ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีแม่ลูกยากจนคู่หนึ่ง ตั้งบ้านเรือนอยู่ที่ชายทุ่ง มีอาชีพทำนา ลูกชายเจริญวัยรุ่นหนุ่ม ได้ช่วยแม่ทำนาและประกอบสัมมาชีพต่าง ๆ เลี้ยงดูมารดาซึ่งชราภาพมากแล้ว ลูกชายเป็นคนขยันขันแข็งในการงาน พยายามที่จะกอบกู้ฐานะของครอบครัว ในฤดูทำนาลูกชายก็ออกไปไถนาตั้งแต่เช้าตามปกติทุกวัน ส่วนแม่เฒ่าก็เตรียมข้าวปลาอาหารไปส่งลูก ที่ท้องนาทุกวัน
อยู่มาวันหนึ่ง ลูกชายก็ออกไปไถนาตามปกติ ส่วนแม่เฒ่าตื่นสายไปหน่อยจึงเตรียมข้าวปลาอาหารช้ากว่าทุกวัน ลูกชายไถนาอยู่ในนารู้สึกหิวข้าว แม่ก็ยังไม่มาส่งข้าวเหมือนทุกวัน ลูกชายก็ได้แต่คอยด้วยความหิว ก็ยังไม่เห็นแม่มาซักที ครั้นเมื่อแม่เฒ่ามาถึงพร้อมกับก่องข้าวที่เคยใส่อาหารมา ด้วยความหิวลูกชายรู้สึกว่าก่องข้าวเล็กนิดเดียว คงไม่พอกิน จึงเกิดโทสะที่คิดว่าแม่นำข้าวมาเพียงนิดหน่อยไม่พอกิน แม่ช่างไม่เห็นใจที่ตนพยายามทำงานเพื่อกอบกู้ฐานะของครอบครัว ทั้งความหิวและความโกรธจนลืมตัว หยิบได้ไม้ท่อนหนึ่งตีแม่ แล้วจึงกินข้าวจนอิ่มแต่ข้าวยังไม่หมดก่อง จึงหวนคิดว่าตนหิวจนตาลาย ได้กระทำร้ายมารดาไปเสียแล้ว รู้สึกเสียใจที่ตนเองได้ทำร้ายแม่จนถึงขั้นมาตุฆาต และได้เข้ามอบตัวสารภาพผิดต่อเจ้าเมือง และขอบวชเพื่อไถ่บาป เจ้าเมืองก็อนุญาต เมื่อบวชก็ได้ปฏิบัติเคร่งครัดในวินัย จนชาวบ้านตลอดจนเจ้าเมืองเลื่อมใสมาก จึงถวายไม่กวาดลานวัดทำด้วยด้ามทองคำ ภายหลังจึงเรียกชื่อหมู่บ้านนั้นว่า “บ้านตาดทอง” พระภิกษุรูปนี้ได้เจริญศีลภาวนาเป็นที่เลื่อมใสของคนทั่วไปทั้งประชาชนที่อยู่หมู่บ้านอื่น ๆ ท่านได้ตั้งจิตที่จะสร้างพระธาตุเจดีย์ สูงชั่วลำตาล จนสำเร็จบริบูรณ์ เรียกว่า “พระธาตุก่องข้าวน้อย” สืบมาจนทุกวันนี้