the scientific method by which hypo

the scientific method by which hypotheses are verified by testing them against the available evidence, is therefore seen as a means of disclosing value-free and objective truth the scientific method by which hypotheses are verified by testing them against the available evidence, is therefore seen as a means of disclosing value-free and objective truth. Karl popper (1902-92),however,suggested that science can only falsify hypotheses,since 'facts' can always be disproved by later experiments. scientism is the belife that the scientific method is the only source of reliable knowledge, and Marxism, utilitarianism and racialism are scientistic in this sense.
political science can either be understood generally or more specifically.in general terms political science is an academic discipline which undertakes systematically to describe, analyse and explain the workings of government and the relationships between political and non-political institutions and processes. the traditional
subject matter of political science, so defined, is the state, although this has broadened during the twentieth century to include social, economic and other processes that influence the allocation of values and general resources. in this view political science encompasses both descriptive and normative theory:the task of describing and analysing the operations of government institutions has often been linked to evaluative judgements about which ones work best. More narrowly defined,political science sets out to study the traditionnal subject matter of political using onlythe methods of the natural sciences. from this perspective, political sciences refers to a strictly empilical and value-free approach to political understanding that was the product of positivism and reached its highest stage of development in the form of behaviouralism. this implies a sharp distinction between political sciences and political philosophy, reflecting the distinction between empirical and normative analysis. it may also, in its scientistic form, imply that the philosophical or normative approach to political understanding is, in the final analysis, worthless
Significance
although it is widely accepted that the study of politics should be scientific in the broad sense of being rigorous and critical, the claim that it should be scientific in the stricter sense, that it can and should use the methodology of natural sciences, is clear, most importantly, it promises an impartial and reliable means of distinguishing truth from falsehood, thereby giving us access to objective knowledge about the political world.the key to achieving this is to distinguish between 'facts' and 'values'.facts are odjective in sense that they can demonstrated reliably and consistently; they canbe proved. values, in contrast, are inherently subjective, a matter of opinion
However, any attempt to construct a science of political confronts three difficulties. first, there is the problem of data . human beings are not tadpoles that can be taken into a laboratory or cells that can be observed under a microscope. we cannot get 'inside' a human being, or carry out repeatable experiments on human behaviour. what we can learn about individual behavious is therefore limited and superfical. in the absence of exact data we have no reliable means of testing our hypotheses. second, there are difficulties that stem from the existence of human values. the idea that models and theoriesof politics are entirely value-free is difficult to sustain when examined closely. facts and values are so closely intertwined that it is often impossible to prise them apart. this is because theories are inevitably constructed on the basis of assumptions about *human nature, society and the role of the state that have hidden political and ideological implications .third, there is the myth of neutrality in the social sciences. whereas natural scientists may be able to approach their studies in an objective and impartial manner, holding no presupposition about what they are going to discover , this is difficult and perhaps impossible to achieve in politics. how ever politics is defined, it addresses questions relating to the structure and functioning of the society in which we live and have grown up. family background, social experience, economic position, personal sympathies and so on thus build into each and every one of us a set of pre-condition about politics and the world around us scientific objectivity, in the sense of absolute impartiality or neutrality, must therefore always remain an unachievable goal in political analysis.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

วิธีการทางวิทยาศาสตร์ที่ตรวจสอบสมมุติฐาน โดยการทดสอบได้จากหลักฐานที่ใช้ เป็นดังนั้นเห็นว่าการเปิดเผยความจริง ฟรีค่า และวัตถุประสงค์วิธีการทางวิทยาศาสตร์ โดยสมมุติฐานที่ถูกตรวจสอบ โดยการทดสอบได้จากหลักฐานมี ดังนั้นจึงเห็นว่าการเปิดเผยความจริง ฟรีค่า และวัตถุประสงค์ คาร์ล popper (1902-92), อย่างไรก็ตาม แนะนำว่า วิทยาศาสตร์สามารถเฉพาะปลอมสมมุติฐาน เนื่องจากจะสามารถดำรง 'ข้อเท็จจริง' โดยหลังการทดลอง scientism belife ว่า วิธีการทางวิทยาศาสตร์เป็นเพียงแหล่งที่มาของความรู้ที่เชื่อถือได้ และลัทธิมากซ์ ประโยชน์นิยม และ racialism scientistic ในความรู้สึกนี้ได้รัฐศาสตร์จะสามารถเข้าใจโดยทั่วไป หรือเพิ่มเติม specifically.in เงื่อนไขทั่วไปรัฐศาสตร์จะมีวิชาที่รับอธิบาย วิเคราะห์ และอธิบายการทำงานของรัฐบาลและความสัมพันธ์ระหว่างสถาบันทางการเมือง และไม่ใช่ทางการเมืองและกระบวนการอย่างเป็นระบบ ในแบบดั้งเดิมเรื่องคณะรัฐศาสตร์ กำหนดให้ เป็นรัฐ แม้ว่าที่นี้มีให้ในช่วงศตวรรษยี่สิบรวมกระบวนการทางสังคม เศรษฐกิจ และอื่น ๆ ที่มีอิทธิพลต่อการจัดสรรทรัพยากรทั่วไปและค่า ในมุมมอง รัฐศาสตร์ครอบคลุมทฤษฎีอธิบาย และ normative: ลิงค์งานอธิบาย และวิเคราะห์การดำเนินงานของหน่วยงานของรัฐเพื่อที่คนทำงานส่วน judgements evaluative มัก กำหนดขึ้นในท่ามกลาง รัฐศาสตร์กำหนดศึกษาเรื่อง traditionnal ของการเมืองโดยใช้วิธี onlythe ของวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ จากมุมมองนี้ รัฐศาสตร์อ้างถึง empilical อย่างเคร่งครัดและค่าฟรีวิธีการทำความเข้าใจทางการเมืองที่ได้ผลิตภัณฑ์ของ positivism และถึงขั้นสูงสุดของการพัฒนาในรูปแบบของ behaviouralism นี้หมายถึงความแตกต่างความคมชัดระหว่างรัฐศาสตร์และปรัชญาการเมือง การสะท้อนให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างการวิเคราะห์ผล และ normative มันอาจยัง แบบ scientistic เป็นสิทธิ์แบบวิธี normative หรือปรัชญาการเมืองเข้าใจว่า สรุป สามหาวความสำคัญแม้ว่ามันเป็นที่ยอมรับกันว่า การศึกษาของเมืองควรจะทางวิทยาศาสตร์ในแง่ที่กว้างอย่างเข้มงวด และสำคัญ ข้อเรียกร้องที่ควรทางวิทยาศาสตร์ในแง่เข้มงวด ที่สามารถ และควรใช้วิธีธรรมชาติวิทยา จะ สำคัญ สัญญาหมายถึงเป็นกลาง และเชื่อถือได้แยกความจริงจาก falsehood ทำให้เราเข้าไปรู้คีย์ world.the ทางการเมืองเพื่อให้บรรลุซึ่งวัตถุประสงค์คือการ แยกระหว่าง 'ความจริง' และ 'ค่า' .facts odjective ในความรู้สึกที่พวกเขาสามารถแสดงได้ และต่อ เนื่อง พวกเขา canbe ที่พิสูจน์ ค่า คมชัด มีความตามอัตวิสัย เรื่องของความคิดอย่างไรก็ตาม การสร้างศาสตร์ของการเมืองกับความปัญหาสาม ครั้งแรก มีปัญหาของข้อมูล มนุษย์ไม่ tadpoles ที่มีในห้องปฏิบัติการหรือเซลล์ที่สามารถสังเกตภายใต้กล้องจุลทรรศน์ เราไม่ได้ 'ใน' มนุษย์ หรือดำเนินการทดลองซ้ำในพฤติกรรมมนุษย์ สิ่งที่เราสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับแต่ละ behavious จึงจำกัดและ superfical ในกรณีข้อมูลที่แน่นอน เรามีหมายถึงไม่น่าเชื่อถือของการทดสอบสมมุติฐานของเรา ที่สอง มีปัญหาที่เกิดจากการดำรงอยู่ของมนุษย์ค่า คิดว่ารุ่นและเมือง theoriesof ทั้งหมดฟรีค่าได้ยากเพื่อให้เมื่อตรวจสอบอย่างใกล้ชิด ข้อเท็จจริงและค่าอยู่เพื่อให้ใกล้ชิดเจอที่เป็นมักจะไป prise แร ทั้งนี้เนื่องจากทฤษฎีย่อมได้ถูกสร้างโดยใช้สมมติฐานเกี่ยวกับ * ธรรมชาติมนุษย์ สังคม และบทบาทของรัฐที่ได้ซ่อนนัยทางการเมือง และอุดมการณ์.third มีความเป็นมาของความเป็นกลางในสังคมศาสตร์ ในขณะที่นักวิทยาศาสตร์ธรรมชาติอาจวิธีการศึกษาในวัตถุประสงค์และลักษณะที่เป็นธรรม ถือ presupposition ไม่เกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขากำลังสัมผัส นี้ได้ยาก และอาจไม่สามารถบรรลุในเมือง อย่างไรเคยมีกำหนดเมือง อยู่คำถามที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้าง และการทำงานของสังคมที่เราอาศัยอยู่ และได้เติบโตขึ้น เบื้องหลังครอบครัว ประสบการณ์สังคม ตำแหน่งทางเศรษฐกิจ sympathies ส่วนบุคคล และอื่น ๆ ดังนั้นจึงสร้างเป็นของเราแต่ละคนตั้งเงื่อนไขล่วงหน้าเกี่ยวกับการเมืองและโลกรอบตัวเราทางวิทยาศาสตร์ปรวิสัย ความเมตตาแน่นอนหรือความเป็นกลาง ต้องจึงมักจะ มีเป้าหมาย unachievable ในการวิเคราะห์ทางการเมือง

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

วิธีการทางวิทยาศาสตร์โดยที่สมมติฐานที่มีการตรวจสอบโดยการทดสอบพวกเขาจากหลักฐานที่มีอยู่จะเห็นดังนั้นจึงเป็นวิธีการเปิดเผยมูลค่าฟรีและความจริงวัตถุประสงค์วิธีการทางวิทยาศาสตร์โดยที่สมมติฐานที่มีการตรวจสอบโดยการทดสอบพวกเขาจากหลักฐานที่มีอยู่ให้เห็นจึงเป็น หมายถึงการเปิดเผยมูลค่าฟรีและความจริงวัตถุประสงค์ คาร์ลตกใจ (1902-1992) แต่ชี้ให้เห็นว่าวิทยาศาสตร์สามารถบิดเบือนสมมติฐานตั้งแต่ 'ข้อเท็จจริง' จะสามารถพิสูจน์โดยการทดลองในภายหลัง scientism เป็น belife ว่าวิธีการทางวิทยาศาสตร์ที่เป็นแหล่งเดียวของความรู้ที่เชื่อถือได้และมาร์กซ์วัตถุนิยมและลัทธิเหยียดผิวเป็น scientistic ในแง่นี้
วิทยาศาสตร์ทางการเมืองก็จะสามารถเข้าใจกันโดยทั่วไปหรือมากกว่า specifically.in ข้อตกลงทั่วไปรัฐศาสตร์เป็นวินัยทางวิชาการที่รับ เป็นระบบที่จะอธิบายวิเคราะห์และอธิบายการทำงานของรัฐบาลและความสัมพันธ์ระหว่างสถาบันทางการเมืองและที่ไม่ใช่ทางการเมืองและกระบวนการ แบบดั้งเดิม
เรื่องของวิทยาศาสตร์ทางการเมืองที่กำหนดให้เป็นรัฐแม้ว่าเรื่องนี้ได้ขยายช่วงศตวรรษที่ยี่สิบรวมถึงกระบวนการทางสังคมเศรษฐกิจและอื่น ๆ ที่มีอิทธิพลต่อการจัดสรรค่านิยมและทรัพยากรทั่วไป ในมุมมองนี้รัฐศาสตร์ครอบคลุมทฤษฎีทั้งบรรยายและกฎเกณฑ์: งานของการอธิบายและการวิเคราะห์การดำเนินงานของสถาบันของรัฐมักจะได้รับการเชื่อมโยงกับการประเมินผลการตัดสินใจเกี่ยวกับว่าคนที่ทำงานได้ดีที่สุด มากขึ้นอย่างหวุดหวิดกำหนดรัฐศาสตร์ชุดออกไปศึกษาเรื่อง traditionnal ทางการเมืองโดยใช้วิธีการ onlythe ของวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ จากมุมมองนี้วิทยาศาสตร์ทางการเมืองหมายถึงวิธีการอย่างเคร่งครัด empilical และมูลค่าฟรีเพื่อความเข้าใจทางการเมืองที่เป็นผลผลิตของ positivism และถึงขั้นสูงสุดของการพัฒนาในรูปแบบของ behaviouralism นี้แสดงให้เห็นความแตกต่างที่คมชัดระหว่างวิทยาศาสตร์ทางการเมืองและปรัชญาการเมืองสะท้อนให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างการวิเคราะห์เชิงประจักษ์และกฎเกณฑ์ มันอาจจะยังอยู่ในรูปแบบ scientistic มันหมายความว่าแนวทางปรัชญาหรือกฎเกณฑ์ในการทำความเข้าใจทางการเมืองในการวิเคราะห์สุดท้ายไร้ค่า
ความสำคัญ
แม้ว่ามันจะเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางว่าการศึกษาของการเมืองที่ควรจะเป็นวิทยาศาสตร์ในความหมายกว้างของการเป็นอย่างเข้มงวดและที่สำคัญ อ้างว่ามันควรจะเป็นทางวิทยาศาสตร์ในความหมายที่เข้มงวดว่ามันสามารถและควรจะใช้วิธีการของวิทยาศาสตร์ธรรมชาติที่มีความชัดเจนที่สำคัญที่สุดก็สัญญาว่าวิธีที่เป็นกลางและเชื่อถือได้ในการแยกแยะความจริงจากความเท็จจึงให้เราเข้าถึงวัตถุประสงค์ ความรู้เกี่ยวกับคีย์ world.The ทางการเมืองเพื่อให้บรรลุนี้คือการแยกความแตกต่างระหว่าง 'ข้อเท็จจริง' และ 'values'.facts มี odjective ในแง่ที่ว่าพวกเขาสามารถแสดงให้เห็นถึงความน่าเชื่อถือและสม่ำเสมอ; พวกเขาได้รับการพิสูจน์ canbe ค่าในทางตรงกันข้ามมีวิสัยโดยเนื้อแท้, เรื่องของความคิดเห็น
อย่างไรก็ตามความพยายามใด ๆ ที่จะสร้างแนวทางสำหรับการวิทยาศาสตร์ของการเมืองทั้งสามความยากลำบาก ครั้งแรกที่มีปัญหาของข้อมูล มนุษย์ไม่ได้ลูกอ๊อดที่สามารถนำเข้ามาในห้องปฏิบัติการหรือเซลล์ที่สามารถสังเกตภายใต้กล้องจุลทรรศน์ เราไม่สามารถรับ 'ภายใน' มนุษย์หรือดำเนินการทดลองทำซ้ำในพฤติกรรมของมนุษย์ สิ่งที่เราสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับ behavious บุคคลดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่ จำกัด และ superfical ในกรณีที่ไม่มีข้อมูลที่แน่นอนเรามีวิธีการที่เชื่อถือของการทดสอบสมมติฐานของเรา สองมีความยากลำบากที่เกิดจากการดำรงอยู่ของคุณค่าของมนุษย์ ความคิดที่ว่ารูปแบบและการเมือง theoriesof มีทั้งค่าฟรีเป็นเรื่องยากที่จะรักษาเมื่อตรวจสอบอย่างใกล้ชิด ข้อเท็จจริงและค่านิยมที่เป็นพันอย่างใกล้ชิดเพื่อที่มันมักจะเป็นไปไม่ได้ที่จะได้รับรางวัลพวกเขาออกจากกัน นี้เป็นเพราะทฤษฎีที่ถูกสร้างขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่อยู่บนพื้นฐานของสมมติฐานเกี่ยวกับ * ธรรมชาติของมนุษย์สังคมและบทบาทของรัฐที่มีความหมายที่ซ่อนอยู่และอุดมการณ์ทางการเมือง .third มีเป็นตำนานของความเป็นกลางในทางสังคมศาสตร์ ในขณะที่นักวิทยาศาสตร์ธรรมชาติอาจจะไม่สามารถที่จะเข้าใกล้การศึกษาของพวกเขาในลักษณะที่วัตถุประสงค์และเป็นกลางถือข้อสันนิษฐานเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาจะค้นพบไม่มีนี้เป็นเรื่องยากและอาจจะเป็นไปไม่ได้ที่จะประสบความสำเร็จในทางการเมือง วิธีการที่เคยถูกกำหนดให้การเมืองมันอยู่ที่คำถามที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างและการทำงานของสังคมที่เราอาศัยอยู่และได้เติบโตขึ้น ภูมิหลังของครอบครัว, ประสบการณ์ทางสังคมตำแหน่งทางเศรษฐกิจ, ความเห็นอกเห็นใจส่วนบุคคลและอื่น ๆ จึงสร้างเป็นแต่ละคนและทุกคนของเราชุดของเงื่อนไขเบื้องต้นเกี่ยวกับการเมืองและโลกรอบตัวเราเป็นกลางทางวิทยาศาสตร์ในความรู้สึกของความเป็นธรรมแน่นอนหรือความเป็นกลางที่จะต้องทำให้ มักจะยังคงเป้าหมาย unachievable ในการวิเคราะห์ทางการเมือง

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

วิธีการทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งสมมติฐานได้รับการยืนยันโดยการทดสอบกับหลักฐานที่มีอยู่ จึงเห็นเป็นวิธีการเปิดเผยมูลค่าฟรีและวัตถุประสงค์ความจริงวิธีการทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งสมมติฐานได้รับการยืนยันโดยการทดสอบกับหลักฐานที่มีอยู่ จึงเห็นเป็นวิธีการเปิดเผยมูลค่าฟรีวัตถุประสงค์และความจริง คาร์ล ปอปเปอร์ ( 1902-92 ) , อย่างไรก็ตามแนะนำว่าวิทยาศาสตร์สามารถปลอมแปลงสมมติฐาน ตั้งแต่ ' ข้อเท็จจริง ' สามารถถูกหักล้างโดยการทดลองในภายหลัง scientism มีความเชื่อว่าวิทยาศาสตร์เป็นแหล่งเดียวของความรู้ที่เชื่อถือได้และมาร์กอรรถศาสตร์และการเหยียดสีผิวเป็น scientistic ในความรู้สึกนี้
รัฐศาสตร์สามารถเข้าใจได้โดยทั่วไปหรือมากขึ้นโดยเฉพาะรัฐศาสตร์ทั่วไปข้อตกลงคือวิชาการวินัยซึ่ง undertakes อย่างเป็นระบบเพื่ออธิบาย วิเคราะห์ และอธิบายการทำงานของรัฐบาล และความสัมพันธ์ระหว่างการเมืองและสถาบันการเมืององค์กรและกระบวนการ ดั้งเดิม
เรื่องของรัฐศาสตร์ เพื่อกำหนดเป็นรัฐ แม้ว่านี้ได้พัฒนาในศตวรรษที่ยี่สิบรวมสังคมกระบวนการทางเศรษฐกิจ และอื่น ๆ ที่มีอิทธิพลต่อการจัดสรรคุณค่าและทรัพยากรทั่วไป ในมุมมองนี้ครอบคลุมทฤษฎีรัฐศาสตร์ทั้งเชิงพรรณาและเชิงบรรทัดฐาน : งานของการอธิบายและวิเคราะห์การดำเนินงานของรัฐบาลมักจะมีการเชื่อมโยงเพื่อพิจารณาประเมินเกี่ยวกับคนที่ทำงานที่ดีที่สุด เพิ่มเติมได้หวุดหวิด ระบุรัฐศาสตร์ ชุด เพื่อศึกษาเรื่องของการเมือง traditionnal โดยใช้วิธีแค่ของวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ จากมุมมองนี้ , รัฐศาสตร์ หมายถึง empilical อย่างเคร่งครัดและค่าวิธีการฟรีเพื่อความเข้าใจทางการเมืองที่เป็นผลิตภัณฑ์ของปฏิฐานนิยมและมาถึงขั้นตอนสูงสุดของการพัฒนาในรูปแบบของ behaviouralism .นี้แสดงถึงความแตกต่างระหว่างรัฐศาสตร์และปรัชญาทางการเมืองที่แหลมคม สะท้อนให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างการวิเคราะห์เชิงประจักษ์ และเชิงบรรทัดฐาน มันอาจจะในรูปแบบ scientistic เปรียบเปรย ว่าวิธีการทางปรัชญาหรือบรรทัดฐานความเข้าใจทางการเมือง ในการวิเคราะห์สุดท้าย , ไร้ค่า

.แม้ว่าจะเป็นที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวางว่า การศึกษาการเมืองควรจะทางวิทยาศาสตร์ในความหมายกว้างที่เคร่งครัด และมีการเรียกร้องว่ามันควรจะเป็นวิทยาศาสตร์เข้มงวดเลยก็ว่าได้ และควรใช้วิธีการวิทยาศาสตร์ ธรรมชาติ มีความชัดเจน ที่สำคัญที่สุด ในสัญญาที่เป็นกลางและเชื่อถือได้วิธีการแยกแยะความจริงจาก ความเท็จ ,เพื่อให้เราได้มีความรู้เกี่ยวกับ world.the ทางการเมืองที่สำคัญเพื่อให้บรรลุนี้คือการแยกแยะระหว่าง ' ข้อเท็จจริง ' และ ' คุณค่า ' ข้อเท็จจริง odjective ในความรู้สึกที่พวกเขาสามารถแสดงได้อย่างน่าเชื่อถือและอย่างต่อเนื่อง พวกเขาสามารถพิสูจน์ได้ คุณค่า ในทางตรงกันข้ามเป็นอย่างโดยเนื้อแท้ อัตนัย ความเห็นส่วนตัว
อย่างไรก็ตามความพยายามใด ๆที่จะสร้างศาสตร์แห่งการเมืองเผชิญหน้าสามปัญหา แรกมีปัญหาข้อมูล มนุษย์ไม่ได้เป็นลูกอ๊อดที่สามารถนำมาปฏิบัติการหรือเซลล์ที่สามารถสังเกตได้ด้วยกล้องจุลทรรศน์ เราไม่สามารถรับ ' ภายใน ' มนุษย์หรือดำเนินการทดลองทำซ้ำในพฤติกรรมของมนุษย์สิ่งที่เราสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับ behavious บุคคลจึงมีจำกัด และ superfical . ในกรณีที่ไม่มีข้อมูลที่แน่นอนเราไม่มีวิธีการความน่าเชื่อถือของการทดสอบสมมติฐานของเรา ประการที่สอง มีปัญหาที่เกิดจากการดำรงอยู่ของค่าของมนุษย์ คิดรูปแบบและทฤษฎีทางการเมืองมีทั้งหมดมูลค่าฟรีเป็นเรื่องยากที่จะรักษาเมื่อตรวจสอบอย่างใกล้ชิดข้อเท็จจริงและค่าเป็นพันอย่างใกล้ชิดว่ามันมักจะเป็นไปได้ที่จะแงะมันออกจากกัน นี้เป็นเพราะทฤษฎีย่อมสร้างขึ้นบนพื้นฐานของสมมติฐานเกี่ยวกับ * ธรรมชาติของมนุษย์ สังคม และบทบาทของรัฐที่มีผลกระทบทางการเมืองและอุดมการณ์ซ่อน ที่สามคือเรื่องความเป็นกลางในสังคมศาสตร์ในขณะที่นักวิทยาศาสตร์ธรรมชาติอาจจะสามารถเข้าถึงการศึกษาได้ในวัตถุประสงค์และเป็นกลาง ถือไม่ประโยคเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาจะค้นพบนี้เป็นเรื่องยากและอาจเป็นไปไม่ได้ที่จะบรรลุในทางการเมือง วิธีการที่เคยเป็นเรื่องการเมืองที่กำหนดจะเน้นคำถามที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างและหน้าที่ของสังคมที่เราอาศัยอยู่และเติบโตขึ้น ภูมิหลังทางครอบครัวประสบการณ์ ฐานะทางเศรษฐกิจ สังคม บุคคล แสดงความเห็นอกเห็นใจและดังนั้นจึงสร้างในแต่ละและทุกหนึ่งของเราชุดก่อนเงื่อนไขเกี่ยวกับการเมืองและโลกรอบตัวเราเป้าหมายทางวิทยาศาสตร์ ในความรู้สึกของความเป็นธรรมสัมบูรณ์หรือความเป็นกลางจึงยังคงเป้าหมาย unachievable ในการวิเคราะห์การเมือง