5.1 ทรัพยากรป่าชายเลน
- ป่าชายเลน บริเวณชายฝั่งทะเลที่มีดินโคลน และน้ำทะเลท่วมถึง จังหวัดระนองซึ่งอยู่ติดกับ ทะเลอันดามัน ชายฝั่งมีน้ำทะเลท่วมถึง ทำให้เกิดสภาพป่าอีกชนิดหนึ่งเรียกว่า ป่าชายเลน เป็นป่าที่มีสภาพทางนิเวศวิทยาที่สำคัญมาก เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำวัยอ่อน พบมากบริเวณปากน้ำคลองละอุ่น ริมฝั่งลำน้ำกระบุรีด้านเขาหินช้าง และบริเวณหมู่เกาะหน้าปากน้ำละอุ่น สามารถจำแนกออกได้เป็นป่าชายเลนบริเวณลนเหลว ซึ่งบริเวณนี้ช่วงน้ำทะเลขึ้นจะท่วมถึงทุกวัน มีดินเลนเหลวและลึก ชนิดพันธุ์ไม้ที่ปรากฏจะขึ้นอยู่ที่สำคัญ ได้แก่ แสมดา แสมขาว แสมทะเล และมีโกงกางใบเล็กขึ้นปะปนเล็กน้อย และป่าเลนค่อนข้างแน่น อยู่ระหว่างป่าชายเลนที่ดินเลนเหลวกับป่าชายหาด พันธุ์ไม้ที่ขึ้นค่อนข้างหนาแน่น ได้แก่ โปร่งแดง โปรงขาว และโกงกางใบเล็ก พังกาหัวสุม ถั่วดา ถั่วขาว ตะบูนขาว และตะบูนดา สำหรับในบริเวณป่าชายเลนใกล้ทะเล ซึ่งได้รับอิทธิพลของลม และคลื่นโดยตรงจะพบไม้ลาแพน แสมขาว และ โปรงแดง เพิ่มขึ้นอีก ป่าชายเลนของจังหวัดระนองได้รับการรับรองจากองค์การยูเนสโก โดยการประกาศให้เป็น พื้นที่สงวนชีวมณฑลของโลก ( Ranong Biosphere Reserve ) เมื่อปี 2550 ซึ่งมีความสำคัญในแง่มีความหลากหลายทางชีวภาพสูงและยังถือเป็นแหล่งผลิตอาหารที่สำคัญของท้องถิ่นด้วยข้อมูลจากการแปลภาพถ่ายดาวเทียมกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช พ.ศ. 2557 พบว่า พื้นที่ป่าชายเลนจังหวัดระนอง 250.9 ตารางกิโลเมตร คิดเป็นร้อยละ 0.076 ของพื้นที่ทั้งหมดของจังหวัด
- ปัญหาทรัพยากรป่าไม้ที่พบมากในปัจจุบัน ได้แก่ การบุกรุกแผ้วถางป่าเพื่อปลูกพืชเศรษฐกิจ ได้แก่ ยางพารา ปาล์มน้ำมัน รวมทั้งพื้นที่ป่าชายเลนเพื่อการประกอบอาชีพ
5.2 ทรัพยากรแร่
ในอดีตจังหวัดระนองเป็นแหล่งผลิตแร่ดีบุกที่สำคัญแหล่งหนึ่งของประเทศไทย ต่อมาเมื่อแร่ดีบุกมีราคาต่ำลง เหมืองแร่ดีบุกจึงปิดตัวลงเป็นจานวนมาก แล้วหันมาผลิตแร่ดินขาวแทน โดยมีแร่ดีบุกเป็นแร่พลอยได้ จังหวัดระนองมีทรัพยากรแร่และหินจานวน 4 ชนิด คือ ดีบุก ดินขาว หินปูน และทรายแก้ว ปัจจุบันในจังหวัดระนองมีประทานบัตรทาเหมืองแร่รวมทั้งสิ้น 7 แปลง เนื้อที่รวม 407 ไร่ 2 งาน 80 ตารางวา ซึ่งทั้งหมดเป็นแร่ดินขาว ทรัพยากรแร่ในจังหวัดสามารถกำหนดขอบเขตเป็นพื้นที่แหล่งแร่ได้ 3 ชนิด คือ หินปูน ดีบุก ดินขาว มีเนื้อที่รวมกันประมาณ 456 ตารางกิโลเมตร และจำแนกตามลักษณะการใช้ประโยชน์ได้เป็น 3 กลุ่ม คือ
1) กลุ่มแร่เพื่อการพัฒนาสาธารณูปโภคพื้นฐาน และโครงการขนาดใหญ่ของรัฐ ได้แก่ หินปูนเพื่ออุตสาหกรรมก่อสร้าง และหินปูนที่ยังจำแนกประเภทไม่ได้เนื่องจากไม่มีผลวิเคราะห์ทางเคมี
2) กลุ่มแร่เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม แบ่งเป็น 2 กลุ่มย่อย คือ กลุ่มแร่โลหะ ได้แก่ ดีบุก และกลุ่มแร่อุตสาหกรรม ได้แก่ ดินขาว และหินปูนเพื่ออุตสาหกรรมอื่นๆ
3) กลุ่มแร่เพื่อการเกษตร ได้แก่ โดโลไมต์