Since its inception, the EU’s forei

Since its inception, the EU’s foreign policy has been beset by skepticism.
Many academics claim that the EU lacks of capacity to have a strong common
foreign policy as the decision-making is constraint by the use of intergovernmental
framework. However, it is not always the case that the framework of
intergovermentalism failed to help the EU to form a common EU’s foreign policy.
Arguably, the history of EU clearly demonstrated that EU’s foreign policy has
gradually evolved under intergovernmental framework. In this context, the idea of
creating a supranational body in terms of foreign affairs was out of the question.
However, despite this rejection of supranationality, fundamentally the use of
intergovernmentalism is widely accepted by the international community.
In general within the EU institutions supranational and intergovernmental
aspects can be observed. Yet in terms of economic and social affairs, the EU
institutions takefull responsibility in maintaining order. Thus, in matters vital to
individual national interest, intergovernmental approach is applied. As the EU’s
intergovernmental framework has been used since 1957, the application of the
concept of intergovernmentalism has become more flexible. In this adapted form used
in the EU, intergovernmentalism does not limit itself to cooperation between states
anymore. Therefore, the concept has expanded its theoretical parameters to allow
integration in both high and low politics. For example, in the negotiations with
Iran, the intergovernmental mechanism of CFSP offered the EU member states the
ability to respond proactively in a cooperative manner to the Iranian nuclear
problem.
Since 2003, as the IAEA along with international community was
reacting to the Iranian nuclear issue, the EU has been at the forefront, rapidly
responding to developments. The EU Big three’s first endeavor in dealing with the
issue resulted in a breakthrough. After the EU adopted a strategy against WMD
proliferation and a Security Strategy in December 2003, it became even more
systematic in negotiations with Iran, utilizing ‘dual approaches’ of coercive
diplomacy and continued dialogue. What is more, the EU High Representative for
CFSP’s addition to the E3 negotiation team displayed coherence in terms of foreign
policy across the entire EU. Some other factors related to the expanding foreign
affairs role of the EU in effectively applying its influence in this particular
international issue were the experience of the Iraq war, the Iranian positive
perceptions towards the EU, the relative inaction of other major powers coupled
with the specific nature of the EUs diplomacy helped the EU to be proactive in
negotiating with Iran.
Field of Study: European Studies Student’s Signature...............................

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ตั้งแต่ นโยบายต่างประเทศของ EU มีการรุมเร้า โดยสงสัยนักวิชาการจำนวนมากอ้างว่า EU ขาดกำลังต้องร่วมแรงนโยบายต่างประเทศเป็นการตัดสินใจมีข้อจำกัดจากการใช้ว่าด้วยกรอบ อย่างไรก็ตาม ไม่เสมอกรณีที่กรอบของintergovermentalism ล้มเหลวในการช่วยให้สหภาพยุโรปต้องสร้างนโยบายต่างประเทศของ EU ที่ทั่วไปว่า ประวัติของ EU อย่างชัดเจนแสดงว่า นโยบายต่างประเทศของ EU ได้ค่อย ๆ พัฒนาภายใต้กรอบว่าด้วย ในบริบทนี้ ความคิดสร้างร่างกายองค์กรเหนือรัฐในต่างประเทศได้จากคำถามอย่างไรก็ตาม แม้ มีการปฏิเสธนี้ของ supranationality พื้นฐานการใช้intergovernmentalism อย่างกว้างขวางได้รับการยอมรับจากประชาคมระหว่างประเทศโดยทั่วไปภายในสถาบันใน EU องค์กรเหนือรัฐ และว่าด้วยจะสังเกตได้จากลักษณะการ แต่ในแง่ของกิจการทางเศรษฐกิจ และสังคม EUสถาบัน takefull ความรับผิดชอบในการรักษาใบสั่ง ดังนั้น ในเรื่องสำคัญไปมีใช้แต่ละชาติสนใจ ว่าด้วยวิธี เป็นของ EUใช้กรอบว่าด้วยตั้งแต่ 1957 การประยุกต์การแนวคิดของ intergovernmentalism ได้กลายเป็นความยืดหยุ่นมากขึ้น ในแบบฟอร์มนี้ประยุกต์ใช้ในยุโรป intergovernmentalism ไม่จำกัดตัวเองให้ความร่วมมือระหว่างรัฐอีกต่อไป ดังนั้น ได้ขยายทฤษฎีพารามิเตอร์ให้รวมทางการเมืองสูง และต่ำ ตัวอย่าง ในการเจรจาด้วยอิหร่าน กลไกว่าด้วยของ CFSP เสนอให้รัฐสมาชิกของ EUความสามารถในการตอบสนองทุกวันนี้ในลักษณะสหกรณ์อิหร่านนิวเคลียร์ปัญหาตั้งแต่ 2003 เป็น IAEA กับประชาคมระหว่างประเทศได้ปฏิกิริยากับปัญหานิวเคลียร์อิหร่าน EU แล้วใน อย่างรวดเร็วตอบสนองต่อการพัฒนา ใหญ่ใน EU ของสามแข่งขันครั้งแรกในการจัดการกับการปัญหาให้มีความก้าวหน้า หลังจากที่สหภาพยุโรปนำกลยุทธ์กับ WMDขยายตัวและกลยุทธ์ด้านความปลอดภัยในเดือน 2003 ธันวาคม เป็นยิ่งระบบในการเจรจากับอิหร่าน การใช้ 'วิธีสอง' ของ coerciveการทูตและการเจรจาอย่างต่อเนื่อง เพิ่มเติม EU สูงพนักงานสำหรับคืออะไรทีมเจรจา E3 ของ CFSP นี้แสดงศักยภาพในด้านการต่างประเทศนโยบายทั่วสหภาพยุโรปทั้งหมด ปัจจัยอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการขยายต่างประเทศเรื่องบทบาทของ EU ในการใช้อิทธิพลโดยเฉพาะนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพปัญหาระหว่างประเทศได้ประสบการณ์ของสงคราม บวกอิหร่านแนวไปทางยุโรป inaction ญาติของอำนาจสำคัญอื่น ๆ ควบคู่ลักษณะเฉพาะของ EUs การทูตช่วย EU เป็นเชิงรุกในเจรจากับอิหร่านสาขาวิชา: การศึกษายุโรปศึกษาลายเซ็น...

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

นับตั้งแต่ก่อตั้งขึ้นนโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรปได้รับการรุมเร้าด้วยความสงสัย.
นักวิชาการหลายคนอ้างว่าสหภาพยุโรปขาดความสามารถที่จะมีความแข็งแกร่งที่พบบ่อย
นโยบายต่างประเทศในขณะที่การตัดสินใจเป็นข้อ จำกัด โดยการใช้ระหว่างรัฐบาล
กรอบ แต่ก็ไม่เสมอกรณีที่กรอบของ
intergovermentalism ล้มเหลวที่จะช่วยให้สหภาพยุโรปในรูปแบบของนโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรปทั่วไป.
เนื้อหาประวัติศาสตร์ของสหภาพยุโรปอย่างชัดเจนแสดงให้เห็นว่านโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรปได้
ค่อย ๆ พัฒนาภายใต้กรอบระหว่างรัฐบาล ในบริบทนี้ความคิดของ
การสร้างร่างกายเหนือรัฐในแง่ของต่างประเทศออกจากคำถาม.
อย่างไรก็ตามแม้จะมีการปฏิเสธนี้ supranationality พื้นฐานการใช้
Intergovernmentalism ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางจากประชาคมระหว่างประเทศ.
โดยทั่วไปภายในสถาบันของสหภาพยุโรปเหนือรัฐ และระหว่างรัฐบาล
ด้านสามารถสังเกตได้ แต่ในแง่ของเศรษฐกิจและสังคมของสหภาพยุโรป
สถาบัน takefull ความรับผิดชอบในการรักษาความสงบเรียบร้อย ดังนั้นในเรื่องสำคัญที่จะ
สนใจของแต่ละบุคคลชาติวิธีการระหว่างรัฐบาลถูกนำไปใช้ ในฐานะที่เป็นสหภาพยุโรป
กรอบระหว่างรัฐบาลถูกนำมาใช้ตั้งแต่ปี 1957, การประยุกต์ใช้
แนวคิดของ Intergovernmentalism ได้กลายเป็นความยืดหยุ่นมากขึ้น ในรูปแบบนี้มาดัดแปลงใช้
ในสหภาพยุโรป Intergovernmentalism ไม่ได้ จำกัด ตัวเองเพื่อความร่วมมือระหว่างรัฐ
อีกต่อไป ดังนั้นแนวคิดที่มีการขยายตัวพารามิเตอร์ทางทฤษฎีที่จะอนุญาตให้มี
การบูรณาการทั้งในทางการเมืองสูงและต่ำ ยกตัวอย่างเช่นในการเจรจากับ
อิหร่านกลไกระหว่างรัฐบาลของ CFSP เสนอประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป
มีความสามารถที่จะตอบสนองในเชิงรุกในลักษณะความร่วมมือกับนิวเคลียร์ของอิหร่าน
ปัญหา.
ตั้งแต่ปี 2003 เป็น IAEA พร้อมกับประชาคมระหว่างประเทศได้รับการ
ทำปฏิกิริยากับนิวเคลียร์ของอิหร่าน ปัญหาของสหภาพยุโรปที่ได้รับอยู่ในระดับแนวหน้าอย่างรวดเร็ว
ตอบสนองต่อการพัฒนา ความพยายามครั้งแรกของสหภาพยุโรปบิ๊กสามในการจัดการกับ
ปัญหาที่ส่งผลให้เกิดการพัฒนา หลังจากที่สหภาพยุโรปนำมาใช้กลยุทธ์กับ WMD
และการขยายกลยุทธ์การรักษาความปลอดภัยในเดือนธันวาคมปี 2003 มันก็กลายเป็นมากยิ่งขึ้น
อย่างเป็นระบบในการเจรจากับอิหร่านใช้ 'วิธีการคู่ของบีบบังคับ
การเจรจาต่อรองและการเจรจาอย่างต่อเนื่อง อะไรคือสิ่งที่ผู้แทนระดับสูงของสหภาพยุโรป
นอกจาก CFSP ที่จะเจรจาต่อรองทีมงาน E3 แสดงการเชื่อมโยงกันในแง่ของต่างประเทศ
นโยบายทั่วทั้งสหภาพยุโรป บางปัจจัยอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับต่างประเทศขยาย
บทบาทกิจการของสหภาพยุโรปในการใช้อย่างมีประสิทธิภาพมีอิทธิพลในการนี้โดยเฉพาะ
ปัญหาระหว่างประเทศที่มีประสบการณ์ของสงครามอิรัก, อิหร่านในเชิงบวก
ต่อการรับรู้ของสหภาพยุโรปเฉยญาติของมหาอำนาจอื่น ๆ ควบคู่ไป
ด้วยโดยเฉพาะ ลักษณะของการเจรจาต่อรอง EUS ช่วยสหภาพยุโรปที่จะเป็นเชิงรุกใน
การเจรจาต่อรองกับอิหร่าน.
สาขาวิชายุโรปศึกษาลายเซ็นของนักเรียน .......................... .....

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง นโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรปได้รับการเต็มไปด้วยความสงสัย .
นักวิชาการหลายอ้างว่าอียูขาดของความจุจะแข็งแรงทั่วไป
นโยบายต่างประเทศเป็นในข้อจำกัดโดยการใช้อาหาร
กรอบ อย่างไรก็ตาม มันไม่เสมอกรณีกรอบ
intergovermentalism ล้มเหลวที่จะช่วยให้สหภาพยุโรปเพื่อสร้างนโยบายต่างประเทศร่วม EU .
อย่างประวัติของสหภาพยุโรปแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า นโยบายต่างประเทศของ EU ได้
ค่อยๆเปลี่ยนแปลงรัฐบาลภายใต้กรอบ ในบริบทนี้ ความคิดของ
สร้างร่างกายซึ่งเกี่ยวพันกับหลายๆ ประเทศ ในแง่ของกระทรวงการต่างประเทศ ก็หมดปัญหา
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการปฏิเสธ supranationality ส่วนใหญ่ใช้
intergovernmentalism เป็นที่ยอมรับจากชุมชนระหว่างประเทศ .
โดยทั่วไปภายในสถาบันของสหภาพยุโรปซึ่งเกี่ยวพันกับหลายๆ ประเทศ และรัฐบาล
แง่มุมที่สามารถสังเกตได้ แต่ในแง่ของเศรษฐกิจและสังคม , สหภาพยุโรป
สถาบัน takefull ความรับผิดชอบในการรักษาสินค้า . ดังนั้น ในเรื่องผลประโยชน์แห่งชาติสำคัญ

แต่ละรัฐบาลใช้วิธี . เป็นเลขาธิการกรอบ
EU มีการใช้ตั้งแต่ปี 1957 การประยุกต์ใช้
แนวคิดของ intergovernmentalism ได้กลายเป็นความยืดหยุ่นมากขึ้น ในแบบฟอร์มนี้ดัดแปลงใช้
ในสหภาพยุโรป intergovernmentalism ไม่ได้ จำกัด ตัวเองเพื่อความร่วมมือระหว่างรัฐ
อีกต่อไป ดังนั้น แนวคิดได้ขยายทฤษฎีพารามิเตอร์เพื่อให้
บูรณาการในการเมืองทั้งสูง และต่ำ ตัวอย่างเช่น ในการเจรจากับ
อิหร่านกลไก cfsp เสนอรัฐบาลของประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป
ความสามารถในการตอบสนองเชิงรุกในลักษณะสหกรณ์กับปัญหานิวเคลียร์อิหร่าน
.
ตั้งแต่ปี 2003 โดย IAEA พร้อมกับชุมชนระหว่างประเทศ
ปฏิกิริยาต่อปัญหานิวเคลียร์อิหร่านของสหภาพยุโรปที่ได้รับอยู่ในระดับแนวหน้าของอย่างรวดเร็ว
ตอบสนองต่อการพัฒนา อียูใหญ่สามแรกของความพยายามในการจัดการกับ
ปัญหาที่ก่อให้เกิดความก้าวหน้า หลังจากที่สหภาพยุโรปประกาศใช้กลยุทธ์กับการรักษาความปลอดภัย WMD
และกลยุทธ์ในเดือนธันวาคม 2003 ก็กลายเป็นมากขึ้น
อย่างเป็นระบบในการเจรจากับอิหร่าน ใช้แนวทางการทูต ' คู่ ' บังคับ
และบทสนทนาต่อ สิ่งที่เพิ่มเติมคือ ผู้แทนระดับสูงของสหภาพยุโรปสำหรับ
cfsp นอกเหนือไปจากงาน E3 ทีมเจรจาต่อรองแสดงการมองโลกในแง่ของต่างประเทศ
นโยบายในยุโรปทั้งหมด บางปัจจัยอื่น ๆที่เกี่ยวข้องกับการขยายกิจการในต่างประเทศบทบาทของสหภาพยุโรปในการใช้อิทธิพลของตนในประเด็นระหว่างประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะ
เป็นประสบการณ์ของสงครามในอิรัก อิหร่าน บวก
รับรู้สหภาพยุโรป , พบญาติของประเทศมหาอำนาจอื่น ๆคู่
กับธรรมชาติเฉพาะของทูตอียูช่วยสหภาพยุโรปเป็น เชิงรุกใน
เจรจากับอิหร่าน
สาขาวิชาการศึกษา ............................... ลายเซ็นยุโรปศึกษาของนักศึกษา