Angkor Wat is the prime example of

Angkor Wat is the prime example of the classical style of Khmer architecture—the Angkor Wat style—to which it has given its name. By the 12th century Khmer architects had become skilled and confident in the use of sandstone (rather than brick or laterite) as the main building material. Most of the visible areas are of sandstone blocks, while laterite was used for the outer wall and for hidden structural parts. The binding agent used to join the blocks is yet to be identified, although natural resins or slaked lime has been suggested.[35]

The temple has drawn praise above all for the harmony of its design. According to Maurice Glaize, a mid-20th-century conservator of Angkor, the temple "attains a classic perfection by the restrained monumentality of its finely balanced elements and the precise arrangement of its proportions. It is a work of power, unity and style."[36]


Aerial view of Angkor Wat
Architecturally, the elements characteristic of the style include: the ogival, redented towers shaped like lotus buds; half-galleries to broaden passageways; axial galleries connecting enclosures; and the cruciform terraces which appear along the main axis of the temple. Typical decorative elements are devatas (or apsaras), bas-reliefs, and on pediments extensive garlands and narrative scenes. The statuary of Angkor Wat is considered conservative, being more static and less graceful than earlier work.[37] Other elements of the design have been destroyed by looting and the passage of time, including gilded stucco on the towers, gilding on some figures on the bas-reliefs, and wooden ceiling panels and doors.[38]

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

นครวัดเป็นตัวอย่างสำคัญของสไตล์คลาสสิกของสถาปัตยกรรมเขมร — แบบนครวัด — เพื่อที่จะได้ให้ชื่อ โดยศตวรรษที่ 12 เขมร สถาปนิกได้กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญ และมั่นใจในการใช้งานของหินทราย (มากกว่าอิฐ หรือศิลาแลง) เป็นหลักวัสดุก่อสร้าง ส่วนใหญ่บริเวณที่มองเห็นเป็นของบล็อกหินทราย ในขณะที่ใช้ศิลาแลง สำหรับผนังภายนอก และชิ้นส่วนโครงสร้างที่ซ่อนอยู่ ตัวแทนการผูกที่ใช้เข้าร่วมบล็อกจะยังระบุ แม้ว่าเรซิ่นธรรมชาติหรือปูนแนะนำ [35]วัดมีลากสรรเสริญข้างต้นทั้งหมดสำหรับความสามัคคีของการออกแบบ มอริส Glaize ระบายความร้อนกลางศตวรรษที่ 20 เป็นของอังกอร์ วัด "รบความสมบูรณ์แบบคลาสสิก โดย monumentality ชิมขององค์เว้าและจัดสัดส่วนความแม่นยำตาม มันเป็นการทำงานของพลังงาน ความสามัคคี และสไตล์" [36]ภาพมุมสูงของนครวัดแขก องค์ประกอบลักษณะของสไตล์รวม: ogival, redented อาคารรูปร่างคล้ายดอกบัวตูม แกลลอรี่ครึ่งช่วยขยายทางเดิน แกลลอรี่แกนเชื่อมต่อเปลือก และระเบียงโครงซึ่งปรากฏตามแนวแกนหลักของวัด องค์ประกอบตกแต่งทั่วไปคือ devatas (หรืออัปสรา), นูนต่ำ และมาลัยครอบ pediments และบรรยายฉาก Statuary นครวัดถือเป็นอนุรักษ์นิยม คงมากขึ้น และสง่างามน้อยกว่างานก่อนหน้านี้ [37] องค์ประกอบของการออกแบบได้ถูกทำลายไป โดยการปล้นและกาลเวลา รวมทั้งปูนปั้นลงรักปิดทองบนทาวเวอร์ ปิดทองบนบางตัวเลขนูน ต่ำ แผ่นเพดานไม้ และประตู [38]

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

นครวัดเป็นตัวอย่างที่สำคัญของสไตล์คลาสสิกของเขมรสถาปัตยกรรมสไตล์นครวัดซึ่งจะได้ให้ชื่อของมัน โดยศตวรรษที่ 12 สถาปนิกเขมรได้กลายเป็นที่มีทักษะและมีความมั่นใจในการใช้งานของหินทราย (แทนที่จะอิฐหรือศิลาแลง) เป็นวัสดุก่อสร้างหลัก พื้นที่ส่วนใหญ่ที่มองเห็นเป็นของบล็อกหินทรายศิลาแลงในขณะที่ใช้สำหรับผนังด้านนอกและชิ้นส่วนโครงสร้างที่ซ่อนอยู่ ตัวแทนที่มีผลผูกพันใช้ในการเข้าร่วมบล็อกก็ยังไม่ได้ระบุถึงแม้ว่าเรซินธรรมชาติหรือปูนขาวได้รับการแนะนำ. [35]

วัดได้รับความสรรเสริญเหนือทั้งหมดสำหรับความสามัคคีในการออกแบบ ตามที่มอริซ Glaize เป็นนักอนุรักษ์ที่ 20 ในช่วงกลางศตวรรษของนครวัด "บรรลุความสมบูรณ์แบบคลาสสิกโดยยับยั้งประวัติศาสตร์ขององค์ประกอบที่สมดุลอย่างประณีตและการจัดเรียงที่แม่นยำของสัดส่วน. มันเป็นงานของอำนาจความสามัคคีและความมีสไตล์ "[36]


อากาศดูนครวัด
สถาปัตยกรรมองค์ประกอบลักษณะของรูปแบบรวม: สออาคาร redented รูปร่างเหมือนดอกบัวตูม; ครึ่งแกลเลอรี่ที่จะขยายทางเดิน; แกลเลอรี่แกนเชื่อมต่อเปลือก; และระเบียงไม้กางเขนที่ปรากฏตามแกนหลักของวัด องค์ประกอบตกแต่งทั่วไปเป็น devatas (หรืออัปสรา), Bas-สรรและหน้าบันมาลัยกว้างขวางและการบรรยายฉาก รูปปั้นของนครวัดถือว่าเป็นอนุรักษ์นิยมเป็นแบบคงที่มากขึ้นและสง่างามน้อยกว่าทำงานก่อนหน้านี้. [37] องค์ประกอบอื่น ๆ ของการออกแบบที่ได้รับการทำลายโดยการปล้นสะดมและเนื้อเรื่องของเวลารวมทั้งปูนปั้นลงรักปิดทองบนหอคอยปิดทองกับตัวเลขบางอย่างเกี่ยวกับรูปปั้นสีสรรและแผงเพดานไม้และประตู. [38]