Each of the above extracts had inhi

Each of the above extracts had inhibited the growth of at least one gram positive bacterium, one gram negative
bacterium, and one fungus (as shown in Table 1, Table 2, Table 3, Table 4, and Table 5). Such a finding reflects the ability of the
above extracts to play different mechanisms to destroy different pathogens. Also, it justifies the widespread use of the above
plants in traditional medicine against many diseases. However, further research is needed to identify the active ingredients and
their modes of actions in the extracts used in this study.
Except for T. polium, all tested extracts had shown antibacterial activity against B. subtilis. Such a result is very
interesting, because this bacterium is a spore former and shows a strong resistance to environmental conditions (Nascimento et al.,
2000). Also, this result is in agreement with the considerable use of the tested plant extract in folklore medicine.
Among all the plant extracts tested, R. officinalis had shown a remarkable performance as it was the only type of extract
to inhibit the growth of P. aueruginosa, a bacterium that is very difficult to control through therapeutic means (Lambert, 2002).
Contradictions between the antimicrobial activities that were shown by this study and some of the previous studies could be due
to many reasons, including different microbial strains, species of herbs, extraction processes and concentrations of extracts and
microbes.
The well plate diffusion method used in this study was found to be better than the disc diffusion method (El Astal et al.,
2005). Although the above extracts had shown an antimicrobial activity against most of the test organisms that were used in this
study, it is unfortunate that the extracts were not tested and applied on the ill people suffering from proposed diseases in the folk
medicine.
In general, microbial resistance against antibiotics is still debatable and could be due to antibiotic inactivation by
enzymatic inactivation, target mutation, altering the efflux pump mechanisms, and decreased uptake of antibiotics, and other
factors. On the other hand, bioactive ingredients of some other compounds have the ability to inhibit resistance mechanisms
through different ways such as: inhibition of DNA/protein synthesis, inhibition of folate biosynthesis and cell permeability/cell
wall inhibition (Premkumar et al., 2010). Nevertheless, the extracts used in this research may contain components with
antimicrobial properties that can be used as antifungal and antimicrobial agents in new drugs to treat infectious diseases.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ของสารสกัดดังกล่าวได้ห้ามการเจริญเติบโตของแบคทีเรียกรัมน้อยบวก ลบหนึ่งกรัม
แบคทีเรีย และเชื้อราหนึ่ง (ดังที่แสดงในตารางที่ 1 ตารางที่ 2, 3 ตาราง ตาราง 4 และ 5 ตาราง) ค้นหาดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความสามารถของการ
เหนือบางส่วนเล่นกลไกต่าง ๆ เพื่อทำลายโรคแตกต่างกัน ยัง จะจัดชิดใช้แพร่หลายข้างต้น
พืชยากับโรคมาก อย่างไรก็ตาม เพิ่มเติมงานวิจัยจำเป็นต้องระบุส่วนผสม และ
ของพวกเขาวิธีการดำเนินการในสารสกัดที่ใช้ในการศึกษานี้
ยกเว้นต. polium สารสกัดทั้งหมดผ่านการทดสอบได้แสดงกิจกรรมต้านเชื้อแบคทีเรียกับ subtilis เกิด ผลดังกล่าวเป็นมาก
น่าสนใจ เนื่องจากเป็นอดีตสปอร์แบคทีเรียนี้ และแสดงความต้านทานที่แข็งแรงเพื่อสภาพแวดล้อม (Nascimento et al.,
2000) ยัง นี้จะยังคงใช้สารสกัดจากพืชผ่านการทดสอบในยาพื้นบ้านจำนวนมาก
ระหว่างทั้งสารสกัดจากพืชที่ทดสอบ R. officinalis ได้แสดงประสิทธิภาพที่โดดเด่นก็พิมพ์ของสารสกัด
ยับยั้งการเติบโตของ P. aueruginosa แบคทีเรียที่ยากจะควบคุมโดยวิธีบำบัด (Lambert, 2002) .
กันข้ามระหว่างกิจกรรมจุลินทรีย์ที่ถูกแสดง โดยการศึกษานี้และบางส่วนศึกษาก่อนหน้าอาจ
เพื่อเหตุผลหลาย รวมทั้งสายพันธุ์จุลินทรีย์ต่าง ๆ สมุนไพร กระบวนการสกัด และความเข้มข้นของสารสกัด และ
จุลินทรีย์ได้
วิธีการแพร่แผ่นดีที่ใช้ในการศึกษานี้พบจะดีกว่าวิธีแพร่ดิสก์ (El Astal et al.,
2005) แม้ว่าสารสกัดดังกล่าวได้แสดงกิจกรรมจุลินทรีย์กับส่วนใหญ่ของสิ่งมีชีวิตการทดสอบที่ใช้ในนี้
ศึกษา มันเป็นความโชคร้ายว่า สารสกัดไม่ผ่านทดสอบ และใช้กับผู้ป่วยที่ทุกข์ทรมานจากโรคพื้นบ้านนำเสนอ
ยา
ทั่วไป จุลินทรีย์ต้านทานต่อยาปฏิชีวนะจะยังคงเป็นที่ถกเถียง และอาจเกิดจากการยกเลิกการเรียกยาปฏิชีวนะโดย
กลายพันธุ์เป้าหมาย การดัดแปลง efflux ปั๊มกลไก และลดการดูดซับของยา และอื่น ๆ ยกเลิกการเรียกเอนไซม์ในระบบ
ปัจจัย บนมืออื่น ๆ กรรมการกส่วนผสมของสารอื่น ๆ มีความสามารถในการยับยั้งกลไกการต้านทาน
ผ่านวิธีต่าง ๆ เช่น: ยับยั้งการสังเคราะห์ดีเอ็นเอ/โปรตีน ยับยั้งการโฟเลตสังเคราะห์และเซลล์ permeability/เซลล์
ผนังยับยั้ง (Premkumar et al., 2010) อย่างไรก็ตาม สารสกัดที่ใช้ในการวิจัยนี้อาจประกอบด้วยส่วนประกอบด้วย
คุณสมบัติจุลินทรีย์ที่สามารถใช้เป็นตัวแทนต้านเชื้อรา และจุลินทรีย์ในยาใหม่ในการรักษาโรค ได้

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

แต่ละของสารสกัดดังกล่าวข้างต้นได้ยับยั้งการเจริญเติบโตของอย่างน้อยหนึ่งกรัมแบคทีเรียบวกหนึ่งกรัมลบ
แบคทีเรียและเชื้อราหนึ่ง (ดังแสดงในตารางที่ 1 ตารางที่ 2 ตารางที่ 3 ตารางที่ 4 และตารางที่ 5) เช่นการค้นพบสะท้อนให้เห็นถึงความสามารถของ
สารสกัดดังกล่าวข้างต้นในการเล่นที่แตกต่างกันกลไกที่จะทำลายเชื้อก่อโรคที่แตกต่างกัน นอกจากนี้จะนำไปสู่การใช้อย่างแพร่หลายของดังกล่าวข้างต้น
พืชในการแพทย์แบบดั้งเดิมกับโรคต่างๆ อย่างไรก็ตามการวิจัยเพิ่มเติมเป็นสิ่งจำเป็นที่จะระบุส่วนผสมที่ใช้งานและ
รูปแบบของการกระทำของพวกเขาในสารสกัดที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้
ยกเว้น T. polium สารสกัดจากการทดสอบทั้งหมดได้แสดงฤทธิ์ต้าน B. subtilis ผลดังกล่าวเป็นอย่างมาก
ที่น่าสนใจเพราะแบคทีเรียนี้เป็นสปอร์ในอดีตและแสดงให้เห็นถึงความแข็งแรงทนทานต่อสภาพแวดล้อม (Nascimento et al.,
2000) นอกจากนี้ผลนี้อยู่ในข้อตกลงที่มีการใช้มากของสารสกัดจากพืชที่ผ่านการทดสอบในการแพทย์พื้นบ้าน
ในทุกสารสกัดจากพืชที่ผ่านการทดสอบ, R. officinalis ได้แสดงให้เห็นประสิทธิภาพการทำงานที่น่าทึ่งที่มันเป็นชนิดเดียวของสารสกัด
ในการยับยั้งการเจริญเติบโตของพี aueruginosa แบคทีเรียที่เป็นเรื่องยากมากที่จะควบคุมด้วยวิธีการรักษาโรค (แลมเบิร์ 2002)
ความขัดแย้งระหว่างกิจกรรมต้านจุลชีพที่ถูกแสดงโดยการศึกษาครั้งนี้และบางส่วนของการศึกษาก่อนหน้านี้อาจเกิดจาก
หลายสาเหตุรวมทั้งสายพันธุ์จุลินทรีย์ที่แตกต่างกันชนิดของ สมุนไพรกระบวนการสกัดและความเข้มข้นของสารสกัดและ
จุลินทรีย์
วิธีการแพร่กระจายแผ่นเดียวที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้พบว่าดีกว่าวิธีการที่แผ่นกระจาย (El Astal et al.,
2005) แม้ว่าสารสกัดดังกล่าวข้างต้นได้แสดงฤทธิ์ยับยั้งการเจริญของสิ่งมีชีวิตมากที่สุดในการทดสอบที่ถูกนำมาใช้ใน
การศึกษามันเป็นโชคร้ายที่สารสกัดที่ไม่ได้ผ่านการทดสอบและนำมาประยุกต์ใช้กับคนป่วยทุกข์ทรมานจากโรคเสนอในพื้นบ้าน
ยา
โดยทั่วไปจุลินทรีย์ ความต้านทานต่อยาปฏิชีวนะยังคงเป็นที่ถกเถียงกันและอาจเกิดจากการใช้งานยาปฏิชีวนะโดยการ
ทำลายหรือหยุดยั้งเป้าหมายการกลายพันธุ์การเปลี่ยนแปลงกลไกปั๊มไหลและลดการดูดซึมของยาปฏิชีวนะและอื่น ๆ
ปัจจัย ในทางตรงกันข้ามส่วนผสมที่ออกฤทธิ์ทางชีวภาพของสารอื่น ๆ ที่มีความสามารถในการยับยั้งกลไกการต้านทาน
ผ่านวิธีการที่แตกต่างกันเช่นการยับยั้งดีเอ็นเอ / การสังเคราะห์โปรตีนยับยั้งการสังเคราะห์โฟเลตและการซึมผ่านเซลล์ / เซลล์
. (Premkumar et al, 2010) การยับยั้งผนัง . แต่สารสกัดที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้อาจจะมีส่วนประกอบที่มี
คุณสมบัติต้านจุลชีพที่สามารถใช้เป็นสารต้านเชื้อราและยาต้านจุลชีพในยาใหม่ในการรักษาโรคติดเชื้อ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ของแต่ละสารสกัดดังกล่าวมีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของอย่างน้อยหนึ่งกรัมบวกแบคทีเรีย หนึ่งกรัมลบ
แบคทีเรียและเชื้อรา ( ดังแสดงใน ตารางที่ 1 ตารางที่ 2 ตาราง 3 ตารางที่ 4 และตารางที่ 5 ) เช่นการค้นหาสะท้อนความสามารถของ
ข้างบนแยกเล่นกลไกที่แตกต่างกันเพื่อทำลายเชื้อโรคต่างๆ นอกจากนี้ยังอธิบายการใช้อย่างแพร่หลายของข้างบน
พืชสมุนไพรกับโรคต่างๆ อย่างไรก็ตาม การวิจัยเพิ่มเติมเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อระบุส่วนผสมของพวกเขาและโหมดของการกระทำใน

สารสกัดที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ยกเว้น ต. polium ทั้งหมดทดสอบสารสกัดได้แสดงฤทธิ์ต้านแบคทีเรียจาก B . subtilis . เช่นผลเป็นอย่างมาก
น่าสนใจเพราะแบคทีเรียนี้เป็นสปอร์และอดีตแสดงความต้านทานที่แข็งแกร่งกับสภาพแวดล้อม ( nascimento et al . ,
2 ) นอกจากนี้ ผลที่ได้นี้ มีความสอดคล้องกับการใช้มากของการทดสอบสารสกัดจากพืชในการแพทย์พื้นบ้าน
ในบรรดาสารสกัดจากพืชทดสอบ R . officinalis ได้แสดงผลงานที่โดดเด่น มันเป็นเพียงชนิดของสารสกัด
เพื่อยับยั้งการเจริญเติบโตของ aueruginosa หน้า ,เป็นแบคทีเรียที่ยากควบคุม ผ่านวิธีการบำบัด ( Lambert , 2002 ) .
ความขัดแย้งระหว่างกิจกรรมต้านจุลชีพที่ถูกแสดงโดยการศึกษานี้และบางส่วนของการศึกษาก่อนหน้านี้อาจจะเนื่องจาก
เหตุผลมากมาย รวมถึงสายพันธุ์ของจุลินทรีย์ที่แตกต่างกัน ชนิดของสมุนไพร กระบวนการแยกและความเข้มข้นของสารสกัดและ

จุลินทรีย์ด้วยแผ่นกระจาย วิธีที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ พบว่ามีมากกว่าแผ่นกระจายวิธี ( เอล
astal et al . , 2005 ) แม้ว่าสารสกัดจากข้างต้นได้แสดงฤทธิ์ต้านจุลชีพต่อสิ่งมีชีวิตส่วนใหญ่ของการทดสอบที่ใช้ในการศึกษานี้
, มันเป็นโชคร้ายที่ไม่ได้ถูกทดสอบและสารสกัดที่ใช้กับผู้ป่วยที่ทุกข์ทรมานจากโรคที่เสนอในการแพทย์พื้นบ้าน

.โดยทั่วไปจุลินทรีย์ความต้านทานต่อยาปฏิชีวนะยังคงเป็นที่ถกเถียงกัน และอาจเป็นเพราะยาปฏิชีวนะใช้
เอนไซม์เมื่อ การกลายเป้าหมาย การดัดแปลง การปั๊มกลไก และลดการดูดซึมของยาปฏิชีวนะ และปัจจัยอื่น ๆ

บนมืออื่น ๆ , สารออกฤทธิ์ทางชีวภาพของสารประกอบอื่น ๆมีความสามารถในการต้านทานกลไก
ผ่านวิธีการที่แตกต่างกันเช่น :ยับยั้งการสังเคราะห์ดีเอ็นเอ / โปรตีนยับยั้งชีวสังเคราะห์และโฟเลตในการซึมผ่านเซลล์ / มือถือ
ผนัง ยับยั้ง premkumar et al . , 2010 ) อย่างไรก็ตาม สารสกัดที่ใช้ในงานวิจัยนี้อาจประกอบด้วยส่วนประกอบกับ
คุณสมบัติต้านเชื้อราที่สามารถใช้เป็นยาต้านจุลชีพในยาใหม่และรักษาโรคติดเชื้อ