this song is about taking love for

this song is about taking love for granted, and then losing that love. They had "too much" love and "too much" time, so they figured that "tomorrow was promised" when it wasn't. It's like the philosophy that one should live like they're dying--they don't know what will happen tomorrow, so they should live life to the fullest.

It seems like this song is about someone who had too much time, took it for granted, and now has regrets, possibly because his love is gone.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เพลงนี้เกี่ยวกับการได้รับความรักและการสูญเสียแล้วความรักที่ พวกเขามี "มากเกินไป" ความรักและ "มากเกินไปเวลา" ดังนั้นพวกเขาจึงคิดว่า "พรุ่งนี้เป็นสัญญา" เมื่อมันไม่ได้ มันก็เหมือนปรัชญาที่ว่าควรใช้ชีวิตเหมือนพวกเขากำลังจะตาย - พวกเขาไม่ได้รู้ว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้เพื่อให้พวกเขาควรจะมีชีวิตอยู่อย่างเต็มที่

ดูเหมือนว่าเพลงนี้เกี่ยวกับคนที่มีเวลามากเกินไปเอามันให้ได้รับและตอนนี้มีความเสียใจอาจจะเป็นเพราะความรักของเขาจะหายไป

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เพลงนี้เกี่ยวกับความรักการให้ และสูญเสียความรักนั้นแล้ว ได้ พวกเขามีความรัก "มากเกินไป" และ "เกิน" เวลา ดังนั้นพวกเขาคิดว่า "พรุ่งนี้มีสัญญา" เมื่อมันไม่ได้ มันเป็นเหมือนปรัชญาหนึ่งควรสดเหมือนพวกเขากำลังตาย - พวกเขาไม่รู้อะไรจะเกิดขึ้นพรุ่งนี้ ดังนั้นพวกเขาควรใช้ชีวิตอย่างเต็มอยู่แล้ว

เหมือนว่าเพลงนี้จะเกี่ยวกับคนที่มีเวลามากเกินไป เอาสิทธิ์สำหรับ และตอนนี้ มี regrets อาจ เพราะความรักของเขาได้หายไป

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เพลงนี้จะให้ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ความรักเป็นได้รับแล้วจะสูญเสียความรักที่ พวกเขาได้"มากเกินไป"ความรักและ"มากเกินไป"เวลาดังนั้นพวกเขาจึงคิดว่า"พรุ่งนี้สัญญาว่าจะเป็น"เมื่อไม่ได้ มันจะเป็นเหมือนกับปรัชญาที่ว่าคนเราควรจะมีชีวิตอย่างที่กำลังจะตายก็ไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้จึงจะมีโอกาสใช้ชีวิตอย่างเต็มที่

มันดูเหมือนจะเป็นเพลงนี้จะให้ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลที่จะมีเวลามากเกินไปก็เป็นได้รับและในตอนนี้ได้รู้สึกเสียใจว่าอาจเป็นไปได้ว่าเป็นความรักของเขาได้หายไปแล้ว