ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว.. ที่กระท่อมเก่าๆ ชายป่าเชิงเขา มีหญิงชราแก้มตอบ แก่หง่อมผมหงอกขาวโพลน เนื้อตัวซีดเซียวอยู่คนหนึ่ง กำลังนอนแบ็บอยู่บนที่นอนเก่าๆ เหม็นอับ ผ้าห่มมุ้งหมอนขะมุกขะมอม โดยมีหลานสาว..เด็กหญิงตัวเล็กๆ แบบบางกระแมมกระมอมนั่งอยู่ข้างๆ อากาศหนาวมาก แต่หลานสาวไม่มีเสื้อผ้าหนาๆ ใส่กันหนาว จึงนั่งสั่น ค่อยๆ ตักข้าวป้อนยาย ขณะที่ยายนอนนิ่งไม่กระดุกกระดิก หลานสาวจึงวางจานข้าว แล้วเข้าไปซุกอกทั้งกอดทั้งหอมยาย จากนั้น.. ก็เดินไปคว้าถาดไม้ขีดไฟ กระเดียดเข้าเอว ออกไปขายในตลาด เหมือนอย่าที่เคยทำเป็นประจำทุกวัน เพื่อหาเงินมาดูแลยาย ข้างนอก..หิมะตกหนักมาก แม้อากาศเหน็บหนาวเท่าไร หลานสาวก็ต้องทนยืนร้องขายไม้ขีดไฟ
“ไม้ขีด ไม้ขีด ไหมคะ
ซื้อหน่อย ซีจ๊ะ” ขายอย่าง อ่อนน้อม
ผู้คน เดินผ่าน ไปมา
ไม่ชาย หางตา มองเด็ก แมมมอม
ขายไม่ได้ สักกลัก สักกล่อง
หน้าจ๋อย นั่งจ๋อง กอดเข่า จมจ่อม
ไม่มี เงินจะ ซื้อข้าว
ทำอย่างไรเล่า ยายผ่าย ยายผอม
หมดเงิน ซื้อยา ให้ยาย
น้ำตา รินไหล ระทม ตรมตรอม หลานสาวฉุกคิดขึ้นได้จึงรีบลุกขึ้นยืนเพื่อที่จะไปขายในที่แห่งใหม่ที่น่าจะมีคนซื้อไม้ขีดไฟบ้างสักกล่อง..ก็ยังดี ทันใดนั้นเอง..หลานสาวก็ล้มตึงแน่นิ่งไป โดยที่ไม่มีใครสนใจเลยสักคน หลานสาวนอนหลับตาไม่ไหวติง ในขณะที่หูแว่ว ได้ยินเสียง แผ่วๆ ของยายร้องเพลงกล่อมด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน และแล้วหลานสาวก็ประคองมือที่สั่นเทา แข็งใจคว้าไม้ขีดไฟจากกลักออกมาจุด
จุดก้าน ที่หนึ่ง สว่าง
เด็กหญิง ตาค้าง เตาผิง ไฟล้อม
เปลวไฟ ให้ความ อบอุ่น
เด็กหญิง คุ้นคุ้น ไม่แมม ไม่มอม
ฉับพลัน ไม้ขีด หมดก้าน
ภาพที่ เห็นนั้น หายพลัน ไปพร้อม
จุดก้าน ที่สอง สว่าง
อาหาร จัดวาง ส่งกลิ่น ฮ้อมหอม
จาน ชาม กระริบ กระร่อย
รสชาติ อร่อย ละมุนละม่อม
ฉับพลัน ไม้ขีด หมดก้าน
ภาพที่ เห็นนั้น หายพลัน ไปพร้อม
จุดก้าน ที่สาม สว่าง
พ่อแม่ เคียงข้าง ทั้งกอด ทั้งหอม อ้อมกอดพ่อ แม่ อุ่นอุ่น
กลิ่นนั้น หอมกรุ่น ทะนุ ถนอม
ฉับพลัน ไม้ขีด หมดก้าน
ภาพที่ เห็นนั้น พลันหายไปพร้อม
จุดก้าน ที่สี่ สว่าง
เห็นยาย มานั่ง แจ่มใส ไม่ผอม
ในสวน สวยดั่ง สวรรค์
ส่งรัก ถึงกัน ไม่อ้อม ไม่ค้อม เห็นยาย กวักมือ ให้หา
เด็กหญิง สบตา พบรัก พรักพร้อม
ค่อย ค่อย ลอยไป หายาย
กอดแน่น แนบไว้ ยายลูบ กระหม่อม
แล้วเด็กหญิงผู้ขายไม้ขีดไฟก็หลับตาอย่างเป็นสุข