Vitamin E was discovered in 1922 by

Vitamin E was discovered in 1922 by Herbert McLean Evans and Katharine Scott Bishop[54] and first isolated in a pure form by Gladys Anderson Emerson in 1935 at the University of California, Berkeley.[55] Erhard Fernholz elucidated its structure in 1938 and shortly afterwards the same year, Paul Karrer and his team first synthesized it.[56]

The first use for vitamin E as a therapeutic agent was conducted in 1938 by Widenbauer, who used wheat germ oil supplement on 17 premature newborn infants suffering from growth failure. Eleven of the original 17 patients recovered and were able to resume normal growth rates.[22]
Vitamin E and atherosclerosis

In 1945, Drs. Evan V. Shute and Wilfred E. Shute, siblings from Ontario, Canada, published the first monograph arguing that megadoses of vitamin E can slow down and even reverse the development of atherosclerosis.[57] Peer-reviewed publications soon followed.[58][59] The same research team also demonstrated, in 1946, that α-tocopherol improved impaired capillary permeability and low platelet counts in experimental and clinical thrombocytopenic purpura.[60]

Later, in 1948, while conducting experiments on alloxan effects on rats, Gyorge and Rose noted rats receiving tocopherol supplements suffered from less hemolysis than those that did not receive tocopherol.[61] In 1949, Gerloczy administered all-rac-α-tocopheryl acetate to prevent and cure edema.[62][63] Methods of administration used were both oral, that showed positive response, and intramuscular, which did not show a response.[22] This early investigative work on the benefits of vitamin E supplementation was the gateway to curing the vitamin E deficiency-caused hemolytic anemia described during the 1960s. Since then, supplementation of infant formulas with vitamin E has eradicated this vitamin’s deficiency as a cause for hemolytic anemia.[22]

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

วิตามินอีพบในค.ศ. 1922 โดยเฮอร์เบิร์ตลาดอีวานส์และแคทารีนสก็อตมุขนายก [54] และก่อน แยกต่างหากในรูปแบบบริสุทธิ์ โดย Gladys แอนเดอร์สันอีเมอร์สันในปี 1935 ที่มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ [55] Erhard Fernholz elucidated โครงสร้างในค.ศ. 1938 และในไม่ช้าหลังจากนั้นปีเดียวกัน Paul Karrer และทีมของเขาครั้งแรกสังเคราะห์มัน [56]แรกใช้สำหรับวิตามินอีเป็นตัวแทนรักษาถูกดำเนินการในค.ศ. 1938 โดย Widenbauer ที่ใช้อาหารเสริมน้ำมันจมูกข้าวสาลี 17 ก่อนวัยทารกทารกทุกข์ทรมานจากความล้มเหลวในการเจริญเติบโต 43 ผู้ป่วย 17 เดิมกู้ และสามารถดำเนินต่อการเจริญเติบโตปกติอัตรา [22]วิตามินอีและหลอดเลือดในปีค.ศ. 1945 ดร.อีแวน V. Shute และการวิลเฟรด E. Shute พี่น้องจากออนตาริโอ ประเทศแคนาดา เผยแพร่ monograph แรกที่โต้เถียงว่า megadoses ของวิตามินอีสามารถชะลอ และย้อนกลับการพัฒนาของหลอดเลือด [57] เพียร์-ทบทวนสิ่งตามมาเร็ว ๆ นี้ [58] [59] ทีมวิจัยเดียวกันยังแสดง ในปี 1946 ที่ permeability ลดเส้นเลือดฝอยดีขึ้นด้วยกองทัพ-tocopherol และนับจำนวนเกล็ดเลือดต่ำในทดลอง และทางคลินิก thrombocytopenic purpura [60]ภายหลัง ใน 1948 ขณะทำการทดลองบนผล alloxan หนู Gyorge และ Rose ตั้งข้อสังเกตหนูที่ได้รับอาหารเสริม tocopherol ที่รับความเดือดร้อนจาก hemolysis น้อยกว่าผู้ที่ไม่ได้รับ tocopherol [61] ใน 1949, Gerloczy จัดการทั้งหมด-rac-ด้วยกองทัพหน่วยสากล acetate ป้องกัน และรักษาอาการบวมน้ำ [62] [63] วิธีการบริหารที่ใช้ได้ทั้งปาก ที่แสดงให้เห็นว่าการตอบรับ และบาดทะยักจาก ซึ่งไม่ได้แสดงการตอบสนอง [22] งานอื่น ๆ นี้ช่วงบนทรงแห้งเสริมวิตามินเป็นเกตเวย์สำหรับบ่มวิตามินอีเกิดจากการขาดเม็ดเลือดแดงแตกโรคโลหิตจางอธิบายไว้ในช่วงปี 1960 หลังจากนั้น แห้งเสริมของทารกสูตรวิตามินอีได้กำจัดการให้หมดขาดวิตามินนี้เป็นสาเหตุโรคโลหิตจางเม็ดเลือดแดงแตก [22]

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

วิตามินอีที่ถูกค้นพบในปี 1922 โดยเฮอร์เบิร์แมคลีนอีแวนส์และแคทเธอรีสกอตต์บิชอป [54] และแยกได้เป็นครั้งแรกในรูปแบบที่บริสุทธิ์โดยเกลดิสแอนเดอเมอร์สันในปี 1935 ที่มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียเบิร์กลีย์. [55] ศูนย์ Fernholz อธิบายโครงสร้างของมันในปี 1938 และไม่นาน หลังจากนั้นในปีเดียวกันพอล KARRER และทีมงานของเขาเป็นครั้งแรกสังเคราะห์มัน. [56] ครั้งแรกที่ใช้สำหรับวิตามินอีเป็นตัวแทนในการรักษาได้ดำเนินการในปี 1938 โดย Widenbauer ที่ใช้อาหารเสริมน้ำมันจมูกข้าวสาลีเมื่อวันที่ 17 ทารกแรกเกิดก่อนวัยอันควรที่ทุกข์ทรมานจากความล้มเหลวในการเจริญเติบโต สิบเอ็ดของเดิม 17 ผู้ป่วยฟื้นตัวและมีความสามารถที่จะกลับมาอัตราการเจริญเติบโตตามปกติ. [22] วิตามินอีและหลอดเลือดในปี 1945 Drs อีวานโวลต์และวิลเฟรด Shute อี Shute พี่น้องจาก Ontario, แคนาดา, เอกสารตีพิมพ์ครั้งแรกเถียงว่า megadoses ของวิตามินอีสามารถชะลอและแม้กระทั่งย้อนกลับการพัฒนาของหลอดเลือด. [57] สิ่งพิมพ์ peer-reviewed เร็ว ๆ นี้ตาม. [58] [59] ทีมวิจัยเดียวกันยังแสดงให้เห็นในปี 1946 ที่αโทโคฟีรอการปรับปรุงการซึมผ่านเส้นเลือดฝอยที่มีความบกพร่องและจำนวนเกล็ดเลือดต่ำจ้ำ thrombocytopenic ทดลองและทางคลินิก. [60] ต่อมาในปี 1948 ในขณะที่การดำเนินการทดลองเกี่ยวกับผลกระทบ alloxan ในหนู Gyorge และโรสตั้งข้อสังเกตหนูที่ได้รับอาหารเสริมโทโคฟีรอรับความเดือดร้อนจากภาวะเม็ดเลือดแดงแตกน้อยกว่าผู้ที่ไม่ได้รับโทโคฟีรอ. [61] ในปี 1949, Gerlóczyยาทั้งหมด RAC-α-tocopheryl acetate การป้องกันและรักษาอาการบวมน้ำ. [62] [63] วิธีการบริหาร ใช้ทั้งสองช่องปากที่แสดงให้เห็นการตอบสนองในเชิงบวกและกล้ามเนื้อซึ่งไม่ได้แสดงการตอบสนอง. [22] งานนี้การสืบสวนในช่วงต้นของผลประโยชน์ของการเสริมวิตามินอีเป็นประตูสู่การบ่มวิตามินโรคโลหิตจาง hemolytic ที่เกิดจากการขาด E ที่อธิบายไว้ในช่วง 1960 ตั้งแต่นั้นมาเสริมสูตรสำหรับทารกที่มีวิตามินอีได้กำจัดการขาดวิตามินนี้เป็นสาเหตุของโรคโลหิตจาง hemolytic. [22]

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

วิตามินถูกค้นพบในปี 1922 โดยเฮอร์เบิร์ต แมกลีนอีแวนส์และแคธรีน สก๊อตบิชอป [ 54 ] และแยกแรกในรูปแบบบริสุทธิ์โดยเกลดิส แอนเดอร์สัน อีเมอร์สันใน 2478 ที่ University of California , Berkeley [ 55 ] Erhard fernholz อธิบายโครงสร้างใน 1938 และหลังจากนั้นในปีเดียวกัน , พอล คาร์เรอร์และทีมงานของเขาครั้งแรกที่สังเคราะห์ได้ [ 56 ]

ครั้งแรกที่ใช้สำหรับวิตามิน อี เป็น ตัวแทนผู้ถูกดำเนินการในปี 1938 โดย widenbauer ที่ใช้ข้าวสาลีจมูกข้าว อาหารเสริมทารกแรกเกิดทารกแรกเกิดทุกข์จากความล้มเหลวก่อนวัย 17 ปี . สิบเอ็ดของเดิม 17 ผู้ป่วยหายและสามารถกลับมาอัตราการเจริญเติบโตปกติ [ 22 ]
วิตามินอีและหลอดเลือด

ในปี 1945 ดร. อีวานวิลเฟรดอี. Shute โวลต์และชูต พี่น้องจาก Ontario , แคนาดาตีพิมพ์ครั้งแรกหนังสือเถียงว่า megadoses วิตามินอีสามารถชะลอตัวลงและแม้กระทั่งย้อนกลับการพัฒนาหลอดเลือด [ 57 ] ตรวจสอบสิ่งพิมพ์เร็วตาม [ 58 ] [ 59 ] เช่นเดียวกัน ทีมวิจัยยังแสดงให้เห็นใน 1946 , แอลฟาโทโคเฟอรอล ที่ซึมผ่านเส้นเลือดฝอยขึ้นและต่ำนับเกล็ดเลือดในคริสต์ศตวรรษที่บกพร่องและทดลองทางคลินิก [ 60 ]

ต่อมาในปี 1948 ,ในขณะที่การทดลองบนเลนส์ใกล้ตาต่อหนู gyorge และกุหลาบไว้หนูที่ได้รับความเดือดร้อนจากการเสริมวิตามินอี น้อยกว่าผู้ที่ไม่ได้รับวิตามินอี [ 61 ] ใน พ.ศ. 2492 gerloczy บริหารงานทั้งหมด RAC - แอลฟาโทโคฟิล ซิเตทช่วยป้องกันและรักษาอาการบวมน้ำ [ 62 ] [ 63 ] วิธีการการบริหารที่ใช้ทั้งปาก ที่แสดงการตอบสนองในเชิงบวกและาร