โครงงานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการใช้มวลรวมหยาบรีไซเคิลที่มีผลต่อการหดตัวของคอนกรีต ปัจจัยที่ทำการศึกษาประกอบด้วย คอนกรีตที่มีอัตราส่วนระหว่างน้ำต่อซีเมนต์ 0.35 และ 0.55 ร้อยละการแทนที่ของมวลรวมหยาบรีไซเคิล และประเภทของมวลรวมหยาบที่ใช้ในการศึกษานี้ประกอบด้วย มวลรวมหยาบรีไซเคิลจากโรงผสมคอนกรีตกำลังสูง (ชนิด A) มวลรวมหยาบรีไซเคิลจากโรงผสมคอนกรีตทั่วไป (ชนิด B) และหินปูนมาจากจังหวัดสระบุรี ส่วนผสมคอนกรีตที่ใช้ในการศึกษา จะถูกควบคุมค่าการยุบตัวของคอนกรีตให้อยู่ในช่วง 7.5 – 12.5 เซนติเมตร ก้อนตัวอย่างทั้งหมดจะถูกเก็บไว้ในห้องควบคุมอุณหภูมิ 28±1 °C และความชื้นสัมพัทธ์ 50±5%RH ตลอดการเก็บค่าทดสอบ และการทดสอบหาค่าการหัวตัวโดยรวมของคอนกรีตทำตามมาตรฐาน ASTM C490 จากผลทดสอบการหดตัวโดยรวมพบว่า คอนกรีตที่มีอัตราส่วนน้ำต่อซีเมนต์ 0.55 มีการหดตัวโดยรวมมากกว่าคอนกรีตที่มีอัตราส่วนน้ำต่อซีเมนต์ 0.35 คอนกรีตที่มีการผสมมวลรวมหยาบรีไซเคิลโดยที่ร้อยละการแทนที่ด้วยมวลรวมหยาบรีไซเคิลที่เพิ่มขึ้นจะส่งผลให้ค่าการหดตัวโดยรวมของคอนกรีตเพิ่มขึ้นเช่นกัน และคอนกรีตที่มีส่วนผสมมวลรวมหยาบรีไซเคิลจากโรงผสมคอนกรีตทั่วไปจะมีการหดตัวโดยรวมสูงสุด รองมาเป็นคอนกรีตที่มีส่วนผสมมวลรวมหยาบรีไซเคิลจากโรงผสมคอนกรีตกำลังสูง และคอนกรีตที่มีส่วนผสมหินปูนตามลำดับ