ประวัติคุณตัน ภาสกรนที เจ้าของโออิชิ กรุ๊ป
ตัน ภาสกรนที หรือที่บรรดาสื่อมวลชนจะถนัดเขียนถึงเขาว่า ตัน โออิชิ
เขา เติบโตมาในครอบครัวที่ยากจน เริ่มต้นสร้างทุกอย่างจากจุดที่เรียกว่า…ศูนย์ ถึงแม้เส้นทางเดินบนถนนสายธุรกิจของเขาในวันนี้อาจจะไม่ยิ่งใหญ่ระดับที่ เรียกว่าเป็นตำนาน”
… หากแต่ว่าเขาเริ่มต้นจากการเป็นพนักงานขายของ แบกของ กินเงินเดือนไม่ถึงพันบาท สู่การบริหารงานธุรกิจระดับพันล้านในเครือโออิชิกรุ๊ป ไม่ว่าจะเป็น สตูดิโอถ่ายภาพแต่งงาน, โออิชิ, โออิชิ กรีนที, ฯลฯ โดยกลยุทธ์ทางธุรกิจของเขาไม่ได้มีปริญญาด้านการตลาดจากสถาบันใดมาการันตี แต่เขาเป็นนักธุรกิจที่เป็นทั้งนักคิด นักถาม นักวางแผน นักการตลาด ที่ประสบความสำเร็จในถนนสายธุรกิจได้อย่างไม่เป็นรองใคร
จากพนักงาน กินเงินเดือนไม่กี่ร้อย จนมีอาณาจักรภายใต้แบรนด์โออิชิ สู่ความเป็นมหาชน ตัน ภาสกรนที บอกว่า…จุดเริ่มต้นของเขา คือจุดที่ใคร ๆ ก็เริ่มต้นได้ ที่ผ่านมาเพิ่งมีกรณีข่าวเกี่ยวกับเครื่องดื่มโออิชิ กรีนทีที่ลูกค้าดื่มแล้วมีปัญหา เขาสรุปออกมาว่าชาเขียวที่มีปัญหาที่ลูกค้าซื้อไปเป็นกรดเกลือ ซึ่งเป็นกรดเกลือที่ในวงการอุตสาหกรรมอาหารไม่มีใครใช้ กระทรวงสาธารณสุขและ อย. เขาเข้าไป ตรวจแล้วไม่ได้อยู่ที่การผลิต แต่ทั้งหมดนี้เราคงไม่กล่าวโทษใคร เพราะเราไม่มีหลักฐาน และมันต้องใจเขาใจเรา
มีคำพูดว่าใน ‘วิกฤต’ บางทีก็มี ‘โอกาส’
ครับ ผมมองในแง่ดีว่าการมีวิกฤตทำให้เราได้เห็นว่าเรามีลูกค้าเยอะแค่ไหน มีคนเข้ามาให้กำลังใจเยอะ ผมรับโทรศัพท์แทบจะไม่ไหว รับทั้งต่างประเทศ ต่างจังหวัด มีเจ้าของสินค้าที่เคยเจอวิกฤตแบบนี้โทร.มาให้กำลังใจ ให้คำแนะนำ เขาเคยเจอเหมือนกันนะเมื่อปีนี้ ๆ เขาโทร.มาว่า เคยเจอปัญหาคล้าย ๆ กัน แต่ผมหนักกว่าตรงที่สื่อสมัยนี้เร็ว หนังสือพิมพ์ลงแค่หนึ่งฉบับ ทีวี 3,5,7,9 อ่านครบทุกช่องเลย แล้วลงติดต่อกัน 3-4 วัน ถึงแม้อ่านหัวข่าวแล้วปรากฏว่าข้างในไม่มีอะไร บางทีอ่านแค่หัวข่าว ข้างในข่าวไม่ได้อ่าน แต่ทุกคนตกใจไปหมดแล้ว
กว่า ที่คุณตันจะมาถึงจุดที่มีธุรกิจเป็นพันล้านแบบนี้ ชีวิตเริ่มจากศูนย์ พอเรียนจบมศ.3 อายุ 17 ปี ผมตัดสินใจออกมาทำงานเลย ผมเป็นคนเรียนหนังสือไม่เก่ง และมีจิตใจอยากเป็นนักธุรกิจ ตอนเด็ก ๆ เห็นคนทำงานแล้วอยากไปทำ เวลาปิดเทอมผมจะไปทำงานช่วยเสิร์ฟบะหมี่ ไปช่วยเขาลวกบะหมี่ ไปขายเฉาก๊วย เลี้ยงไก่ยังเคยเลย มีญาติของเพื่อนเขาเลี้ยงไก่ เราก็ขอไปดูไปช่วย ชอบทำงาน มีความสุข ในการทำงาน ไม่เคยคิดว่าเหนื่อย ทำได้เรื่อย ๆ
ย้อนวัยเ็ด็ก “ตัน โออิชิ”
ในวัย 17 ปี ก็ค่อนข้างคิดต่างจากวัยรุ่นทั่วไปแล้ว ซึ่งวัยเท่านี้ส่วนใหญ่กำลังเที่ยวเล่นเลยนะคะ
ผมเป็นคนรูปไม่หล่อ พ่อไม่รวย เรียนไม่เก่ง ถ้าผมยังทำตัวเที่ยวเล่น วันนี้ผมก็แย่สิ สิ่งเดียวที่ผมมีคือต้องตั้งใจทำงานให้ดีกว่าคนอื่น…ตอนผมอายุ 17 ปี ผมรู้สึกว่าสู้เพื่อนไม่ได้ แพ้เพื่อนเด็ดขาดเลย ผมบอกเพื่อนว่า ผมไม่เรียนแล้ว ผมจะออกไปทำธุรกิจ อีก 10 ปีข้างหน้า ผมจะมาพบเพื่อน ๆ ใหม่ 10 ปียังไม่สาย เหมือนหนังจีนไหม ดูหนังมากไปหน่อย (ยิ้ม) แต่เป็นอย่างนั้นจริง ๆ พออีก 10 ปี ผมกลับไปหาเพื่อน ๆ ที่สนิทกัน เพื่อนที่ผมรู้สึกว่าตอนนั้นเราสู้เขาไม่ได้ เราเป็นบ๊วยอยู่คนเดียวกลับไปก็ยังสู้เขาไม่ได้อยู่นะ (หัวเราะ) บางคนเขามีธุรกิจใหญ่กว่าผม แต่ว่าผมดีกว่าเดิมเยอะ วันที่ผมกลับไป ผมไม่ใช่ที่หนึ่งแต่ผมไม่ได้บ๊วยแล้ว ผมมีธุรกิจเป็นของตัวเอง แต่อย่างน้อยถ้าวันนั้นผมไม่สู้ ผมไม่มีวันนี้
การที่ต้องทำมากกว่า คนอื่น ทำให้คุณตันผ่านการทำงานมาหลายอย่าง
การที่ไม่มีความรู้ทำให้ผม ต้องทำทุกอย่าง ช่วงแรก ๆ ผมใช้แรงงานเป็นหลัก เป็นพนักงานแบกของ ส่งของ ผมไม่ได้ทำเพื่อเงินอย่างเดียว ทำเพราะถือว่าทำมากได้ประสบการณ์มาก
ผม เริ่มต้นการทำงานด้วยเงินเดือน 700 บาท ทำงานส่งของ แบกของมาเรื่อย ๆ จนมีโอกาสได้เป็นพนักงานขาย…พอผมออกจากการเป็นพนักงาน ธุรกิจแรกที่ผมเริ่มเอง คือแผงขายหนังสือพิมพ์ ช่วงแรก ๆ เหนื่อย เพราะเราแลกด้วยเหงื่อ เราไม่มีทุน พอออกมาเปิดแผงขายหนังสือ ผมนำเงินไปซื้อหนังสือรอบแรก หมดตัวตั้งแต่ 5 หมื่นแรกเลย เพราะฝนตกหนังสือเปียกน้ำทั้งหมด เจ๊งตั้งแต่วันที่ยังไม่เปิดร้าน แต่ผมไม่ยอมแพ้ เอาใหม่ ผมอยู่ได้ด้วยการทำงานมากกว่าคนอื่น ร้านขายหนังสือซ้ายขวาขายหนังสือน้อยกว่าผมเยอะ เขาขาย 8 ชั่วโมง ผมขาย 18 ชั่วโมง เขาตื่น 7 โมงเช้า แต่ตี 5 ผมตื่นมาขายแล้ว คุณปิด 2 ทุ่ม ผมปิดตี 2 ปิดแค่ 3 ชั่วโมง ลูกค้ามาผมก็ขาย ลูกค้าไม่มาผมเดินไปหาลูกค้า…หนทางเดียวที่จะประสบความสำเร็จผมต้องทำงาน ให้มากกว่าคนอื่น เพราะความสำเร็จไม่ได้หล่นลงมาจากฟ้าแล้วเราออกไปเก็บได้
เพราะ ทำมากกว่าคนอื่น ทำให้เป็นเจ้าของธุรกิจได้เร็ว
ผมเขยิบมาเปิดร้าน กิ๊ฟช็อป ร้านกาแฟ ร้านอาหาร แล้วก็มาทำธุรกิจเรียลเอสเตท…กำลังจะมีเงิน 100-200 ล้านบาท พอรัฐบาลประกาศค่าเงินบาทลอยตัว กลายเป็นผมมีหนี้ร้อยกว่าล้าน ตายตอนปี 2539 แต่ผมพยายามแก้ปัญหา ผมมีทั้งหนี้ธนาคารและหนี้นอกระบบ ค่อย ๆ แก้วิกฤต เจรจาประนอมหนี้ ค่อย ๆ ใช้หนี้ไป ผมเริ่มต้นใหม่ ผมว่าทุก ๆ ช่วงของชีวิตเหมือนฟ้าทดสอบเรา หรือถ้าพูดอีกแบบชีวิตมันมีวิกฤตอยู่ ว่าแต่จะเจอตอนไหน แล้วคุณจะยอมแพ้หรือเปล่า
ตอนเปิดโออิชิสาขาแรกคุณตันก็ยังทำงานอยู่ เบื้องหลัง
ตอนเปิดโออิชิวันแรกผมซ่อมก๊อกน้ำอยู่ในห้องน้ำ จะเห็นว่า 2-3 ปีแรกผมไม่เคยออกข่าว เป็นคนที่ดูแลงานเบื้องหลังมากกว่า คุณสรยุทธ สุทัศนะจินดา เขาเล่าให้ฟังว่า เจอผมครั้งแรกเห็นผมใส่ขาสั้นเช็ดโต๊ะอยู่ในร้าน ตอนนี้ไม่มี เวลาไปทำแล้ว ถึงไปทำก็ไม่มีประโยชน์เพราะมีคนทำอยู่แล้ว แต่ผมต้องพร้อมที่จะทำได้ เราบอกว่าห้องน้ำเหม็นใช่ไหม เราชี้ให้คนอื่นทำ ถ้าเรายังรู้สึกรังเกียจ เราจะไปเรียกให้คนอื่นทำไม่ได้หรอก ถ้าเรากล้าที่จะล้างห้องน้ำ ไม่มีใครไม่กล้าไม่ทำหรอก สมัยก่อนผมจะทำบ่อย แต่เดี๋ยวนี้ไม่จำเป็นต้องทำ แต่ผมพร้อมจะทำ ผมทำให้ได้
ทุกวันนี้ยังเสียเหงื่อกับการทำงาน เหมือนเมื่อ 20 ปี ที่แล้วไหมคะ
ต่างกันครับ สมัยก่อนผมทำเอง มีลูกน้องไม่กี่คนแต่เดี๋ยวนี้เป็นมหาชน มีการบริหารที่เป็นระบบ มีการแบ่งหน้าที่ชัดเจน ผมยังต้องทำงานอยู่ แต่ว่าหน้าที่บางอย่างไม่ต้องทำแล้ว เดี๋ยวนี้ทำงานเป็นทีมมากขึ้น ทำงานแบบ
ประวัติคุณตัน ภาสกรนที เจ้าของโออิชิ กรุ๊ป
ตัน ภาสกรนที หรือที่บรรดาสื่อมวลชนจะถนัดเขียนถึงเขาว่า ตัน โออิชิ
เขา เติบโตมาในครอบครัวที่ยากจน เริ่มต้นสร้างทุกอย่างจากจุดที่เรียกว่า…ศูนย์ ถึงแม้เส้นทางเดินบนถนนสายธุรกิจของเขาในวันนี้อาจจะไม่ยิ่งใหญ่ระดับที่ เรียกว่าเป็นตำนาน”
… หากแต่ว่าเขาเริ่มต้นจากการเป็นพนักงานขายของ แบกของ กินเงินเดือนไม่ถึงพันบาท สู่การบริหารงานธุรกิจระดับพันล้านในเครือโออิชิกรุ๊ป ไม่ว่าจะเป็น สตูดิโอถ่ายภาพแต่งงาน, โออิชิ, โออิชิ กรีนที, ฯลฯ โดยกลยุทธ์ทางธุรกิจของเขาไม่ได้มีปริญญาด้านการตลาดจากสถาบันใดมาการันตี แต่เขาเป็นนักธุรกิจที่เป็นทั้งนักคิด นักถาม นักวางแผน นักการตลาด ที่ประสบความสำเร็จในถนนสายธุรกิจได้อย่างไม่เป็นรองใคร
จากพนักงาน กินเงินเดือนไม่กี่ร้อย จนมีอาณาจักรภายใต้แบรนด์โออิชิ สู่ความเป็นมหาชน ตัน ภาสกรนที บอกว่า…จุดเริ่มต้นของเขา คือจุดที่ใคร ๆ ก็เริ่มต้นได้ ที่ผ่านมาเพิ่งมีกรณีข่าวเกี่ยวกับเครื่องดื่มโออิชิ กรีนทีที่ลูกค้าดื่มแล้วมีปัญหา เขาสรุปออกมาว่าชาเขียวที่มีปัญหาที่ลูกค้าซื้อไปเป็นกรดเกลือ ซึ่งเป็นกรดเกลือที่ในวงการอุตสาหกรรมอาหารไม่มีใครใช้ กระทรวงสาธารณสุขและ อย. เขาเข้าไป ตรวจแล้วไม่ได้อยู่ที่การผลิต แต่ทั้งหมดนี้เราคงไม่กล่าวโทษใคร เพราะเราไม่มีหลักฐาน และมันต้องใจเขาใจเรา
มีคำพูดว่าใน ‘วิกฤต’ บางทีก็มี ‘โอกาส’
ครับ ผมมองในแง่ดีว่าการมีวิกฤตทำให้เราได้เห็นว่าเรามีลูกค้าเยอะแค่ไหน มีคนเข้ามาให้กำลังใจเยอะ ผมรับโทรศัพท์แทบจะไม่ไหว รับทั้งต่างประเทศ ต่างจังหวัด มีเจ้าของสินค้าที่เคยเจอวิกฤตแบบนี้โทร.มาให้กำลังใจ ให้คำแนะนำ เขาเคยเจอเหมือนกันนะเมื่อปีนี้ ๆ เขาโทร.มาว่า เคยเจอปัญหาคล้าย ๆ กัน แต่ผมหนักกว่าตรงที่สื่อสมัยนี้เร็ว หนังสือพิมพ์ลงแค่หนึ่งฉบับ ทีวี 3,5,7,9 อ่านครบทุกช่องเลย แล้วลงติดต่อกัน 3-4 วัน ถึงแม้อ่านหัวข่าวแล้วปรากฏว่าข้างในไม่มีอะไร บางทีอ่านแค่หัวข่าว ข้างในข่าวไม่ได้อ่าน แต่ทุกคนตกใจไปหมดแล้ว
กว่า ที่คุณตันจะมาถึงจุดที่มีธุรกิจเป็นพันล้านแบบนี้ ชีวิตเริ่มจากศูนย์ พอเรียนจบมศ.3 อายุ 17 ปี ผมตัดสินใจออกมาทำงานเลย ผมเป็นคนเรียนหนังสือไม่เก่ง และมีจิตใจอยากเป็นนักธุรกิจ ตอนเด็ก ๆ เห็นคนทำงานแล้วอยากไปทำ เวลาปิดเทอมผมจะไปทำงานช่วยเสิร์ฟบะหมี่ ไปช่วยเขาลวกบะหมี่ ไปขายเฉาก๊วย เลี้ยงไก่ยังเคยเลย มีญาติของเพื่อนเขาเลี้ยงไก่ เราก็ขอไปดูไปช่วย ชอบทำงาน มีความสุข ในการทำงาน ไม่เคยคิดว่าเหนื่อย ทำได้เรื่อย ๆ
ย้อนวัยเ็ด็ก “ตัน โออิชิ”
ในวัย 17 ปี ก็ค่อนข้างคิดต่างจากวัยรุ่นทั่วไปแล้ว ซึ่งวัยเท่านี้ส่วนใหญ่กำลังเที่ยวเล่นเลยนะคะ
ผมเป็นคนรูปไม่หล่อ พ่อไม่รวย เรียนไม่เก่ง ถ้าผมยังทำตัวเที่ยวเล่น วันนี้ผมก็แย่สิ สิ่งเดียวที่ผมมีคือต้องตั้งใจทำงานให้ดีกว่าคนอื่น…ตอนผมอายุ 17 ปี ผมรู้สึกว่าสู้เพื่อนไม่ได้ แพ้เพื่อนเด็ดขาดเลย ผมบอกเพื่อนว่า ผมไม่เรียนแล้ว ผมจะออกไปทำธุรกิจ อีก 10 ปีข้างหน้า ผมจะมาพบเพื่อน ๆ ใหม่ 10 ปียังไม่สาย เหมือนหนังจีนไหม ดูหนังมากไปหน่อย (ยิ้ม) แต่เป็นอย่างนั้นจริง ๆ พออีก 10 ปี ผมกลับไปหาเพื่อน ๆ ที่สนิทกัน เพื่อนที่ผมรู้สึกว่าตอนนั้นเราสู้เขาไม่ได้ เราเป็นบ๊วยอยู่คนเดียวกลับไปก็ยังสู้เขาไม่ได้อยู่นะ (หัวเราะ) บางคนเขามีธุรกิจใหญ่กว่าผม แต่ว่าผมดีกว่าเดิมเยอะ วันที่ผมกลับไป ผมไม่ใช่ที่หนึ่งแต่ผมไม่ได้บ๊วยแล้ว ผมมีธุรกิจเป็นของตัวเอง แต่อย่างน้อยถ้าวันนั้นผมไม่สู้ ผมไม่มีวันนี้
การที่ต้องทำมากกว่า คนอื่น ทำให้คุณตันผ่านการทำงานมาหลายอย่าง
การที่ไม่มีความรู้ทำให้ผม ต้องทำทุกอย่าง ช่วงแรก ๆ ผมใช้แรงงานเป็นหลัก เป็นพนักงานแบกของ ส่งของ ผมไม่ได้ทำเพื่อเงินอย่างเดียว ทำเพราะถือว่าทำมากได้ประสบการณ์มาก
ผม เริ่มต้นการทำงานด้วยเงินเดือน 700 บาท ทำงานส่งของ แบกของมาเรื่อย ๆ จนมีโอกาสได้เป็นพนักงานขาย…พอผมออกจากการเป็นพนักงาน ธุรกิจแรกที่ผมเริ่มเอง คือแผงขายหนังสือพิมพ์ ช่วงแรก ๆ เหนื่อย เพราะเราแลกด้วยเหงื่อ เราไม่มีทุน พอออกมาเปิดแผงขายหนังสือ ผมนำเงินไปซื้อหนังสือรอบแรก หมดตัวตั้งแต่ 5 หมื่นแรกเลย เพราะฝนตกหนังสือเปียกน้ำทั้งหมด เจ๊งตั้งแต่วันที่ยังไม่เปิดร้าน แต่ผมไม่ยอมแพ้ เอาใหม่ ผมอยู่ได้ด้วยการทำงานมากกว่าคนอื่น ร้านขายหนังสือซ้ายขวาขายหนังสือน้อยกว่าผมเยอะ เขาขาย 8 ชั่วโมง ผมขาย 18 ชั่วโมง เขาตื่น 7 โมงเช้า แต่ตี 5 ผมตื่นมาขายแล้ว คุณปิด 2 ทุ่ม ผมปิดตี 2 ปิดแค่ 3 ชั่วโมง ลูกค้ามาผมก็ขาย ลูกค้าไม่มาผมเดินไปหาลูกค้า…หนทางเดียวที่จะประสบความสำเร็จผมต้องทำงาน ให้มากกว่าคนอื่น เพราะความสำเร็จไม่ได้หล่นลงมาจากฟ้าแล้วเราออกไปเก็บได้
เพราะ ทำมากกว่าคนอื่น ทำให้เป็นเจ้าของธุรกิจได้เร็ว
ผมเขยิบมาเปิดร้าน กิ๊ฟช็อป ร้านกาแฟ ร้านอาหาร แล้วก็มาทำธุรกิจเรียลเอสเตท…กำลังจะมีเงิน 100-200 ล้านบาท พอรัฐบาลประกาศค่าเงินบาทลอยตัว กลายเป็นผมมีหนี้ร้อยกว่าล้าน ตายตอนปี 2539 แต่ผมพยายามแก้ปัญหา ผมมีทั้งหนี้ธนาคารและหนี้นอกระบบ ค่อย ๆ แก้วิกฤต เจรจาประนอมหนี้ ค่อย ๆ ใช้หนี้ไป ผมเริ่มต้นใหม่ ผมว่าทุก ๆ ช่วงของชีวิตเหมือนฟ้าทดสอบเรา หรือถ้าพูดอีกแบบชีวิตมันมีวิกฤตอยู่ ว่าแต่จะเจอตอนไหน แล้วคุณจะยอมแพ้หรือเปล่า
ตอนเปิดโออิชิสาขาแรกคุณตันก็ยังทำงานอยู่ เบื้องหลัง
ตอนเปิดโออิชิวันแรกผมซ่อมก๊อกน้ำอยู่ในห้องน้ำ จะเห็นว่า 2-3 ปีแรกผมไม่เคยออกข่าว เป็นคนที่ดูแลงานเบื้องหลังมากกว่า คุณสรยุทธ สุทัศนะจินดา เขาเล่าให้ฟังว่า เจอผมครั้งแรกเห็นผมใส่ขาสั้นเช็ดโต๊ะอยู่ในร้าน ตอนนี้ไม่มี เวลาไปทำแล้ว ถึงไปทำก็ไม่มีประโยชน์เพราะมีคนทำอยู่แล้ว แต่ผมต้องพร้อมที่จะทำได้ เราบอกว่าห้องน้ำเหม็นใช่ไหม เราชี้ให้คนอื่นทำ ถ้าเรายังรู้สึกรังเกียจ เราจะไปเรียกให้คนอื่นทำไม่ได้หรอก ถ้าเรากล้าที่จะล้างห้องน้ำ ไม่มีใครไม่กล้าไม่ทำหรอก สมัยก่อนผมจะทำบ่อย แต่เดี๋ยวนี้ไม่จำเป็นต้องทำ แต่ผมพร้อมจะทำ ผมทำให้ได้
ทุกวันนี้ยังเสียเหงื่อกับการทำงาน เหมือนเมื่อ 20 ปี ที่แล้วไหมคะ
ต่างกันครับ สมัยก่อนผมทำเอง มีลูกน้องไม่กี่คนแต่เดี๋ยวนี้เป็นมหาชน มีการบริหารที่เป็นระบบ มีการแบ่งหน้าที่ชัดเจน ผมยังต้องทำงานอยู่ แต่ว่าหน้าที่บางอย่างไม่ต้องทำแล้ว เดี๋ยวนี้ทำงานเป็นทีมมากขึ้น ทำงานแบบ
การแปล กรุณารอสักครู่..
ประวัติคุณตันภาสกรนทีเจ้าของโออิชิกรุ๊ป
ตันภาสกรนทีหรือที่บรรดาสื่อมวลชนจะถนัดเขียนถึงเขาว่าตันโออิชิ
เขาเติบโตมาในครอบครัวที่ยากจนเริ่มต้นสร้างทุกอย่างจากจุดที่เรียกว่าศูนย์ถึงแม้เส้นทางเดินบนถนนสายธุรกิจของเขาในวันนี้อาจจะไม่ยิ่งใหญ่ระดับที่เรียกว่าเป็นตำนาน "
. . . . . . .. . . . . . . หากแต่ว่าเขาเริ่มต้นจากการเป็นพนักงานขายของแบกของกินเงินเดือนไม่ถึงพันบาทสู่การบริหารงานธุรกิจระดับพันล้านในเครือโออิชิกรุ๊ปไม่ว่าจะเป็นสตูดิโอถ่ายภาพแต่งงานโออิชิโออิชิกรีนที , , ,ฯลฯโดยกลยุทธ์ทางธุรกิจของเขาไม่ได้มีปริญญาด้านการตลาดจากสถาบันใดมาการันตีแต่เขาเป็นนักธุรกิจที่เป็นทั้งนักคิดนักถามนักวางแผนนักการตลาดที่ประสบความสำเร็จในถนนสายธุรกิจได้อย่างไม่เป็นรองใคร
จากพนักงานกินเงินเดือนไม่กี่ร้อยจนมีอาณาจักรภายใต้แบรนด์โออิชิสู่ความเป็นมหาชนตันภาสกรนทีบอกว่าจุดเริ่มต้นของเขาคือจุดที่ใครก็เริ่มต้นได้ที่ผ่านมาเพิ่งมีกรณีข่าวเกี่ยวกับเครื่องดื่มโออิชิจะ . . . . . . .เขาสรุปออกมาว่าชาเขียวที่มีปัญหาที่ลูกค้าซื้อไปเป็นกรดเกลือซึ่งเป็นกรดเกลือที่ในวงการอุตสาหกรรมอาหารไม่มีใครใช้กระทรวงสาธารณสุขและอย .เขาเข้าไปตรวจแล้วไม่ได้อยู่ที่การผลิตแต่ทั้งหมดนี้เราคงไม่กล่าวโทษใครเพราะเราไม่มีหลักฐานและมันต้องใจเขาใจเรา
มีคำพูดว่าใน ' วิกฤตบางทีก็มีโอกาส '
' 'ครับผมมองในแง่ดีว่าการมีวิกฤตทำให้เราได้เห็นว่าเรามีลูกค้าเยอะแค่ไหนมีคนเข้ามาให้กำลังใจเยอะผมรับโทรศัพท์แทบจะไม่ไหวรับทั้งต่างประเทศต่างจังหวัดมีเจ้าของสินค้าที่เคยเจอวิกฤตแบบนี้โทร .มาให้กำลังใจให้คำแนะนำเขาเคยเจอเหมือนกันนะเมื่อปีนี้จะเขาโทร . มาว่าเคยเจอปัญหาคล้ายจะแต่ผมหนักกว่าตรงที่สื่อสมัยนี้เร็วหนังสือพิมพ์ลงแค่หนึ่งฉบับทีวี 3,5,7 ' ,9 อ่านครบทุกช่องเลยแล้วลงติดต่อกัน 3-4 ได้รับเลือกตั้งผ่านกระบวนการประชาธิปไตยของพม่าถึงแม้อ่านหัวข่าวแล้วปรากฏว่าข้างในไม่มีอะไรบางทีอ่านแค่หัวข่าวข้างในข่าวไม่ได้อ่านแต่ทุกคนตกใจไปหมดแล้ว
กว่าที่คุณตันจะมาถึงจุดที่มีธุรกิจเป็นพันล้านแบบนี้ชีวิตเริ่มจากศูนย์พอเรียนจบมศ .3 . Place of Birth 17 ผมตัดสินใจออกมาทำงานเลยผมเป็นคนเรียนหนังสือไม่เก่งและมีจิตใจอยากเป็นนักธุรกิจตอนเด็กจะเห็นคนทำงานแล้วอยากไปทำเวลาปิดเทอมผมจะไปทำงานช่วยเสิร์ฟบะหมี่ไปช่วยเขาลวกบะหมี่ไปขายเฉาก๊วยมีญาติของเพื่อนเขาเลี้ยงไก่เราก็ขอไปดูไปช่วยชอบทำงานมีความสุขในการทำงานไม่เคยคิดว่าเหนื่อยจะทำได้เรื่อย
ย้อนวัยเ็ด็ก " ตันโออิชิ "
ก็ค่อนข้างคิดต่างจากวัยรุ่นทั่วไปแล้วซึ่งวัยเท่านี้ส่วนใหญ่กำลังเที่ยวเล่นเลยนะคะในวัย 17 .ผมเป็นคนรูปไม่หล่อพ่อไม่รวยเรียนไม่เก่งถ้าผมยังทำตัวเที่ยวเล่นวันนี้ผมก็แย่สิสิ่งเดียวที่ผมมีคือต้องตั้งใจทำงานให้ดีกว่าคนอื่นตอนผมอายุผมรู้สึกว่าสู้เพื่อนไม่ได้แพ้เพื่อนเด็ดขาดเลย 17 . . . . . . . .ผมไม่เรียนแล้วผมจะออกไปทำธุรกิจอีก 10 have shown ผมจะมาพบเพื่อน Obama 10 ปียังไม่สายจะเหมือนหนังจีนไหมดูหนังมากไปหน่อย ( ยิ้ม ) แต่เป็นอย่างนั้นจริงจะพออีก 10 ผมกลับไปหาเพื่อนจะที่สนิทกัน .เราเป็นบ๊วยอยู่คนเดียวกลับไปก็ยังสู้เขาไม่ได้อยู่นะ ( หัวเราะ ) บางคนเขามีธุรกิจใหญ่กว่าผมแต่ว่าผมดีกว่าเดิมเยอะวันที่ผมกลับไปผมไม่ใช่ที่หนึ่งแต่ผมไม่ได้บ๊วยแล้วผมมีธุรกิจเป็นของตัวเองผมไม่มีวันนี้
การที่ต้องทำมากกว่าคนอื่นทำให้คุณตันผ่านการทำงานมาหลายอย่าง
การที่ไม่มีความรู้ทำให้ผมต้องทำทุกอย่างช่วงแรกจะผมใช้แรงงานเป็นหลักเป็นพนักงานแบกของส่งของผมไม่ได้ทำเพื่อเงินอย่างเดียวทำเพราะถือว่าทำมากได้ประสบการณ์มาก
ผมเริ่มต้นการทำงานด้วยเงินเดือน 700 บาททำงานส่งของแบกของมาเรื่อยจนมีโอกาสได้เป็นพนักงานขายจะ . . . . . . . พอผมออกจากการเป็นพนักงานธุรกิจแรกที่ผมเริ่มเองคือแผงขายหนังสือพิมพ์ช่วงแรกจะเหนื่อยเพราะเราแลกด้วยเหงื่อพอออกมาเปิดแผงขายหนังสือผมนำเงินไปซื้อหนังสือรอบแรกหมดตัวตั้งแต่ 5 หมื่นแรกเลยเพราะฝนตกหนังสือเปียกน้ำทั้งหมดเจ๊งตั้งแต่วันที่ยังไม่เปิดร้านแต่ผมไม่ยอมแพ้เอาใหม่ผมอยู่ได้ด้วยการทำงานมากกว่าคนอื่นเขาขาย 8 ชั่วโมงผมขาย 18 ชั่วโมงเขาตื่น 7 โมงเช้าแต่ตี 5 ผมตื่นมาขายแล้วคุณปิด 2 ทุ่มผมปิดตี 2 ปิดแค่ 3 ชั่วโมงลูกค้ามาผมก็ขายหนทางเดียวที่จะประสบความสำเร็จผมต้องทำงานลูกค้าไม่มาผมเดินไปหาลูกค้า . . . . . . .เพราะความสำเร็จไม่ได้หล่นลงมาจากฟ้าแล้วเราออกไปเก็บได้
เพราะทำมากกว่าคนอื่นทำให้เป็นเจ้าของธุรกิจได้เร็ว
ผมเขยิบมาเปิดร้านกิ๊ฟช็อปร้านกาแฟร้านอาหารแล้วก็มาทำธุรกิจเรียลเอสเตท . . . . . . . กำลังจะมีเงิน 100-200 ล้านบาทพอรัฐบาลประกาศค่าเงินบาทลอยตัวกลายเป็นผมมีหนี้ร้อยกว่าล้านตายตอนปี 2539 แต่ผมพยายามแก้ปัญหาค่อยจะแก้วิกฤตเจรจาประนอมหนี้ค่อยจะใช้หนี้ไปผมเริ่มต้นใหม่ผมว่าทุกจะช่วงของชีวิตเหมือนฟ้าทดสอบเราหรือถ้าพูดอีกแบบชีวิตมันมีวิกฤตอยู่ว่าแต่จะเจอตอนไหนแล้วคุณจะยอมแพ้หรือเปล่า
ตอนเปิดโออิชิสาขาแรกคุณตันก็ยังทำงานอยู่เบื้องหลัง
ตอนเปิดโออิชิวันแรกผมซ่อมก๊อกน้ำอยู่ในห้องน้ำจะเห็นว่า 2-3 ปีแรกผมไม่เคยออกข่าวเป็นคนที่ดูแลงานเบื้องหลังมากกว่าคุณสรยุทธสุทัศนะจินดาเขาเล่าให้ฟังว่าเจอผมครั้งแรกเห็นผมใส่ขาสั้นเช็ดโต๊ะอยู่ในร้านเวลาไปทำแล้วถึงไปทำก็ไม่มีประโยชน์เพราะมีคนทำอยู่แล้วแต่ผมต้องพร้อมที่จะทำได้เราบอกว่าห้องน้ำเหม็นใช่ไหมเราชี้ให้คนอื่นทำถ้าเรายังรู้สึกรังเกียจเราจะไปเรียกให้คนอื่นทำไม่ได้หรอกไม่มีใครไม่กล้าไม่ทำหรอกสมัยก่อนผมจะทำบ่อยแต่เดี๋ยวนี้ไม่จำเป็นต้องทำแต่ผมพร้อมจะทำผมทำให้ได้
ทุกวันนี้ยังเสียเหงื่อกับการทำงานเหมือนเมื่อ 20 ที่แล้วไหมคะ
.ต่างกันครับสมัยก่อนผมทำเองมีลูกน้องไม่กี่คนแต่เดี๋ยวนี้เป็นมหาชนมีการบริหารที่เป็นระบบมีการแบ่งหน้าที่ชัดเจนผมยังต้องทำงานอยู่แต่ว่าหน้าที่บางอย่างไม่ต้องทำแล้วเดี๋ยวนี้ทำงานเป็นทีมมากขึ้นทำงานแบบ
การแปล กรุณารอสักครู่..