The idea of the 'Tragedy of the Com

The idea of the 'Tragedy of the Commons' was popularised by Garrett Hardin. He invites us to picture a medieval village pasture that is open to all and to assume that each peasant will try to keep as as possible on this land. Eventually, the many cattle carrying capacity of the land will be reached. However, when confronted with a decision about whether or not to put an extra cow on the common land, the rational self-interested peasant will recognise that, whilst all the benefits of the extra cow accrue to her or him alone the costs the effects of overgrazing will be shared with the other villagers. Thus each villager will keep adding more cows until the common land is destroyed Therein is the tragedy. Each man is locked into a system that compels him to increase his herd without limit in a world that is limited. Ruin is the destination toward which all men rush, each pursuing his own best interest in a society that believes in the freedom of the commons Freedom in a commons brings ruin to all (Hardin 1968: 1244) Hardin uses the common land of a medieval village as a metaphor for contemporary environmental problems to show how private benefit and public interest seem to point in opposite directions This metaphor can be used to analyse contemporary problems such as over fishing and deforestation. ostrom et al. (1999) make a persuasive argument demonstrating that tragedies of the commons are real, but not inevitable (p. 281). See ostrom (1990) for a critical discussion of common property issues

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ความคิดของ "โศกนาฎกรรมของสาธารณสมบัติ' ถูก popularised โดย Hardin การ์ เขาเชิญเรารูปพาสเจอร์หมู่บ้านยุคกลางที่เปิดทั้งหมด และคิดว่า ชาวนาแต่ละจะพยายามให้เป็นที่สุดบนแผ่นดินนี้ ในที่สุด หลายวัวความจุของแผ่นดินจะสามารถเข้าถึง อย่างไรก็ตาม เมื่อเผชิญกับการตัดสินใจวางวัวเป็นพิเศษบนบกทั่วไปหรือไม่ ชาวนาที่ตนเองสนใจเชือดจะรู้ว่า ในขณะที่ผลประโยชน์ทั้งหมดของวัวเสริมรับรู้เธอหรือเขาคนเดียวต้นทุน ผลกระทบของ overgrazing จะใช้ร่วมกับชาวบ้านอื่น ๆ ดังนั้น ชาวบ้านละจะเก็บเพิ่มวัวจนทำลายแผ่นดินทั่วไป Therein เป็นโศกนาฎกรรม แต่ละคนถูกล็อกเข้าสู่ระบบที่ร็อกเขาเพิ่มฝูงของเขา โดยไม่มีขีดจำกัดในโลกที่ถูกจำกัด ทำลายเป็นปลายทางที่ทุกคนวิ่ง แต่ละที่ใฝ่หาของเขาเองสนใจที่สุดในสังคมที่เชื่อในเสรีภาพของประชาเสรีภาพในคอมมอนส์จะทำลายทั้งหมด Hardin (Hardin 1968:1244) ใช้ดินทั่วไปของหมู่บ้านยุคกลางประหนึ่งปัญหาสิ่งแวดล้อมร่วมสมัยเพื่อแสดงว่าประโยชน์และสาธารณประโยชน์ ดูเหมือนจะชี้ในทิศทางตรงกันข้ามเทียบนี้สามารถใช้เพื่อวิเคราะห์ปัญหาร่วมสมัยเช่นไปตกปลา และการทำลายป่า al. ร้อยเอ็ด ostrom (1999) ใจ persuasive อาร์กิวเมนต์เห็นว่า tragedies ประชาเป็นจริง แต่ไม่หลีกเลี่ยง (p. 281) ดู ostrom (1990) สำหรับการสนทนาที่สำคัญของปัญหาคุณสมบัติ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ความคิดของ 'โศกนาฏกรรมของคอมมอนส์' เป็นที่นิยมโดยการ์เร็ตฮาร์ดิน เขาเชิญเราไปถ่ายภาพทุ่งหญ้าหมู่บ้านยุคกลางที่เปิดให้ทุกคนและจะคิดว่าชาวนาแต่ละคนจะพยายามที่จะให้เป็นไปได้บนแผ่นดินนี้ ในที่สุดวัวหลายขีดความสามารถของที่ดินที่จะถึง แต่เมื่อต้องเผชิญกับการตัดสินใจที่เกี่ยวกับหรือไม่ที่จะนำวัวพิเศษในที่ดินร่วมกันเหตุผลชาวนาตัวเองสนใจจะรู้ว่าในขณะที่ผลประโยชน์ทั้งหมดของวัวพิเศษเกิดขึ้นกับเธอหรือเขาคนเดียวค่าใช้จ่ายที่ผลกระทบของ กินหญ้ามากเกินไปจะใช้ร่วมกันกับชาวบ้านคนอื่น ๆ ดังนั้นชาวบ้านแต่ละคนจะเก็บเพิ่มวัวมากขึ้นจนทั่วแผ่นดินจะถูกทำลายในแผ่นดินนั้นเป็นโศกนาฏกรรม แต่ละคนจะถูกล็อคในระบบที่บังคับให้เขาเพิ่มฝูงของเขาโดยไม่มีขีด จำกัด ในโลกที่มี จำกัด ได้ ทำลายเป็นปลายทางที่มีต่อที่ทุกคนรีบเร่งในแต่ละใฝ่หาประโยชน์ที่ดีที่สุดของตัวเองในสังคมที่เชื่อมั่นในเสรีภาพของเสรีภาพสาธารณะในคอมมอนส์นำซากทั้งหมด (ฮาร์ดิน 1968: 1244) ฮาร์ดินใช้ที่ดินร่วมกันของหมู่บ้านในยุคกลาง เป็นอุปมาปัญหาสิ่งแวดล้อมในปัจจุบันแสดงให้เห็นว่าผลประโยชน์ส่วนตัวและผลประโยชน์ของประชาชนดูเหมือนจะชี้ไปในทิศทางตรงข้ามอุปมานี้สามารถใช้ในการวิเคราะห์ปัญหาร่วมสมัยมากกว่าเช่นการประมงและการตัดไม้ทำลายป่า Ostrom et al, (1999) ทำให้ข้อโต้แย้งที่แพร่หลายแสดงให้เห็นว่าโศกนาฏกรรมของคอมมอนส์เป็นจริง แต่ไม่ได้หลีกเลี่ยงไม่ได้ (พี. 281) ดู Ostrom (1990) สำหรับการอภิปรายประเด็นที่สำคัญของทรัพย์สินส่วนกลาง

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ความคิดของ ' โศกนาฏกรรมของสาธารณสมบัติของความนิยมโดย Garrett Hardin . เขาเชิญเราให้ภาพในยุคกลางที่หมุ่บ้านที่เปิดอยู่ทั้งหมดและถือว่าแต่ละชาวนาพยายามจะเก็บเท่าที่เป็นไปได้บนแผ่นดินนี้ ในที่สุด วัวควายหลายแบกความจุของที่ดินจะมาถึง อย่างไรก็ตาม เมื่อเผชิญกับการตัดสินใจเกี่ยวกับหรือไม่ที่จะใส่วัวเสริมบนที่ดินทั่วไป เหตุผลที่ตนเองสนใจชาวนาจะตระหนักว่าในขณะที่ผลประโยชน์ทั้งหมดของวัวที่พิเศษเกิดขึ้นกับเธอหรือเขาคนเดียวค่าใช้จ่ายผลของ overgrazing จะถูกใช้ร่วมกันกับชาวบ้านคนอื่น ดังนั้น ชาวบ้าน ต่างจะให้เพิ่มมากขึ้นจนแผ่นดินวัวทั่วไปทำลายนั้นเป็นโศกนาฏกรรม แต่ละคนถูกขังอยู่ในระบบที่บังคับให้เขาเพิ่มฝูงของเขา โดยไม่มีขีด จำกัด ในโลกที่มีจำกัด ทำลายเป็นปลายทางไปที่ทุกคนเร่งรีบ แต่ละติดตามของตัวเองผลประโยชน์ในสังคมที่เชื่อในเสรีภาพของคอมมอนส์เสรีภาพในคอมมอนส์มาทำลายทั้งหมด ( Hardin 1968 : 1244 ) Hardin ใช้ที่ดินร่วมกันของหมู่บ้านยุคกลางเป็นคำอุปมาสำหรับในปัจจุบันปัญหาสิ่งแวดล้อมที่แสดงให้เห็นว่าผลประโยชน์ส่วนตัวและผลประโยชน์สาธารณะดูเหมือนจะชี้ในทิศทางตรงกันข้ามคำเปรียบเทียบนี้สามารถใช้เพื่อวิเคราะห์ปัญหาร่วมสมัย เช่น ไปตกปลาและการทำลายป่า ที่ตั้ง et al . ( 1999 ) ทำข้อตกลงโน้มน้าว แสดงให้เห็นถึงโศกนาฏกรรมของคอมมอนส์นั้นมีจริง แต่ไม่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ( หน้า 281 ) ดูที่ตั้ง ( 1990 ) สำหรับการวิจารณ์เรื่องทรัพย์สินส่วนกลาง