This dissertation contains two essa

This dissertation contains two essays that examine the role of bequest motives in some of the
most important financial decisions people make during retirement. In the first essay, I study
the “annuity puzzle”: very few retirees buy life annuities even though standard economic life
cycle models indicate that the benefits from doing so are substantial. I find that the bequest
motive is a crucial determinant of the gain from annuities. Whereas people without bequest
motives typically would be much better off buying available annuities, people with modest
bequest motives are likely to gain little from available annuities and in many cases are better
off not annuitizing any wealth at available rates. Bequest motives make self-insurance—and
the bequests that often accompany it—much more attractive. My simulations show that
bequest motives consistent with other facts significantly reduce the number of people who
would otherwise buy annuities.
In the second essay, I study two other major financial decisions faced by retirees: whether
to buy long-term care insurance and how much wealth to save into old age. Few retirees
buy long-term care insurance (less than 10% of retirees in the U.S.), and most retirees hold
much of their wealth into old age. I show that these patterns are consistent with a life cycle
model with a strong bequest motive and inconsistent with models without bequest motives.
As with annuities, people with bequest motives are much more likely than people without
bequest motives to prefer self-insuring their risks in old age because they value the large
bequests that often accompany this strategy.
Together, these essays indicate that some of the most important financial decisions that
people make during retirement are inconsistent with models in which retirees’ exclusive
goal is to secure the highest, most stable level of consumption for themselves. Instead,
retirees’ choices indicate that in addition to valuing their own consumption, they also value
the prospect of leaving wealth to their heirs. By testing alternative theories against a wide
range of facts, this dissertation uncovers strong evidence that bequest motives have important
vii
effects on behavior, including among people who may ultimately leave no bequest.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

วิทยานิพนธ์นี้ประกอบด้วยบทความที่สองที่ตรวจสอบบทบาทของบีเควสท์ไม่สนคำครหาในบางคนตัดสินใจ financial สำคัญที่สุดในช่วงเกษียณอายุได้ ในเรียง first เรียน"ปริศนาสี่ปี": ผู้เกษียณน้อยมากซื้อชีวิตรายมาตรฐานแม้ชีวิตทางเศรษฐกิจวงจรรุ่นระบุว่า benefits จากทำให้พบ ฉัน find ที่บีเควสท์แรงจูงใจเป็นดีเทอร์มิแนนต์สำคัญของกำไรจากราย ในขณะที่ผู้ มีบีเควสท์ไม่สนคำครหาโดยทั่วไปจะ off ดีมากซื้อว่างราย คนเจียมเนื้อเจียมตัวไม่สนคำครหาบีเควสท์จะได้รับเพียงเล็กน้อย และในรายที่มีกรณีดีoff annuitizing มีให้เลือกมากมายที่พร้อมใช้งานราคาไม่ ไม่สนคำครหาบีเควสท์ทำประกันตนเอง — และbequests ที่มักจะมาพร้อมกับตัวน่าสนใจมากขึ้น จำลองของฉันแสดงว่าบีเควสท์ไม่สนคำครหาสอดคล้องกับข้อเท็จจริงอื่น ๆ significantly ลดจำนวนคนที่หรือจะซื้อเป็นเงินรายปีในเรียงความสอง เรียนสองหลัก financial ตัดสินใจอื่น ๆ กับผู้เกษียณ: ว่าซื้อประกันภัยการดูแลระยะยาว และทรัพย์สมบัติเท่าใดให้บันทึกลงในวัยสูงอายุ ผู้เกษียณไม่กี่ซื้อประกันภัยการดูแลระยะยาว (น้อยกว่า 10% ของผู้เกษียณในสหรัฐอเมริกา), และผู้เกษียณมากที่สุดค้างไว้มากสมบัติในวัยสูงอายุ ฉันแสดงว่า รูปแบบเหล่านี้จะสอดคล้องกับวงจรชีวิตรุ่นที่ มีแรงจูงใจที่บีเควสท์ที่แข็งแกร่ง และสอดคล้องกับแบบจำลองโดยไม่สนคำครหาบีเควสท์เป็นเงินรายปี คนที่ มีบีเควสท์ไม่สนคำครหามีมากยิ่งกว่าบุคคลที่ไม่บีเควสท์ไม่สนคำครหาใช้ self-insuring ความเสี่ยงของพวกเขาในวัยสูงอายุเนื่องจากพวกเขาค่าขนาดใหญ่bequests ที่มักจะมาพร้อมกับกลยุทธ์นี้กัน เรียงความเหล่านี้บ่งชี้ว่า บาง financial สำคัญ decisions ที่ทำให้คนในช่วงเกษียณอายุไม่สอดคล้องกับโมเดลในเฉพาะของผู้เกษียณที่เป้าหมายคือการ รักษาความปลอดภัยระดับสูงสุด มีเสถียรภาพมากที่สุดปริมาณการใช้ด้วยตนเอง แทนตัวเลือกของผู้เกษียณระบุว่า นอกจากการคะเนปริมาณการใช้ของตัวเอง พวกเขายังค่าโน้มของทิ้งสมบัติมรดกของพวกเขา โดยการทดสอบทฤษฎีอื่นกับเป็นช่วงของข้อมูล วิทยานิพนธ์นี้เปิดโลกแห่งฐานที่บีเควสท์ไม่สนคำครหาได้สำคัญviieffects บนลักษณะการทำงาน รวมถึงคนที่อาจทำให้บีเควสท์ไม่สุด

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

วิทยานิพนธ์ฉบับนี้มีสองบทความที่ตรวจสอบบทบาทของแรงจูงใจมรดกในบางส่วนของ
ที่สำคัญที่สุดในการตัดสินใจทางการเงินทำให้คนในช่วงเกษียณอายุ ในการเขียนเรียงความสายแรกที่ผมศึกษา
"ปริศนาเงินรายปี": เกษียณน้อยมากซื้องวดชีวิตแม้ว่าชีวิตทางเศรษฐกิจมาตรฐาน
รูปแบบวงจรการระบุว่าทีเอสสายประโยชน์จากการทำเช่นนั้นเป็นอย่างมาก ผม Fi ND ว่ามรดก
แรงจูงใจเป็นปัจจัยสำคัญของกำไรจากค่างวด ในขณะที่คนที่ไม่มีมรดก
แรงจูงใจโดยทั่วไปจะดีมาก o FF ซื้อค่างวดที่มีอยู่ให้คนที่มีความเจียมเนื้อเจียมตัว
แรงจูงใจมรดกมีแนวโน้มที่จะได้รับเล็กน้อยจากค่างวดที่มีอยู่และในหลายกรณีจะดีกว่า
o FF ไม่ annuitizing มั่งคั่งใด ๆ ที่ราคาถูก แรงจูงใจมรดกให้ประกันตัวเองและ
พินัยกรรมที่มักจะมาพร้อมกับมันน่าสนใจมากขึ้น แบบจำลองของฉันแสดงให้เห็นว่า
แรงจูงใจมรดกสอดคล้องกับข้อเท็จจริงอื่น ๆ อย่างมีนัยสำคัญลดจำนวนของคนที่
อาจจะซื้องวด.
ในการทดลองที่สองผมเรียนอีกสองคนตัดสินใจทางการเงินที่สำคัญที่ต้องเผชิญกับผู้เกษียณ: ไม่ว่า
จะซื้อประกันการดูแลระยะยาวและวิธีการที่มั่งคั่งมาก ที่จะบันทึกลงในวัยชรา เกษียณไม่กี่
ซื้อประกันการดูแลระยะยาว (น้อยกว่า 10% ของผู้เกษียณในสหรัฐอเมริกา) และผู้เกษียณมากที่สุดค้างไว้
มากมั่งคั่งของพวกเขาในวัยชรา ผมแสดงให้เห็นว่ารูปแบบเหล่านี้มีความสอดคล้องกับวงจรชีวิต
รุ่นที่มีแรงจูงใจมรดกที่แข็งแกร่งและสอดคล้องกับรูปแบบโดยไม่ต้องแรงจูงใจมรดก.
เช่นเดียวกับค่างวดคนที่มีแรงจูงใจมรดกมีแนวโน้มมากขึ้นกว่าคนที่ไม่มี
แรงจูงใจมรดกจะชอบการทำประกันความเสี่ยงตัวเองของพวกเขาใน วัยชราเพราะพวกเขามีค่าขนาดใหญ่
เท่านั้นที่มักจะมาพร้อมกับกลยุทธ์นี้.
ร่วมกันบทความเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าบางส่วนของสายที่สำคัญที่สุดในการตัดสินใจทางการเงินที่
ทำให้คนในช่วงเกษียณอายุไม่สอดคล้องกับรูปแบบที่พิเศษเกษียณ '
เป้าหมายคือการรักษาความปลอดภัยสูงสุดมีเสถียรภาพมากที่สุด ระดับของการบริโภคสำหรับตัวเอง แต่
ทางเลือกของผู้เกษียณ 'แสดงให้เห็นว่านอกเหนือไปจากการประเมินมูลค่าการบริโภคของตัวเองพวกเขายังเห็นคุณค่าของ
โอกาสของการออกจากความมั่งคั่งให้กับทายาทของพวกเขา โดยการทดสอบกับทฤษฎีทางเลือกที่กว้าง
ช่วงของข้อเท็จจริงวิทยานิพนธ์นี้ปล่องหลักฐานที่มีมรดกแรงจูงใจที่สำคัญ
vii
ECTS จฉฉเกี่ยวกับพฤติกรรมรวมทั้งในหมู่คนที่ในที่สุดอาจจะออกจากมรดกไม่มี

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

วิทยานิพนธ์นี้ประกอบด้วยสองบทความที่ศึกษาบทบาทของมรดกที่แรงจูงใจในบางส่วนของที่สำคัญที่สุดในการตัดสินใจ nancial
จึงทำให้ในช่วงเกษียณอายุ จึงตัดสินใจเดินทางไปในเรียงความ ผมศึกษา
" เงินปีปริศนา " : เกษียณน้อยมากซื้อเงินรายปีชีวิตถึงแม้ว่ามาตรฐานชีวิต
เศรษฐกิจรอบรุ่นที่ระบุว่าดีจึงได้มาทำเป็นรูปธรรม ผมจึงว่า มรดก
ครั้งแรงจูงใจเป็นปัจจัยสําคัญของกำไรจากเงินรายงวด ส่วนคนที่ไม่มีมรดก
แรงจูงใจโดยปกติจะดีกว่าค่ะ O ffซื้อเงินรายปี ใช้ได้กับคนเจียมเนื้อเจียมตัว
มรดกแรงจูงใจมีแนวโน้มที่จะได้รับเพียงเล็กน้อยจากงวดพร้อม และในบางกรณีดีกว่า
o ffไม่ annuitizing ความมั่งคั่งในอัตราใด ๆที่พร้อมใช้งาน มรดกและแรงจูงใจให้ประกันตนเอง
การ bequests ที่มักจะมากับมันน่าสนใจมาก จำลองของฉันแสดงให้เห็นว่า
มรดกแรงจูงใจสอดคล้องกับข้อมูลอื่น ๆ signi จึงลดลงอย่างมีนัยสําคัญเมื่อลดจำนวนของผู้ที่อาจจะซื้อเป็นงวด ๆ
.
ในความพยายามครั้งที่สอง ผมศึกษาสองหลักๆ จึงตัดสินใจ nancial ประสบเกษียณ : ไม่ว่า
ซื้อประกันการดูแลระยะยาวและเท่าใดความมั่งคั่งบันทึกเข้าสู่วัยชรา
ไม่กี่ผู้เกษียณอายุซื้อประกันการดูแลระยะยาว ( น้อยกว่า 10% ของผู้เกษียณอายุในสหรัฐอเมริกา ) , และผู้เกษียณส่วนใหญ่ถือ
มากของความมั่งคั่งของพวกเขาในวัยชรา ผมแสดงให้เห็นว่ารูปแบบเหล่านี้สอดคล้องกับวัฏจักร
ชีวิตที่มีแรงจูงใจมรดกที่แข็งแกร่งและสอดคล้องกับรูปแบบโดยมรดกแรงจูงใจ .
เป็นเงินรายปี คนที่มีมรดกแรงจูงใจมีแนวโน้มมากขึ้นกว่าคนโดยไม่
มรดกที่แรงจูงใจที่จะชอบตนเองประกันความเสี่ยงของตนเองในวัยชรา เพราะขนาดใหญ่ค่า
bequests ที่มักจะเกี่ยวข้องกับกลยุทธ์นี้ .
ด้วยกันเรียงความเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่าบางส่วนของที่สำคัญที่สุดจึงตัดสินใจ nancial
คนระหว่างวัยเกษียณที่สอดคล้องกับโมเดลที่เกษียณพิเศษ
เป้าหมายคือเพื่อความปลอดภัยสูงสุด ระดับคงที่ ที่สุดของการใช้ด้วยตนเองแทน ,
' ตัวเลือกผู้เกษียณอายุ ระบุว่า นอกจากคุณค่าการบริโภคของพวกเขาเอง พวกเขายังมีค่า
ลูกค้าออกจากทรัพย์สินที่จะเป็นทายาทของพวกเขา โดยการทดสอบทฤษฎีทางเลือกกับกว้าง
ช่วงของข้อเท็จจริง วิทยานิพนธ์ฉบับนี้ได้ค้นพบหลักฐานว่า มรดกที่สำคัญ

และแรงจูงใจมี 7 ffผลต่อพฤติกรรม รวมถึงประชาชนที่มี ในท้ายที่สุดอาจไม่ทิ้งมรดก .