Latex has outstanding elastic prope

Latex has outstanding elastic properties: Its tensile strength exceeds 30 MPa, and latex condoms may be stretched in excess of 800% before breaking.[64] In 1990 the ISO set standards for condom production (ISO 4074, Natural latex rubber condoms), and the EU followed suit with its CEN standard (Directive 93/42/EEC concerning medical devices). Every latex condom is tested for holes with an electric current. If the condom passes, it is rolled and packaged. In addition, a portion of each batch of condoms is subject to water leak and air burst testing.[16]

While the advantages of latex have made it the most popular condom material, it does have some drawbacks. Latex condoms are damaged when used with oil-based substances as lubricants, such as petroleum jelly, cooking oil, baby oil, mineral oil, skin lotions, suntan lotions, cold creams, butter or margarine.[65] Contact with oil makes latex condoms more likely to break or slip off due to loss of elasticity caused by the oils.[31] Additionally, latex allergy precludes use of latex condoms and is one of the principal reasons for the use of other materials. In May 2009 the U.S. Food and Drug Administration granted approval for the production of condoms composed of Vytex,[66] latex that has been treated to remove 90% of the proteins responsible for allergic reactions.[67] An allergen-free condom made of synthetic latex (polyisoprene) is also available.[68]

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ยางมีคุณสมบัติยืดหยุ่นที่โดดเด่น: ตัวแรงเกิน 30 MPa และน้ำยางถุงยางอนามัยอาจยืดเกิน 800% ก่อนแบ่ง [64] ในปี 1990 ISO กำหนดมาตรฐานสำหรับการผลิตถุงยางอนามัย (ISO 4074 ถุงยางอนามัยน้ำยางธรรมชาติ), และ EU ตามเหมาะกับ CEN ของมาตรฐาน (Directive 93/42/EEC เกี่ยวกับอุปกรณ์ทางการแพทย์) มีทดสอบน้ำยางถุงยางอนามัยทุกหลุมกับกระแสไฟฟ้า ถ้าถุงยางอนามัยผ่าน รีด และบรรจุ ในส่วนของแต่ละชุดของถุงยางอนามัยคือการรั่วไหลของน้ำและอากาศระเบิดทดสอบ [16]ในขณะที่ข้อดีของยางทำเป็นวัสดุถุงยางนิยมมากที่สุด มันมีข้อจำกัดบางอย่าง ถุงยางอนามัยยางเสียหายเมื่อใช้กับสารที่ใช้น้ำมันเป็นสารหล่อลื่น เช่นปิโตรเลียมเจลลี่ น้ำมัน น้ำมันทารก น้ำมัน โลชั่นผิว โลชั่นกันแดด ครีมเย็น เนย หรือมาการีนในการทำอาหาร [65] ติดต่อกับน้ำมันทำให้ถุงยางอนามัยยางโน้มแบ่งการส่งออกเนื่องจากสูญเสียความยืดหยุ่นที่เกิดจากน้ำมันหอมระเหย [31] นอกจากนี้ แพ้ที่ไม่สามารถใช้น้ำยางถุงยางอนามัย และเป็นหนึ่งในเหตุผลหลักสำหรับการใช้วัสดุอื่น ๆ 2552 พฤษภาคมสหรัฐอเมริกาอาหารและยาได้รับอนุมัติสำหรับการผลิตถุงยางอนามัยประกอบด้วย Vytex ยาง [66] ที่ผ่านการเอา 90% ของโปรตีนที่รับผิดชอบต่อปฏิกิริยาการแพ้ [67] นอกจากนี้ยังมีถุงยางอนามัยปลอดสารก่อภูมิแพ้ที่ทำจากยางสังเคราะห์ (polyisoprene) อีกด้วย [68]

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

น้ำยางมีคุณสมบัติยืดหยุ่นที่โดดเด่น:. ความต้านทานแรงดึงสูงกว่า 30 เมกะปาสคาลและถุงยางอนามัยน้ำยางอาจจะยืดในส่วนที่เกิน 800% ก่อนที่จะหมด [64] ในปี 1990 กำหนดมาตรฐาน ISO สำหรับการผลิตถุงยางอนามัย (ISO 4074, น้ำยางธรรมชาติถุงยางอนามัย) และ สหภาพยุโรปตามเหมาะสมกับมาตรฐานของ CEN (Directive 93/42 / EEC เกี่ยวกับอุปกรณ์ทางการแพทย์) ถุงยางอนามัยน้ำยางทุกการทดสอบหลุมด้วยกระแสไฟฟ้า หากถุงยางอนามัยผ่านไปมันจะรีดและบรรจุ นอกจากนี้ยังเป็นส่วนหนึ่งของชุดของถุงยางอนามัยแต่ละอาจมีการรั่วไหลของน้ำและการทดสอบระเบิดอากาศ. [16] ในขณะที่ข้อดีของน้ำยางได้ทำให้มันเป็นวัสดุถุงยางที่นิยมมากที่สุดก็จะมีข้อบกพร่องบางอย่าง ถุงยางอนามัยน้ำยางได้รับความเสียหายเมื่อใช้ร่วมกับสารน้ำมันที่ใช้เป็นสารหล่อลื่นเช่นปิโตรเลียมเจลลี่, น้ำมันปรุงอาหาร, น้ำมันทารกน้ำมันแร่, โลชั่นผิว, โลชั่นกันแดด, ครีมเย็นเนยหรือมาการีน. [65] ติดต่อกับน้ำมันทำให้ถุงยางอนามัยน้ำยาง มีแนวโน้มที่จะทำลายหรือหลุดออกเนื่องจากการสูญเสียความยืดหยุ่นที่เกิดจากน้ำมัน. [31] นอกจากนี้แพ้ยางป้องกันการใช้ถุงยางอนามัยน้ำยางข้นและเป็นหนึ่งในเหตุผลหลักสำหรับการใช้วัสดุอื่น ๆ ในเดือนพฤษภาคม 2009 สหรัฐอเมริกาอาหารและยาได้รับการอนุมัติสำหรับการผลิตถุงยางอนามัยประกอบด้วยยี่ห้อ Vytex ที่ [66] น้ำยางที่ได้รับการรักษาที่จะเอา 90% ของโปรตีนที่รับผิดชอบในการเกิดอาการแพ้. [67] เป็นถุงยางอนามัยสารก่อภูมิแพ้ฟรีที่ทำจาก น้ำยางสังเคราะห์ (polyisoprene) นอกจากนี้ยังมี. [68]