The rover encounters the San Andrea

The rover encounters the San Andreas Fault that rips through the heart of California joining the North American plate to the Pacific plate. What puzzles scientists is why the northern and southern parts lock as the two plates slide past each other, building up strain before catastrophically releasing it to produce powerful quakes while the central part moves steadily, producing smaller ‘creeping’ earthquakes. A new discovery may hold the answer. In September 2007, scientists drilling a borehole through the creeping section of the fault recover over 130 feet (40 meters) of rock core. USGS mineralogist Diane Moore examines the core and discovers talc, a watery mineral of magnesium, silicon and oxygen, within chunks of serpentenite, a crustal rock found at the surface of tectonic plate boundaries. Talc has a layered structure that makes it weak. Moore subjects a sample to high pressures and temperatures of up to 570 degrees Fahrenheit (300 C) to mimic conditions in the fault zone. Moore discovers the talc becomes weaker, leading her to conclude its existence could explain the weakness of the fault and its creeping motion. Scientists are now considering the implications of this for earthquakes worldwide….

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

โรเวอร์ที่พบข้อบกพร่องของ Andreas ซานที่ rips ผ่านแห่งแคลิฟอร์เนียรวมเหนือแผ่นอเมริกากับแผ่นแปซิฟิก สิ่งปริศนานักวิทยาศาสตร์คือทำไมภาคเหนือ และภาคใต้ส่วนล็อคเป็นแผ่นสองภาพนิ่งผ่านกัน สร้างขึ้นต้องใช้ก่อน catastrophically ปล่อยมันจะสร้างแผ่นดินไหวที่มีประสิทธิภาพในขณะที่ส่วนกลางอย่างต่อเนื่อง ย้ายการผลิตเกิดแผ่นดินไหวขนาดเล็ก 'เชื่อ' ค้นพบใหม่อาจค้างคำตอบ กันยายน 2550 เจาะหลุมเจาะผ่านส่วนเชื่อข้อบกพร่องนักวิทยาศาสตร์กู้คืนกว่า 130 ฟุต (40 เมตร) ของหลักหิน USGS mineralogist ไดแอนมัวร์หลักการตรวจสอบ และพบแป้ง แร่น้ำแมกนีเซียม ซิลิคอน และ ออกซิเจน ภายในก้อนของ serpentenite ร็อค crustal ที่พบที่ผิวของขอบแผ่นธรณี แป้งมีโครงสร้างชั้นที่ทำให้อ่อนแอ มัวร์หัวข้อตัวอย่างความดันสูงและอุณหภูมิสูงสุด 570 องศาฟาเรนไฮต์ (C 300) เพื่อเลียนแบบสภาพโซนบกพร่อง มัวร์พบแป้งจะแกร่ง นำเธอสรุปมีความสามารถอธิบายจุดอ่อนข้อบกพร่องและการเคลื่อนไหวเชื่อ นักวิทยาศาสตร์กำลังขณะนี้พิจารณาผลกระทบของการเกิดแผ่นดินไหวทั่วโลก...

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

รถแลนด์โรเวอร์พบ San Andreas Fault ที่ฉีกผ่านหัวใจของแคลิฟอร์เนียเข้าร่วมแผ่นอเมริกาเหนือกับแผ่นแปซิฟิก นักวิทยาศาสตร์ปริศนาอะไรคือเหตุผลที่ภาคเหนือและภาคใต้ล็อคขณะที่ทั้งสองแผ่นสไลด์ที่ผ่านมาแต่ละอื่น ๆ , การสร้างสายพันธุ์ก่อนที่จะปล่อยมันย่อยยับในการผลิตที่มีประสิทธิภาพในขณะที่ไหวภาคกลางย้ายอย่างต่อเนื่อง, การผลิตขนาดเล็ก 'คลาน' แผ่นดินไหว ค้นพบใหม่อาจจะมีคำตอบ ในเดือนกันยายนปี 2007 นักวิทยาศาสตร์เจาะหลุมเจาะผ่านส่วนคืบคลานของความผิดกู้คืนกว่า 130 ฟุต (40 เมตร) ของแกนหิน USGS แร่ไดแอนมัวร์แกนตรวจสอบและพบแป้งแร่น้ำของแมกนีเซียมซิลิกอนและออกซิเจนภายในก้อน serpentenite, หินเปลือกโลกพบได้ที่พื้นผิวของแผ่นเปลือกโลกเขตแดน แป้งมีโครงสร้างชั้นที่ทำให้มันอ่อนแอ มัววิชาตัวอย่างต่อแรงกดดันและอุณหภูมิสูงขึ้นถึง 570 องศาฟาเรนไฮต์ (300 C) เพื่อเลียนแบบสภาพในเขตความผิด มัวร์พบแป้งจะกลายเป็นอ่อนแอชั้นนำของเธอที่จะสรุปดำรงอยู่ของมันสามารถอธิบายความอ่อนแอของความผิดและการเคลื่อนไหวของมันคืบคลาน นักวิทยาศาสตร์กำลังพิจารณาผลกระทบของการนี​​้ได้เกิดแผ่นดินไหวทั่วโลก ...

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

โรเวอร์พบความผิด San Andreas ที่ rips ผ่านหัวใจของแคลิฟอร์เนียกับแผ่นอเมริกาเหนือกับแผ่นแปซิฟิก อะไรคือปริศนาที่นักวิทยาศาสตร์ทำไมล็อคภาคเหนือและภาคใต้ เช่น แผ่นสองภาพนิ่งที่ผ่านมาแต่ละอื่น ๆ , การสร้างความเครียดก่อน catastrophically ปล่อยเพื่อผลิตแผ่นดินไหวที่มีประสิทธิภาพในขณะที่ภาคกลางย้ายเรื่อยๆการผลิตขนาดเล็ก ' คลาน ' แผ่นดินไหว การค้นพบใหม่อาจจะมีคำตอบ ในเดือนกันยายน 2007 , นักวิทยาศาสตร์การขุดเจาะหลุมเจาะผ่านเลื้อยส่วนของความผิดกู้กว่า 130 ฟุต ( 40 เมตร ) ของหินหลัก ผู้ศึกษาเกี่ยวกับแร่ของไดแอนมัวร์ตรวจสอบหลักและพบว่าแป้ง เป็นน้ำแร่แมกนีเซียม ซิลิคอน และออกซิเจนภายใน chunks ของเซอร์เพนทีไนต์ ,หินของเปลือกโลกที่พบในพื้นผิวของเปลือกโลกรอยต่อแผ่นเปลือกโลก . แป้งมีหลายชั้นโครงสร้างที่ทำให้มันอ่อนแอ มัวร์วิชาตัวอย่างต่อแรงกดดันและอุณหภูมิสูงถึง 570 องศาฟาเรนไฮต์ ( 300 C ) เพื่อเลียนแบบสภาพในผิดโซน มัวร์ค้นพบแป้งอ่อนแอลง นําเธอสรุปการดำรงอยู่ของมันสามารถอธิบายว่าจุดอ่อนของความผิดและการเคลื่อนไหวการเคลื่อนไหวนักวิทยาศาสตร์กำลังพิจารณาผลกระทบของการเกิดแผ่นดินไหวทั่วโลกนี้ . . . . . . .