 1925-1929 รัฐบาลสร้างโครงการที่เรียกว่าโครงการไฟฟ้าพลังน้ำ แชนน่อน โดย 1943 ทุกเมืองในไอร์แลนด์มีไฟฟ้า แล้วที่สุดของหมู่บ้านในช่วงทศวรรษที่ 1930 รัฐบาลพยายามช่วยเหลือผู้ว่างงาน ด้วยการก่อสร้างถนนโครงการ นอกจากนี้ บางอุตสาหกรรมการพัฒนาในไอร์แลนด์ในเวลานั้น .

ใน 2480 รัฐธรรมนูญใหม่เป็นประธานการเลือกตั้งประมุขแห่งรัฐ นอกจากนี้รัฐอิสระไอริชชื่อ ' ' ถูกแทนที่ด้วยไอร์แลนด์ไอร์แลนด์ จากนั้นในปี พ.ศ. 2491 เป็นสาธารณรัฐไอร์แลนด์และความสัมพันธ์ล่าสุดกับอังกฤษ

ถูกตัดในช่วงทศวรรษที่ 1930 ไอร์แลนด์สู้ ' เศรษฐกิจสงครามกับอังกฤษ ก่อนนี้หลายชาวนาผู้เช่ายืมเงินจากรัฐบาลอังกฤษเพื่อซื้อฟาร์มของพวกเขา เป็นส่วนหนึ่งของสนธิสัญญา ค.ศ. 1922 ไอริชรัฐเพื่อรวบรวมเงินและส่งไปที่อังกฤษ อย่างไรก็ตาม ในปี 1932 เดอ วาเลร่าหยุดจ่าย การตอบสนองในอังกฤษกำหนดอัตราภาษี 20% สินค้าไอริชนี้ก่อให้เกิดอันตรายที่ดีในการค้าวัวไอริช . อย่างไรก็ตาม เดอ วาเลร่าเก็บอากรขาเข้าสินค้าอังกฤษ เช่น ถ่านหิน เขาหวังว่าไอร์แลนด์จะกลายเป็นอุตสาหกรรมเศรษฐกิจพอเพียงและไอริชจะพัฒนา ในความเป็นจริงสงครามเจ็บทั้งสองฝ่าย ในปี 1935 พวกเขาสัญญาโคถ่านหินซึ่งทำให้การค้าใน 2 สินค้าได้ง่ายขึ้นในปี 1938 สนธิสัญญาการค้าทั่วไปนำสงครามเศรษฐกิจตอนจบ


ไอร์แลนด์ในปลายศตวรรษที่ 20