Cinnamon essential oil (EO) exhibit

Cinnamon essential oil (EO) exhibited effective antibacterial activity against foodborne spoilage and pathogenic bacteria in model systems using Escherichia coli and Staphylococcus. The minimum inhibition concentration (MIC) of cinnamon EO was similar for both bacteria (1.0 mg/ml) while the minimum bactericide concentration (MBC) were 4.0 mg/ml and 2.0 mg/ml for E. coli and Staphylococcus aureus. GC–MS analysis confirmed that cinnamaldehyde was the major constituent in cinnamon EO (92.40%). Much effort was focused on elucidating the mechanism of antibacterial action of cinnamon EO against E. coli and S. aureus by observing the changes of cell microstructure using scanning electron microscope, determination of cell permeability, membrane integrity and membrane potential. After adding cinnamon EO at MIC level, there were obvious changes in the morphology of bacteria cells indicating cell damage. When cinnamon EO were added at MBC levels, the cells were destroyed. Cinnamon EO led to leakage of small electrolytes, causing rapid increase in the electric conductivity of samples at the first few hours. The values for E. coli and S. aureus reached 60% and 79.4% respectively at 7 h. Moreover, the concentration of proteins and nucleic acids in cell suspension also rose with increased cinnamon EO. Bacterial metabolic activity was decreased 3–5 folds as reflected by the results of membrane potential. Overall, S. aureus was more susceptible to cinnamon EO than E. coli.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

น้ำมันอบเชย (อีโอ) จัดแสดงกิจกรรมมีประสิทธิภาพต้านเชื้อแบคทีเรีย foodborne เน่าเสียและแบคทีเรีย pathogenic Escherichia coli และ Staphylococcus ระบบจำลอง ความเข้มข้นยับยั้งการต่ำสุด (MIC) ของอีโอซินนามอนคล้ายแบคทีเรีย (1.0 mg/ml) ขณะที่ความเข้มข้นต่ำสุดของ bactericide (ช่อง MBC) 4.0 mg/ml และ 2.0 mg/ml สำหรับ E. coli และ Staphylococcus หมอเทศข้างลาย วิเคราะห์ GC – MS ยืนยัน cinnamaldehyde ที่ถูกวิภาคหลักในอีโอซินนามอน (92.40%) ความพยายามมากที่เน้น elucidating กลไกการดำเนินการต้านเชื้อแบคทีเรียของอีโอซินนามอนกับหมอเทศข้างลาย E. coli และ s ได้โดยสังเกตการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ต่อโครงสร้างจุลภาคโดยใช้กล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนการสแกน กำหนด permeability ของเซลล์ ความสมบูรณ์ของเยื่อ และศักยภาพเมมเบรน หลังจากเพิ่มอีโอซินนามอนระดับ MIC มีการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนในสัณฐานวิทยาของเซลล์แบคทีเรียที่บ่งชี้ว่า ความเสียหายของเซลล์ เมื่อมีเพิ่มอีโอซินนามอนระดับช่อง MBC เซลล์ที่ถูกทำลาย อีโอซินนามอนที่นำไปสู่การรั่วของไลต์เล็ก เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในการนำไฟฟ้าของตัวอย่างที่สองหรือสามชั่วโมงแรก ค่าสำหรับ E. coli และ S. หมอเทศข้างลายถึง 60% และ 79.4% ตามลำดับที่ 7 h ยิ่งไปกว่านั้น ความเข้มข้นของโปรตีนและกรดนิวคลีอิกในเซลล์ระงับยังกุหลาบ มีอีโอซินนามอนเพิ่มขึ้น กิจกรรมเผาผลาญแบคทีเรียถูกพับลดลง 3-5 เท่า โดยผลลัพธ์ของศักยภาพเมมเบรน โดยรวม หมอเทศข้างลาย S. อ่อนแอมากขึ้นไปอีโอซินนาม่อนกว่า E. coli

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

อบเชยน้ำมันหอมระเหย (EO) แสดงฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียที่มีประสิทธิภาพต่อการเน่าเสียที่เกิดจากอาหารและแบคทีเรียที่ทำให้เกิดโรคในระบบโดยใช้รูปแบบอีโคและ Staphylococcus ความเข้มข้นต่ำสุดที่ยับยั้ง (MIC) ของอบเชย EO เป็นที่คล้ายกันสำหรับทั้งเชื้อแบคทีเรีย (1.0 mg / ml) ในขณะที่ความเข้มข้นต่ำสุด bactericide (MBC) เป็น 4.0 mg / ml และ 2.0 mg / ml สำหรับเชื้อ E. coli และ Staphylococcus aureus การวิเคราะห์ GC-MS ยืนยันว่า cinnamaldehyde เป็นส่วนประกอบที่สำคัญในอบเชย EO (92.40%) ความพยายามมากกำลังจดจ่ออยู่กับแจ่มชัดกลไกการออกฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียของอบเชย EO กับเชื้อ E. coli และ S. aureus โดยการสังเกตการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างจุลภาคมือถือโดยใช้กล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนสแกนมุ่งมั่นของการซึมผ่านเซลล์เมมเบรนสมบูรณ์และศักยภาพของเมมเบรน หลังจากที่เพิ่มอบเชย EO ในระดับ MIC มีการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดในลักษณะทางสัณฐานวิทยาของเซลล์แบคทีเรียแสดงให้เห็นความเสียหายของเซลล์ เมื่ออบเชย EO ถูกเพิ่มในระดับ MBC เซลล์ถูกทำลาย อบเชย EO นำไปสู่​​การรั่วไหลของอิเล็กโทรไลเล็ก ๆ ที่ก่อให้เกิดการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในการนำไฟฟ้าของกลุ่มตัวอย่างที่ไม่กี่ชั่วโมงแรก ค่าสำหรับเชื้อ E. coli และ S. aureus ถึง 60% และ 79.4% ตามลำดับที่ 7 ชั่วโมง นอกจากนี้ความเข้มข้นของโปรตีนและกรดนิวคลีอิกในเซลล์แขวนลอยก็เพิ่มขึ้นด้วยอบเชย EO เพิ่มขึ้น กิจกรรมการเผาผลาญแบคทีเรียลดลง 3-5 เท่าที่สะท้อนจากผลของการที่มีศักยภาพเมมเบรน โดยรวม, เชื้อ S. aureus เป็นอ่อนแอมากขึ้นเพื่ออบเชย EO กว่าเชื้อ E. coli

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

อบเชยน้ำมันหอมระเหย ( EO ) แสดงผลต้านฤทธิ์ต่อเชื้อแบคทีเรียก่อโรคอาหารเป็นพิษในการเน่าเสียและแบบใช้ระบบ Escherichia coli และ Staphylococcus . ความเข้มข้นต่ำสุดที่ยับยั้ง ( MIC ) ของอบเชย EO คล้ายกัน ทั้งแบคทีเรีย ( 1.0 มิลลิกรัมต่อมิลลิลิตร ) ในขณะที่ความเข้มข้น bactericide ขั้นต่ำ ( MBC ) 4.0 มก. / มล. และ 2.0 มก. / มล. ใน E . coli และ Staphylococcus aureus .GC - นางสาวการวิเคราะห์ยืนยันว่าซินนามาลดีไฮด์เป็นองค์ประกอบหลักในอบเชย EO ( 92.40 % ) ความพยายามมากจึงมุ่งเน้นในการศึกษากลไกการออกฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียของ EO อบเชยกับเชื้ออีโคไลและ aureus S โดยสังเกตการเปลี่ยนแปลงของเซลล์โครงสร้างจุลภาคโดยใช้กล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนแบบส่องกราด การหาค่าการซึมผ่านเซลล์ ความสมบูรณ์ของศักยภาพเยื่อเมมเบรนหลังจากเพิ่มอบเชย EO ระดับไมค์ มีการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดในลักษณะของแบคทีเรีย เซลล์ ซึ่งเซลล์ที่เสียหาย เมื่ออบเชย EO เพิ่มในรูประดับ เซลล์ที่ถูกทำลาย อบเชย EO นำไปสู่การรั่วไหลของไลท์ขนาดเล็ก ก่อให้เกิดการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในค่าการนำไฟฟ้าของตัวอย่างที่ไม่กี่ชั่วโมงก่อน ค่าสำหรับเชื้ออีโคไลและ S . aureus ถึง 60% และ 794 ตามลำดับ 7 ชั่วโมง และความเข้มข้นของโปรตีนและกรดนิวคลีอิกในเซลล์แขวนลอยเพิ่มขึ้นกับการเพิ่มขึ้นของอบเชยออ . กิจกรรมสลายแบคทีเรียลดลง 3 - 5 เท่า สะท้อนจากผลที่อาจเกิดขึ้นของเยื่อแผ่น โดยรวม , S . aureus เป็นอ่อนแอมากขึ้นเพื่ออบเชย EO มากกว่าเชื้อ อีโคไล